“เอ่อ พระชายาจางกับสาวใช้คนสนิท หนีไปแล้วพะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านฉีบอกกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ เพราะนึกหวั่นเกรงว่าท่านอ๋องจะโมโหอยู่ไม่น้อยที่ถูกพระชายาเอกหักหน้าเช่นนี้ หากอยากจะหย่าเหตุใดจึงไม่รอคอยแจ้งข่าวกับชินอ๋องด้วยตนเองเล่า พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนแทน
“หืม อย่างไรนะพ่อบ้านฉี เจ้าจงอธิบายมาให้ละเอียดถี่ถ้วน” น้ำเสียงแปลกใจของชินอ๋องเอ่ยถามออกมา หาได้โมโหโกรธาหรือไม่พอใจแต่อย่างใด
“เมื่อ5วันก่อน กระหม่อมตั้งใจจะไปส่งข่าวเรื่องการกลับมาเมืองหลวงของท่านอ๋อง ให้พระชายาจางเย่วชิงรับรู้ แต่ก็พบเพียงจดหมายปิดผนึกฉบับนี้ ที่พระชายาจางเย่วชิงวางเอาไว้ในเรือนนอนพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านฉียื่นซองจดหมายปิดผนึกอย่างเรียบร้อยให้กับชินอ๋องด้วยมืออันสั่นเทา เพราะยังหวาดกลัวอารมณ์ของนายเหนือหัวอยู่ไม่น้อย เกรงว่าทั้งเขาและบ่าวไพร่คนอื่นๆจะถูกลงโทษ ที่ไม่จับตาดูพระชายาจางเย่วชิงให้ดีปล่อยให้นางกับสาวใช้คนสนิทหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่มีเวรยามเดินตรวจตรารอบๆตำหนักอยู่ตลอดเวลา
ชินอ๋องหยางหนิงหลงรับจดหมายมาและรีบเปิดออกอ่านทันทีด้วยหัวใจที่ลิงโลด เมื่อกำลังคาดหวังบางอย่างอยู่ในใจ ดวงตาคมปลาบมองเห็นหนังสือหย่า ที่เขียนขึ้นมาด้วยลายมือที่อ่อนช้อยสวยงามยิ่งกว่าที่เขาเคยพบเห็นจากที่ใดมาก่อน ถึงจะนึกชื่นชมอยู่บ้างแต่ทว่าก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะกำลังอารมณ์ดีที่ความปรารถนาของเขาได้กลายเป็นจริงแล้ว
“ฮ่าฮ่า เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่ง พ่อบ้านฉีเจ้าจงรีบนำหนังสือหย่าฉบับนี้ ไปส่งที่ศาลาว่าการโดยด่วนจงรีบไปเดี๋ยวนี้เลย หลังจากนี้ข้าก็ไร้พันธะใดๆแล้ว”
ชินอ๋องรีบลงลายมือชื่อในหนังสือหย่า ต่อท้ายลายมือชื่อของพระชายาเอกด้วยความปิติยินดี ที่นางยอมหย่าขาดจากเขาโดยง่าย ทั้งๆที่เขาคิดแผนการเอาไว้ในใจหลายอย่าง เพื่อนำมาทรมานสตรีผู้นั้นจนทนอยู่ในตำหนักแห่งนี้ไม่ไหวอีกต่อไป
โดยที่ชินอ๋องไม่แม้แต่จะเปิดอ่านจดหมายอีกหนึ่งฉบับ ที่แนบมาด้วยกันกับหนังสือหย่า เพราะไม่ได้ใส่ใจรับรู้เรื่องราวใดๆของสตรีที่เขาชิงชังแม้แต่เพียงนิด
“พะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านฉีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่ชินอ๋องไม่ได้โกรธเคืองใดๆที่พระชายาจางเย่วชิงหลบหนีไป ทั้งยังหัวเราะออกมาด้วยความยินดีเสียเต็มประดา ที่ได้รับหนังสือหย่ามาอย่างง่ายดาย
หลังจากที่พ่อบ้านฉีออกไปจากห้องหนังสือ เพื่อไปจัดการธุระที่ได้รับมอบหมาย ชินอ๋องก็ส่งเสียงเรียกองครักษ์คนสนิทให้เข้ามาในห้องหนังสือทันที
“ซีซวน เข้ามา”
เมื่อองครักษ์คนสนิทคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพร้อมรับคำสั่ง ชินอ๋องจึงสั่งการให้เขาไปสืบหาในสิ่งที่ต้องการรับรู้โดยด่วนเพราะร้อนใจยิ่ง เกรงว่านางผู้เป็นที่รักจะรับปากอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทไปเสียก่อน
“เจ้าจงไปสืบดูว่ายามนี้คุณหนูจางซูเม่ยอยู่ที่ใด ในจวนตระกูลจางหรือออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกจวน แล้วรีบกลับมารายงานข้าโดยด่วน”
“พะย่ะค่ะ”
เมื่อองครักษ์ซีซวนออกไปแล้ว ชินอ๋องจึงเดินกลับเข้าไปพักผ่อนในตำหนักด้วยความอิ่มเอมในหัวใจ ที่เขาไร้พันธะจากสตรีใดทั้งยังจะได้พบเจอนางในดวงใจในอีกไม่กี่เพลานี้
“จางซูเม่ย ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งมาเป็นชายาของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
ยิ่งชินอ๋องนึกไปถึงใบหน้างดงามที่ตราตรึงสลักลงไปในหัวใจของเขา ทั้งๆที่ยามนั้นนางยังไม่ถึงวัยปักปิ่นเสียด้วยซ้ำมุมปากหยักก็อมยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ เขาจดจำใบหน้าของจางซูเม่ยได้อย่างแม่นยำ หากได้พบเจอกันอีกครั้งนางคงเติบใหญ่กลายเป็นสาวงามสะพรั่งแล้วเป็นแน่
ยามเว่ย (13.00-15.00 น.) ตำหนักชินอ๋อง
ซีซวนกลับมาที่ตำหนักชินอ๋อง เพื่อแจ้งข่าวที่เขาได้ไปสืบมาให้นายเหนือหัวรับรู้อย่างทันท่วงที ในใจก็นึกแปลกใจอยู่มากที่คุณหนูจางซูเม่ยหาได้งดงามล่มเมือง เฉกเช่นที่ชินอ๋องคอยแต่พร่ำเพ้ออยู่ทุกเมื่อที่กล่าวถึงนาง ทั้งยังผอมบางจนลมแทบจะพัดปลิว หาได้อวบอิ่มเฉกเช่นที่ชินอ๋องเคยพร่ำเพ้อคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง
“เป็นเช่นไรบ้างซีซวน จางซูเม่ยนางออกมาเที่ยวเล่นนอกจวนตระกูลจางบ้างหรือไม่ และยามนี้นางอยู่ที่ใดข้าอยากพบเจอนางยิ่งนัก”
“ออกมาพะย่ะค่ะ ในวันนี้คุณหนูจางซูเม่ย ได้นัดหมายกับสหายเพื่อไปเลือกซื้อเครื่องประดับที่ร้านเฟิ่งหวง หากท่านอ๋องอยากพบเจอนางด้วยความบังเอิญ ต้องไปรอพบที่นั่นพะย่ะค่ะ เพราะกระหม่อมได้ยินมาว่าพวกนางจะอยู่ที่ร้านเฟิ่งหวงจนถึงยามเซิน (15.00-17.00น.)”
“ดียิ่ง ซีซวนเจ้ารีบไปเตรียมรถม้า ข้าจะออกไปร้านเฟิ่งหวงประเดี๋ยวนี้”
“พะย่ะค่ะ”
ยามเว่ย (13.00-15.00 น.) เมืองเสิ่นเจียง
จางเย่วชิงเดินทางโดยรถม้าเข้าวันที่5แล้ว รถม้าคันเก่าๆที่นางว่าจ้างมา ได้เดินทางผ่านเส้นทางของเมืองน้อยใหญ่ด้วยความราบรื่น จนกระทั่งเดินทางมาถึงเมืองเสิ่นเจียง เมืองใหญ่ที่อยู่ติดกับเมืองเสิ่นหนานเมืองเป้าหมายที่เย่วชิงต้องการไปตั้งรกราก เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสาวใช้ข้างกาย
เมื่อดูเวลาจากดวงอาทิตย์ที่ยังคงสาดแสงเข้ามาในรถม้า ก็คาดการณ์ได้ว่าศาลาว่าการของเมืองยังไม่ปิดทำการ นางจึงต้องการไปสอบถามถึงหนังสือหย่าฉบับสมบูรณ์ เฉกเช่นที่กระทำมาทุกเมืองที่เดินทางผ่านมา
การหย่าขาดของสามีภรรยาในแคว้นเหว่ยหยางนั้น จะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายได้รับหนังสือรับรอง ที่ออกจากนายทะเบียนในศาลาว่าการในแต่ละเมือง
โดยในแต่ละวันนายทะเบียนต้นทางของเมืองที่มีการยื่นหนังสือหย่าฉบับแรก จะส่งเหยี่ยวสื่อสารออกไปนับหลายสิบตัว เพื่อกระจายข่าวไปทุกๆเมืองของแคว้นเหว่ยหยางว่าผู้ใดหย่าขาดจากกันแล้วบ้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวเมืองที่อยู่ห่างไกล
ทั้งสองฝ่ายที่หย่าขาดจากกันแล้ว สามารถมาติดต่อรับเอาหนังสือรับรองการหย่า ได้จากศาลาว่าการในทุกๆเมือง ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าเมืองหลวง หรือเมืองต้นทางที่มีการยื่นหนังสือหย่าเพียงจุดเดียว
เรียกได้ว่าเป็นความชาญฉลาดของคนในยุคนี้ จนจางเย่วชิงนึกชื่นชมอยู่ในใจ ทั้งๆที่ยุคนี้ไม่ได้มีระบบคอมพิวเตอร์สื่อสารดังเช่นยุคที่นางจากมา
จางเย่วชิงคาดหวังอยู่ทุกวันว่า นางจะได้รับใบหย่าจากชินอ๋องโดยเร็ว จึงได้ไปติดต่อสอบถามในทุกๆศาลาว่าการของแต่ละเมืองที่นางผ่านทางมา ว่าใบหย่าของนางเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วหรือยัง ซึ่งวันนี้ความคาดหวังของนางก็ได้รับการตอบรับเสียที
ดวงตาหวานซึ้งที่มีแพขนตางอน จ้องมองใบหย่าที่เสร็จสมบูรณ์ด้วยความดีใจท่วมท้น ที่นางได้หลุดพ้นจากบุรุษผู้นั้นโดยถูกต้องตามกฏของแคว้นเหว่ยหยางแล้ว
นับจากนี้ต่อไปก็มิมีผู้ใดมาใช้อำนาจบังคับเอาความกับนางได้อีก ไม่ว่าจะเป็นบิดาที่นางจะเลิกใช้แซ่ของเขา และอดีตพระสวามีใจคอโหดเหี้ยมผู้นั้น
‘ด้ายแดงที่ท่านเทพจันทราได้ผูกท่านกับจางเย่วชิงเอาไว้ในชาติภพนี้ ข้าผู้ที่มาแทนที่ขอตัดมันทุกชาติภพ อย่าได้โคจรกลับมาเป็นคู่สามีภรรยากันอีกเลย บุรุษไร้ใจเช่นนั้นข้าผู้นี้มิขอร่วมทาง’
เสียงรำพันในใจของสตรีที่ไร้พันธะ ด้วยความชิงชังอดีตสวามีไม่ต่างจากที่เขารังเกียจนาง ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมจะรักบุรุษไร้ใจผู้นั้นก็เป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว เพราะนางไม่ขอร่วมทางกับบุรุษที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมในหัวใจเช่นนั้นเป็นอันขาด