เขียนหนังสือหย่า

1352 คำ
เงาดำสองสายที่ซุ่มมองโจรย่องเบาอยู่นานแล้วได้ทะยานหายไปอีกทาง ถึงแม้บุรุษผู้เป็นหัวหน้าจะอยากติดตามสตรีที่ตนเองนึกสนใจตั้งแต่แรกเจอในร้านขายอาวุธ แต่เขาก็ต้องใจเย็นรอคอยให้คนของเขาไปสืบหาข้อมูลดูเสียก่อน บุรุษที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดอยากรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงกล้าเข้ามาย่องเบากวาดเอาทรัพย์สินในจวนตระกูลจางไปถุงใหญ่เช่นนี้ อีกทั้งท่าทางของนางช่างเก่งกาจเยี่ยงนางโจรมืออาชีพอย่างไรอย่างนั้น เย่วชิงกลับเข้ามาถึงตำหนักร้างในยามไฮ่ (21.00-23.00น.) นางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วเข้านอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดีใจ ที่สมบัติของมารดาเจ้าของร่างยังไม่ถูกขายออกไปเลยสักชิ้น ทั้งยังได้ตำลึงมาเพิ่มอีกมากโขดูท่าชีวิตต่อจากนี้นางคงได้กลายเป็นสตรีที่ร่ำรวยอย่างที่ต้องการเป็นแน่ หนทางสู่ความสงบสุข แบบไม่ต้องดิ้นรนให้มากอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ผู้ใดทะลุมิติมาแล้วขยันขันแข็ง ปลูกผัก ขุดโสมไปขายก็ทำไปเถิด แต่นางขออยู่แบบสบายๆใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเร่งรีบหลังจากที่ทำงานหนักมานานหลายปี นั่งจิบชาเลิศรสและชมวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติในยามเช้าตรู่ สายๆมาก็คิดค้นสูตรผลิตเม็ดโอสถไว้ลงประมูลนานๆครั้งก็เพียงพอแล้ว ‘หึหึ ข้าแบกสมบัติทั้งหมดมาไม่ไหวหรอก เลยเหลือไว้ให้พวกเจ้าสองคนแม่ลูก’ เย่วชิงตื่นมาแต่เช้ามืดเพื่อฝึกฝนร่างกายในขั้นพื้นฐานตามความเคยชิน เฉกเช่นเมื่อครั้งที่นางเป็นสายลับ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและพัฒนาให้ร่างกายใหม่สมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น เพราะยามนี้ร่างกายของนางช่างผอมบางยิ่งกว่ากิ่งหลิว กล้ามเนื้อก็ลีบแบนเพราะไม่เคยได้กินเนื้อกินไข่แบบคนอื่นๆทั่วไป ตลอดระยะเวลา3เดือนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักร้างของชินอ๋อง ในทุกๆวันนางได้กินเพียงข้าวต้มใสๆที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งเม็ดข้าวกับเศษผักเพียงไม่กี่ชิ้น เมื่อเปรียบเทียบดูก็เลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่อาศัยอยู่จวนตระกูลจาง ที่บางวันยังมีเศษเนื้อหลงเหลือมาให้อยู่บ้าง อาหารการกินของเย่วชิงกับจูลี่ แย่ยิ่งกว่าอาหารของบ่าวไพร่ทุกคนในตำหนัก หรืออาจจะแย่เสียยิ่งกว่าคนไร้บ้านที่ยังมีผู้ใจบุญมอบอาหารให้ได้กินอิ่มในทุกๆวัน ท่าทางของนางก็ดูบอบบางน่าทะนุถนอมยิ่งนัก หากไม่เร่งสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย คงไม่สามารถฝึกฝนวิชาการต่อสู้ในรูปแบบสายลับ ที่มีรูปแบบการฝึกชนิดที่ว่าร่างกายบอบช้ำอยู่หลายเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ “คุณหนู วิชาการต่อสู้ของท่านช่างแปลกตายิ่งนัก” จูลี่ที่ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจัดเตรียมอาหารในมื้อเช้า จึงได้เห็นคุณหนูของนางกำลังใช้กำปั้นทั้งสองข้างชกอากาศไปข้างหน้าสลับกันไปมา ทั้งยังยกขาสูงขึ้นมาเตะตวัดกลางอากาศอย่างรุนแรง จึงอดไม่ได้ที่จะสอบถามออกไปด้วยความสนใจ “วิชาการต่อสู้นี้ เรียกว่าวิชามวยไทย ข้าเคยได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์ที่ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันระดับโลก อ้อ!! คล้ายๆระดับแคว้นนั่นแหละ และตัวข้าเองก็ชื่นชอบการต่อสู้มวยไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงเริ่มฝึกฝนมวยไทยก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายไปในตัว” เย่วชิงค่อยๆอธิบายให้สาวใช้เข้าใจในวิชามวยไทย ซึ่งอาจารย์ของนางเป็นถึงอดีตนักกีฬาจากประเทศไทย ที่เคยได้รับเหรียญทองโอลิมปิคถึงสองสมัยติดต่อกัน ทางหน่วยFBI จึงติดต่อให้นักกีฬาคนนั้นมาเป็นอาจารย์พิเศษของหน่วยเพื่อฝึกสอนให้กับสายลับในองค์กรโดยเฉพาะ “ดียิ่งเจ้าค่ะ” จูลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง คุณหนูคนใหม่ช่างเก่งกาจไม่เหมือนสตรีใดในแคว้นเหว่ยหยาง เช่นนี้ชีวิตต่อจากนี้คงราบรื่นดีไม่น้อย หลังจากจัดการทุกอย่างในช่วงเช้าแล้วเสร็จ เย่วชิงก็ออกไปนั่งรับลมที่ศาลาเก่าๆที่กำลังจะพังแหล่มิพังแหล่ หลังคาก็มีรูโหว่อยู่หลายจุด ยังดีที่ฤดูกาลนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาเลยสักครั้ง นางกำลังฝนหมึกเพื่อเขียนหนังสือหย่าตามที่ตั้งใจ เมื่อได้น้ำหมึกเพียงพอแล้วจึงตวัดปลายพู่กันลงในกระดาษเนื้อดีด้วยความชำนาญ จูลี่ติดตามมาอยู่ข้างกายคุณหนูของนางถึงกับเหม่อลอย เมื่อมองเห็นโฉมสะคราญล่มเมืองกำลังตวัดปลายพู่กันด้วยท่าทีองอาจสง่างาม แผ่นหลังบอบบางเหยียดตรงหนักแน่น สายตามุ่งมั่นยิ่งส่งเสริมเสน่ห์บนใบหน้างดงามให้ยิ่งแผ่กระจายออกมามากกว่าเดิม เกิดเป็นภาพงดงามที่ยากจะบรรยาย ถึงแม้นางจะนั่งอยู่ในศาลาผุพังก็มิอาจลดทอนความงดงามนี้ได้เลย ใช้เวลาหนึ่งก้านธูป (ราวๆครึ่งชั่วโมง-1ชั่วโมง) เย่วชิงก็เขียนข้อความทุกอย่างแล้วเสร็จ ข้อความที่นางต้องการจะสื่อสารกับชินอ๋องหยางหนิงหลงพระสวามีไร้ใจผู้นั้น ข้อความที่มีความยาวหนึ่งหน้ากระดาษ ซึ่งมีลายพู่กันที่บ่งบอกว่าคนเขียนมีจิตใจที่เข้มแข็งเพียงใด ได้ปรากฏขึ้น ท่ามกลางจิตใจที่ถูกบีบรัดจากเจ้าของร่างเดิม ที่ยังคงทิ้งความรู้สึกเศร้าเสียใจเอาไว้ เพราะนางเข้าใจว่าพระสวามีที่นางหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ เป็นคนสั่งบ่าวไพร่ให้วางยาพิษให้นางตายจากไปด้วยความชิงชังรังเกียจ เมื่อตั้งสติและกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว ใบหน้างดงามจึงจุดยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาออกมา จูลี่ที่เฝ้ามองคุณหนูของนางอยู่ตลอดเวลาถึงกับขนลุกขนพองไปทั้งตัว เพราะสีหน้าที่เคยสดใสอยู่เสมอ ทว่ายามนี้กลับเฉยเมยไร้ความรู้สึกจนน่าหวั่นเกรง เย่วชิงยิ่งขุดค้นความทรงจำของร่างเดิมขึ้นมามากเท่าไหร่ นางก็นึกรังเกียจสวามีชั่วช้าผู้นั้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว หากได้บังเอิญพบเจอกันอีกครั้ง นางคงต้องตั้งสติให้มั่นไม่ให้ลงมือลอบสังหารบุรุษใจโหดเหี้ยมผู้นั้น เพราะนางต้องการเพียงความสงบในชีวิตไม่อยากแก้แค้นผู้ใดทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่าคนเหล่านั้นจะไม่รามือจากนางแต่โดยดี ดูเอาเถิดแต่เดิมจางเย่วชิงก็ใช้ชีวิตยากลำบากท้ายจวนมาเกือบทั้งชีวิต บิดาก็ทอดทิ้งให้เจ็บช้ำน้ำใจมามากเกินพอแล้ว ยังจะต้องมาตกระกำลำบากในตำหนักที่นางไม่ได้เลือกด้วยตนเองเช่นนี้อีก ชินอ๋องหยางหนิงหลงและคนของเขาช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมและชั่วร้ายยิ่งนัก ถึงได้กล้าลงมือกระทำกลั่นแกล้งสตรีตัวเล็กๆที่ไร้หนทางต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้ หากนางไม่ถูกโชคชะตาพัดพาให้เข้ามาอยู่ร่างนี้ จางเย่วชิงก็คงตายตกไปอย่างไร้ความยุติธรรม แม้กระทั่งดินกลบหน้ายังไม่รู้เลยว่าจะมีหรือไม่ ข้าวปลาอาหารที่บ่าวไพร่ในตำหนักส่งมาให้ก็ดูออกได้โดยง่ายว่าเป็นของเหลือกิน บางวันก็ส่งข้าวบูดมาให้พวกนางกินประทังชีวิต จางเย่วชิงคนเดิมที่ไม่กล้าจะหลบหนีหรืออ้อนวอนขอความเห็นใจจากผู้ใด จึงได้อดทนกินของเหลือจนกระทั่งร่างกายนี้ผอมแห้งลงไปทุกวัน ยิ่งคิดมือเรียวยิ่งกำแน่นเข้าหากันด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่ให้ลุกไปจุดไฟเผาตำหนักใหญ่ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม