ตอนที่ 3 ข่าวลือที่เต็มไปด้วยโคลน

1443 คำ
เริ่มมีข่าวลือในหมู่บ่าวรับใช้จวนหวังว่าคุณหนูใหญ่กับคนติดอ่างเลี้ยงม้าลักลอบพลอดรักกัน เพียงแค่หวังซื่ออิงให้คนของนางปล่อยข่าวเรื่องราวก็ถูกนินทากันปากต่อปากไม่นานก็รู้กันไปทั้งจวน บางคนไม่เชื่อถึงกับทำเป็นเดินผ่านมาทางคอกม้าอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเห็นทั้งสองสนิทกันจริงดังว่าจึงเอากลับไปเล่าต่อ กลายเป็นโหมข่าวให้กระพือแรงขึ้นราวกับไฟป่าที่ลุกโชน ฮูหยินใหญ่ได้ยินข่าวลือหนาหูเข้าก็ไม่สบายใจเรียกลูกสาวมาตักเตือน ด้วยกลัวว่าหากหวังซ่านซูรู้เข้าจะเกิดเรื่องใหญ่ ส่วนต้นเรื่องนั้นนางพอรู้อยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องมีใครบอกด้วยซ้ำ “ฉินเอ๋อร์ แม่ว่าเจ้าสนิทสนมกับอวี่ถงให้น้อยลงหน่อยเถิด ข่าวลือเรื่องของเจ้าเริ่มหนาหูจนแม่กังวล แม่ไม่อยากให้เจ้าถูกลงโทษ” มารดากล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหนักใจไม่น้อย หวังกุ้ยฉินจึงอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่สบายใจ ตัวนางเองก็ได้ยินเช่นกันแต่ทำเป็นไม่สนใจมาแต่แรกเพราะรู้ดีว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง “ข้าไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียนะเจ้าคะท่านแม่ แต่ข้าจะระวังไม่ให้เดือดร้อนได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวให้คำมั่นกับมารดา ตั้งใจว่าหลังจากนี้จะอยู่ตามลำพังกับชายหนุ่มให้น้อยลงแม้จะเสียดายเรื่องที่เขาชอบเล่าให้ฟังก็ตาม ทว่าถึงหญิงสาวตระหนักได้ก็สายไปเสียแล้ว เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นเรื่องของนางกับคนเลี้ยงม้าก็รู้ไปถึงหูของหวังซ่านซูผู้เป็นอา แน่นอนว่าเรื่องราวนั้นย่อมผ่านการใส่สีตีไข่จากหลินหยุนผิงและหวังซื่ออิงมาแล้วเรียบร้อยให้รุนแรงมากขึ้นอีก หวังซ่านซูถึงกับสั่งให้นำตัวคนทั้งคู่มาประจานต่อหน้าบ่าวไพร่ทั้งจวน ใบหน้าของเขามีแต่ความโกรธขึ้งไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “กุ้ยฉิน เจ้าแอบคบหากับคนเลี้ยงม้าอย่างนั้นหรือ!” สิ้นเสียงของผู้นำตระกูลหวังคนใหม่ บ่าวไพร่ในจวนต่างก็เงียบกริบเนื่องจากเห็นด้วยตาตนเองมาบ้างจึงไม่มีใครสงสัยในความจริง ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงออกมาสักคำเพราะกลัวจะต้องเดือดร้อนไปด้วย มีเพียงหนึ่งสตรีและหนึ่งบุรุษที่หันมองหน้ากันทำนองว่าโดนเข้าแล้ว “ข้าเปล่าเจ้าค่ะท่านอา ข้ากับพี่อวี่ถงเป็นแค่เพียงสหายกันเท่านั้นเจ้าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธหนักแน่นทว่ากลับยิ่งทำให้หวังซ่านซูโมโหมากกว่าเดิมที่นางยืนกรานไม่ยอมรับผิด ทั้งที่มีบ่าวรับใช้แทบทั้งจวนเป็นพยานยืนยัน เขาบังเอิญได้ยินซื่ออิงคุยกับมารดาถึงเรื่องของคนทั้งคู่เลยคาดคั้นให้ทั้งสองเล่าให้ฟัง แม้หลานสาวจะเป็นเหมือนบ่าวคนหนึ่งในจวนไปแล้วแต่ก็ยังใช้สกุลหวังนำหน้า เขาจึงกลัวว่านางจะทำเรื่องเสื่อมเสียให้อับอายคนอื่นขึ้นมา ในฐานะผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเขาไม่อาจยอมรับเรื่องอื้อฉาวได้แน่ “มะ…มัน…ปะ…ปะ…เป็นเรื่อง…ขะ..เข้าใจผิดขอ…ระ…รับ” อวี่ถงเห็นว่าคุณหนูใหญ่กำลังตกที่นั่งลำบากพยายามช่วยแก้ต่างอีกแรงแต่กลับไม่มีใครฟังคนพูดติดอ่างอย่างเขาเลย มิหนำซ้ำเหมือนทำให้หวังซ่านซูรำคาญใจจนถูกลากออกไปต่อหน้าบ่าวรับใช้คนอื่นอีกด้วย “เจ้านี่กล้าโป้ปดอย่างหน้าไม่อายเชียวนะหวังกุ้ยฉิน คงต้องท้องโย้ประจานออกมาก่อนถึงได้ยอมรับอย่างนั้นสินะว่าแอบคบหาพลอดรักกันมานานแล้ว เจ้าจะยืนกรานไม่ยอมรับต่อให้บ่าวในจวนทุกคนเห็นตรงกันอย่างนั้นหรือ!” ชายวัยกลางคนใบหน้าดำคล้ำไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ดูเหมือนว่าต่อให้พูดอะไรไปก็คงไม่คิดฟัง “ท่านอาอย่าโกรธพี่หญิงเลยนะเจ้าคะ อย่างไรเสียพี่หญิงก็เป็นหลานเหมือนกัน” หวังซื่ออิงทำทีช่วยพูดห้ามปรามและมองพี่สาวต่างมารดาด้วยสายตาเวทนาสงสาร สวมบทบาทน้องสาวแสนดีทั้งที่ใจจริงแล้วสมน้ำหน้าอีกฝ่ายเป็นที่สุด ไม่ต่างจากหลินหยุนผิงผู้เป็นแม่เลยสักนิด ทว่ายิ่งพูดอย่างนั้นก็เหมือนกระตุ้นให้เจ้าของจวนกรุ่นโกรธมากกว่าเก่า ด้วยคิดว่าหวังกุ้ยฉินเป็นพี่สาว เป็นบุตรสาวฮูหยินเอก น่าจะมีความฉลาดคิดมากกว่านี้ “เจ้าไม่ต้องปกป้องพี่สาวเจ้าซื่ออิง ผู้ใดกระทำผู้นั้นย่อมต้องรับผิด หาควรใช้ความสงสารในการปกครองคนในจวน ไม่อย่างนั้นแล้วคงวุ่นวายกันไปหมด” “เจ้าค่ะท่านอา” เมื่อถูกตำหนิร่างเล็กก็ทำหน้าสลดลง แต่กลับลอบยิ้มสมใจที่เขี่ยถ่านไม้ให้ไฟในเตาลุกโชนขึ้นมาได้ “ท่านอา ข้าไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าเพียงนั่งคุยกันอยู่ที่คอกม้าก็เท่านั้น ใคร ๆ ก็เห็นนี่เจ้าคะ” กุ้ยฉินกวาดตามองบ่าวรับใช้ซึ่งต่างก้มหน้าหลบไม่กล้าสบตากันเป็นแถว “ชายหญิงเป็นสหายกันไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องป้องกันคำครหาไว้ก่อน ข้าจะให้กุ้ยฉินหลานข้าแต่งงานกับอวี่ถงให้เรียบร้อย ต่อไปจะได้ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียตามมา...รอออกจากการไว้ทุกข์พี่ชายข้าเสียก่อน งานแต่งจะเกิดขึ้นทันที!” หวังซ่านซูประกาศต่อหน้าคนทั้งจวน ทำเอาหวังกุ้ยฉินกับมารดาถึงกับหน้าซีดแทบไร้สีเลือด โดยเฉพาะสตรีนางหนึ่ง… “หวังซ่านซู! เจ้าจะทำเช่นนี้กับลูกข้าไม่ได้นะ” ฮูหยินใหญ่ลุกขึ้นคัดค้านการตัดสินใจครั้งนี้ทันที นางเป็นแม่จะยอมเห็นลูกถูกรังแกได้อย่างไร เท่าที่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้งใช้งานมาก็นับว่ามากพอแล้ว “ท่านคงลืมไปใช่หรือไม่พี่สะใภ้...ว่าข้าเป็นผู้นำตระกูลหวังคนปัจจุบันไม่ใช่พี่ชายข้า ในเมื่อกุ้ยฉินก่อเรื่องน่าอับอาย ข้าในฐานะอาและคนตระกูลหวังคงยอมให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาด่างพร้อยไม่ได้...ตราบใดที่พี่สะใภ้กับหลานอยู่ในการดูแลของข้า ก็ต้องทำตามที่ข้าสั่ง!” ชายวัยกลางคนตวาดกลับอย่างไม่เกรงใจ “ข้าไม่ยอมให้เจ้าบังคับนางเด็ดขาด ข้ายอมออกจากตระกูลเสียยังดีกว่า” ฮูหยินใหญ่บอกอย่างเหลืออด นางคว้ามือลูกสาวเอาไว้ตั้งท่าจะพากลับไปเก็บของทว่ากุ้ยฉินกลับรั้งมารดาเอาไว้ก่อน “ท่านแม่...ใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ ข้าแต่งกับพี่อวี่ถงได้เจ้าค่ะ” ดวงหน้าสวยสดระบายยิ้มอ่อน “ฉินเอ๋อร์!” การตัดสินใจของบุตรีทำเอาผู้เป็นแม่ถึงกับมองอย่างคาดไม่ถึง “ข้าจะแต่งงานตามที่ท่านอาบอกเจ้าค่ะ ท่านแม่อย่าออกไปลำบากเลยนะเจ้าคะ” น้ำเสียงและสายตาเว้าวอนทำเอาม่านจิ่วเม่ยทนไม่ไหวต้องหันหน้าหนี โกรธตนเองที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอ แม้ใจจะทนได้แต่ร่างกายกลับทนลำบากตรากตรำไม่ไหว ช่วยลูกไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายยอมให้โดนบังคับเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่รู้ดีว่าลูกยอมทำเพื่อให้นางได้กินอิ่มหลับนอน มีหยูกยาหาหมอได้ตามฐานะ หากออกจากตระกูลแล้วไซร้คงมิอาจทำเช่นนี้ได้ แม้กุ้ยฉินจะรู้สึกว่าการกระทำของท่านอาโหดร้ายต่อสตรีผู้หนึ่งเกินไปนักแต่ในเมื่อสู้อำนาจล้นมือของเขาไม่ได้ก็จำต้องก้มหน้ารับคำอย่างไม่อาจเลี่ยง “ในเมื่อเจ้ายินยอมทำตามคำสั่งข้าแล้วจงเตรียมตัวให้ดี ระหว่างนี้ไว้ทุกข์ให้พ่อของเจ้าไปอย่าได้กังวล พ้นเวลานั้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” ผู้เป็นใหญ่ในจวนหวังประกาศต่อหน้าทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับเข้าเรือนหลักไปโดยไม่รับฟังคำพูดของผู้ใดอีก อนุหลินและหวังซื่ออิงก็มองมาทางสองแม่ลูกอย่างสมใจ รออีกไม่นานจะได้เห็นฮูหยินใหญ่กับลูกสาวทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็นเสียที... ...................................................................................... ลูกสาวอนุนี่ตัวดีจริงๆ มันน่าตีสักที ท่านอานี่อะไรยังไง ไม่ฟังลูกสาวไรท์เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม