กลับจากชายแดน

1387 คำ
และแล้ววันที่จางเย่วชิงกำหนดไว้ว่าจะหลบหนีก็หมุนเวียนมาถึง นางตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวหลบหนี ก่อนที่บ่าวไพร่ในตำหนักชินอ๋องจะมาพบเจอ ถึงแม้จะไม่มีใครสนใจนางกับสาวใช้ก็ตาม แต่ทว่าก็ต้องไม่ประมาทเพราะการหลบหนีในครานี้เป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนางกับจูลี่โดยแท้จริง มือเรียวงามวางหนังสือหย่าที่ใส่ซองปิดผนึกไว้เป็นอย่างดี บนหัวเตียงไม้เก่าๆที่ไม่มีแม้กระทั่งหมอนและผ้าห่ม เพราะชินอ๋องสั่งห้ามไม่ให้สาวใช้นำมาให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ ชินอ๋องคงตั้งใจจะให้พวกนางทั้งสองคนนอนหนาวตายจะได้ไม่เป็นภาระของเขา ช่างเป็นบุรุษที่มีใจคอโหดเหี้ยมโดยแท้ กระทั่งสตรีรูปร่างผอมบางเพียงนี้ยังกล้าลงมืออย่างอำมหิต ในทุกๆค่ำคืนที่อากาศเริ่มเย็นลง จางเย่วชิงกับจูลี่ต้องนำอาภรณ์เก่าๆที่นำติดตัวมาจากจวนตระกูลจาง สวมใส่ห่อหุ้มคลุมทับอีกชั้นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จึงได้ผ่านพ้นมาได้ในแต่ละค่ำคืน โชคยังดีที่ยังไม่ถึงช่วงฤดูที่หนาวเหน็บ มิเช่นนั้นพวกนางคงได้หนาวตายไปจริงๆ เพราะแม้กระทั่งเตียงเตาก็ยังไม่ได้รับความกรุณาจากเขาเลย หลังจากที่ขายหยกจักรพรรดิจนได้ตำลึงมา จางเย่วชิงจึงหาซื้อเสื้อคลุมตัวหนาสำหรับของนางกับสาวใช้ เพื่อใช้ห่มร่างกายในยามค่ำคืนแทนที่จะซื้อหมอนกับผ้าห่ม เพราะใช้เพียงไม่กี่วันก็ต้องออกเดินทางไกลแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระในการขนย้ายหรือต้องนึกเสียดายหากจะต้องทิ้งไว้ในตำหนักร้างแห่งนี้ “แม้กระทั่งหมอนกับผ้าห่ม ท่านก็ไม่แม้จะเมตตาข้า สายตาที่ท่านเคยจ้องมองข้าในครานั้นคงเป็นสายตาที่เอาไว้ล่อลวงสตรีให้ตกหลุมพรางของท่านสินะ” ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจวูบหนึ่ง ที่ตกค้างมาจากอารมณ์ของเจ้าของร่างเข้าจู่โจมหัวใจที่แข็งแกร่งของนาง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เย่วชิงก็สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้อีกครั้ง “เจ้ายังรอคอยให้บุรุษชั่วช้าผู้นั้นเห็นใจอีกรึ ช่างโง่งมเสียจริง ยามนี้ข้าใช้ร่างกายนี้แล้วอย่าได้เผยความอ่อนแอเช่นนั้นออกมาอีก” จางเย่วชิงเอ่ยออกมากับสายลมอย่างแผ่วเบา เสมือนส่งผ่านคำพูดให้ดวงจิตที่ยังคงวนเวียนมอบความรู้สึกรักและรอคอยบุรุษผู้นั้นให้นางอยู่ร่ำไป ทว่าจิตใจที่เข้มแข็งและเยือกเย็นของนางใช่ว่าจะมาแทรกแซงได้โดยง่าย หากนางไม่รักใครหน้าไหนก็มาชักจูงไม่ได้อย่างแน่นอน!! จางเย่วชิงจ้องมองหนังสือหย่าด้วยแววตาของคนที่ได้รับอิสรภาพ ถึงแม้ยามนี้จะยังไม่มีลายมือชื่อของชินอ๋องหยางหนิงหลง แต่เย่วชิงก็นับว่าตนเองได้หย่าขาดจากบุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้นเสร็จสิ้น นับจากนี้ไปจางเย่วชิงคือสตรีที่ได้ตายจากแคว้นเหว่ยหยางแห่งนี้ไปแล้ว เพราะทันทีที่เดินทางถึงเมืองเสิ่นหนาน นางจะจัดการเปลี่ยนแซ่ไม่ให้ผู้ใดตามติดพบเจอจางเย่วชิงได้อีกตลอดชีวิต จะมีเพียงหวางเย่วชิงสตรีผู้งดงามล่มแคว้นเพียงเท่านั้น ยามเหม่า (05:00-07:00 น.) จางเย่วชิงกับจูลี่หลบหนีออกจากตำหนักชินอ๋องอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีผู้ใดสนใจพวกนางทั้งสองคนอยู่แล้ว ใบหน้างดงามที่ยังคงสวมผ้าปกปิดใบหน้า ยิ้มกริ่มออกมาจนดวงตาคู่งามหยีเล็กลงด้วยความดีใจ ที่ต่อจากนี้นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและสงบสุขในเมืองที่ห่างไกลจากเมืองหลวง “ให้คนของเราอำนวยความสะดวกให้นางทุกด่านตรวจคนเข้าเมือง ห้ามถามซักไซ้ให้ปล่อยผ่านตลอดเส้นทาง” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยกับคนสนิท หลังจากที่เห็นเรือนร่างงดงามก้าวเดินขึ้นไปบนรถม้า ที่นางว่าจ้างมาให้ไปส่งยังเมืองเสิ่นหนาน “ขอรับนายท่าน” ถึงเจียงหยวนจะนึกแปลกใจอยู่มาก แต่เขาก็ไม่กล้าสอบถามอันใดกับนายท่านผู้เคร่งขรึม ที่ไม่เคยนึกสนใจสตรีใดมาก่อนทั้งๆที่อายุอานามก็เข้าเลขสามแล้ว แต่ทว่านายท่านของเขาก็ไม่มีแม้กระทั่งสตรีอุ่นเตียง ซึ่งแตกต่างจากบุรุษอื่นในแคว้นเหว่ยหยาง ที่มักจะมีภรรยาหลายคนเอาไว้คอยปรนนิบัติรับใช้ในครัวเรือน คล้อยหลังจากที่จางเย่วชิงกับจูลี่สาวใช้คนสนิท ได้หลบหนีออกจากตำหนักร้างเพียงแค่5วัน บุรุษสูงศักดิ์เจ้าของตำหนักก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เช้าตรู่ ทันทีที่ชินอ๋องหยางหนิงหลงย่างก้าวเท้าเข้ามาในตำหนัก เจียอีสาวใช้ข้างห้องของชินอ๋องที่ไม่เคยได้ปรนนิบัติรับใช้เขาบนเตียงเลยสักครั้ง ได้รีบออกมายืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจอย่างท่วมท้น เมื่อบุรุษในดวงใจของนางเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย “คารวะท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์เดินทางกลับมาถึงอย่างปลอดภัย หากต้องการให้หม่อมฉันไปรับใช้ในตำหนักส่วนพระองค์ทรงรับสั่งมาได้เลยนะเพคะ หม่อมฉันยินดี” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยออกมาท่ามกลางบ่าวไพร่ที่มายืนรอคอยต้อนรับชินอ๋อง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดขัดขวางนางแต่อย่างใด เพราะเจียอีเป็นคนของไทเฮาที่ถูกส่งมาเป็นสตรีอุ่นเตียงให้กับชินอ๋องหยางหนิงหลง นางรู้สึกดีใจจนกล้าเอ่ยถวายตัวออกไปอย่างโจ่งแจ้ง และวันนี้ยิ่งดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ข่าวว่าศัตรูหัวใจหลบหนีออกจากตำหนักไปแล้ว แต่ก็นึกแปลกใจอยู่บ้างที่สตรีโง่เง่าผู้นั้นยังมีชีวิตรอดมาได้ เจียอียืนยิ้มแย้มรอคอยให้ชินอ๋องเรียกนางไปปรนนิบัติในเรือนนอน แต่บุรุษสูงศักดิ์เจ้าของตำหนักก็หาได้สนใจนางไม่ เขาเมินเฉยต่อข้อเสนอที่นางมอบให้เพราะไม่ชอบใช้ร่างกายไปกับสตรีที่มิได้มีใจ ถึงจะเคยไปใช้บริการตามหอนางโลมอยู่บ้าง แต่กับสตรีในตำหนักเขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวให้เป็นปัญหาที่ยากจะควบคุมในภายหลัง “พ่อบ้านฉีตามข้ามาที่ห้องหนังสือ คนอื่นๆห้ามเข้ามายุ่งวุ่นวายโดยที่ข้าไม่ได้สั่งอย่างเด็ดขาด” สุรเสียงเฉียบขาดเอ่ยออกมาเสียงดัง ท่ามกลางการมายืนรอคอยต้อนรับของบ่าวไพร่ในตำหนักทุกคน ดวงตาคมกริบกวาดสายตามองไปรอบๆผู้คนที่มายืนรอต้อนรับเขา ก็ไม่เห็นพระชายาแสนชังผู้นั้นมายืนรอต้อนรับเฉกเช่นคนอื่นๆในตำหนัก ยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดพุ่งทะยานสูงขึ้น จนบ่าวไพร่ในตำหนักเข้าหน้าแทบจะไม่ติด “พะย่ะค่ะท่านอ๋อง” พ่อบ้านฉีเดินตามนายเหนือหัวไปยังห้องหนังสือของตำหนักใหญ่ด้วยท่าทางเร่งรีบ ในใจก็นึกกังวลว่าหากท่านอ๋องรับรู้เรื่องการหลบหนีไปของพระชายาเอก ตัวเขากับบ่าวไพร่คนอื่นๆจะเป็นเยี่ยงไร จะถูกลงโทษหรือไม่ยิ่งคิดยิ่งเป็นกังวลจนใบหน้ากลมแป้นซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว “สตรีผู้นั้นเหตุใดจึงไม่ออกมารอต้อนรับข้า เจ้าได้ส่งข่าวบอกนางหรือไม่ว่าข้าจะเดินทางกลับมาถึงตำหนักในเช้าตรู่ของวันนี้ หรือพวกนางอยู่ดีมีสุขจนไม่ได้ใส่ใจข้าผู้ซึ่งเป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมา เมื่อกล่าวถึงสตรีที่เขาเกลียดชังเข้ากระดูก เขาเร่งรีบเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงเพราะเป็นกังวลเรื่องของจางซูเม่ย เกรงว่านางจะได้อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทไปเสียก่อน ยิ่งคิดเขายิ่งเคียดแค้นสตรีที่พำนักอยู่ในตำหนักร้าง จนแทบไม่อยากเอ่ยชื่อแซ่ของนางให้เป็นเสนียดในชีวิต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม