คล้อยหลังที่จางเย่วชิงเดินออกจากตลาดในเมืองหลวง บุรุษสูงใหญ่ในชุดสีดำก็ก้าวออกมาจากที่ซ่อน เพราะเขาเดินตามสตรีที่มีผ้าปกคลุมใบหน้ามาตั้งแต่ที่ร้านขายอาวุธแล้ว วันนี้เขาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อมาเลือกซื้ออาวุธที่น่าสนใจจากร้านประจำ จึงมีโอกาสได้เห็นสตรีบอบบางเลือกซื้ออาวุธด้วยความคล่องแคล่ว ประหนึ่งว่านางใช้อาวุธเป็นทุกชนิด
เขาสนใจที่นางมีความรู้ด้านอาวุธจึงเดินตามมาดูด้วยความสงสัย แต่สตรีผู้นั้นกลับรู้ตัวเสียก่อนเขาจึงต้องหลบซ่อนตัวในที่ลับ เพื่อจ้องมองว่านางเป็นผู้ใดและอาศัยอยู่ที่จวนไหนกันแน่ ทว่าก็ไม่เป็นผลเมื่อนางเดินหายไปท่ามกลางฝูงชนที่ออกมาเลือกซื้อของกินของใช้ในยามเช้า
จางเย่วชิงเดินกลับเข้าตำหนักร้างด้วยความโล่งใจเมื่อไม่พบเจอผู้ใดติดตามมา นางใช้วิชาเดินเร็วที่เคยฝึกฝนกับครูฝึกของหน่วยFBI มาอย่างหนัก เพื่อหลบหนีบุรุษที่เดินตามนางมาจากร้านอาวุธจนเขาไม่สามารถตามทันได้
“คุณหนู เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ สำเร็จลุล่วงทุกอย่างหรือไม่”
จูลี่เอ่ยถามคุณหนูที่เดินกลับเข้ามาในตำหนักร้างด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบ หากนางไม่ยืนรออยู่ด้านหน้าประตูตำหนัก คงไม่มีทางรับรู้ได้เป็นแน่ว่าคุณหนูเดินทางกลับมาถึงแล้ว
“เรียบร้อยทุกอย่าง ข้ามีตำลึงที่มากพอต่อการหลบหนีและใช้ชีวิตในต่างเมืองแล้ว ถัดจากวันนี้ไปอีก7 วัน เราจะออกเดินทางไปเมืองเสิ่นหนานกันทันที ในถุงย่ามนี้มีอาหารมื้อเช้าและของสดของแห้งสำหรับปรุงอาหารในมื้อถัดไป เจ้าจงนำไปจัดการเถิด และตอนค่ำๆข้าจะออกไปจัดการบางอย่างที่จวนตระกูลจาง ก่อนที่พวกเราจะตัดขาดกับคนเหล่านั้นตลอดชีวิต เจ้าเข้านอนก่อนได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
“เจ้าค่ะคุณหนู ข้าดีใจยิ่งที่จะได้ออกไปจากทีนี่เสียที ในยามค่ำคืนข้าแทบนอนไม่หลับเพราะกังวลว่าจะมีผู้ใดเข้ามาทำร้ายพวกเราทั้งสองคน ดูเอาเถิดแม้แต่ประตูตำหนักยังปิดไม่ได้ ช่างหาความปลอดภัยอันใดมิได้เลย”
“อืม นับจากนี้ต่อไป เราสองคนจะไม่ตกระกำลำบากเช่นนี้อีกแล้วข้าให้สัญญา หากผู้ใดจะมารังแกข้าและเจ้าอีกเพียงครั้ง มันผู้นั้นย่อมต้องได้รับบทเรียนเป็นแน่”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมา แววตาที่แต่เดิมซุกซนสดใสเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุดัน จนจูลี่นึกหวั่นใจว่าคุณหนูของนางผู้นี้จะไปสังหารสวามีใจร้ายเข้าสักวัน
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ยามซวี (19.00-21.00น.) จวนตระกูลจาง
“ท่านแม่เจ้าคะ เรื่องนั้นเป็นเช่นไรบ้าง สำเร็จแล้วหรือยัง” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยสอบถามมารดา ขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ในเรือนนอนส่วนตัวของนาง
“แม่ให้คนของแม่ที่แฝงตัวเข้าไปในตำหนักจัดการแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลอันใดทั้งสิ้น เพราะอย่างไรเสียแม่ต้องจัดการให้เด็ดขาดอยู่แล้ว จะได้ไม่มีหนามแหลมมาคอยทิ่มตำบุตรสาวของแม่อยู่เช่นนี้”
“เจ้าค่ะ แล้วสินเดิมของนางล่ะเจ้าคะ ท่านแม่ไม่มอบคืนให้นางก็ได้เช่นนั้นหรือ”
“กุญแจห้องคลังอยู่ในมือแม่ บิดาของเจ้าก็ไว้ใจและเชื่อฟังแม่แต่เพียงผู้เดียว เหตุใดแม่ต้องคืนด้วยเล่า มิสู้เก็บเอาไว้ให้เป็นสินเดิมของเจ้าไม่ดีกว่าหรอกหรือ”
“ดีเจ้าค่ะ แล้วคนที่ที่ขายข่าวให้คนของชินอ๋องเรื่องเจ้าสาวตัวปลอม ท่านแม่จัดการอย่างไรเจ้าคะวันหน้านางจะไม่กลับมาแว้งกัดพวกเราหรือ”
“คนตายไปแล้วย่อมพูดไม่ได้ เจ้าอย่าได้เป็นกังวล”
ตลอดบทสนทนาของสองคนแม่ลูก อยู่ในสายตาของเงาดำสายหนึ่งซึ่งแอบอยู่ในมุมอับของเรือนนอนอย่างมิดชิด ด้วยทักษะการเก็บลมหายใจอันล้ำเลิศ ที่ถูกเคี่ยวกรำฝึกฝนอย่างหนักจากครูฝึกที่มาจากหน่วยซีลของสหรัฐอเมริกา
‘หึ หึ สมบัติของข้าย่อมเป็นของข้า เก็บไว้เองนานเพียงนี้เจ้าคงต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ข้าสักหน่อยแล้วล่ะฮูหยินรอง ส่วนเรื่องข่าวปลอมอันใดข้าหาได้ใ่ส่ใจไม่ ดีเสียอีกที่ชินอ๋องหน้าโง่ผู้นั้นจะได้ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับข้าไปตลอดชีวิต หย่าขาดเนื่องจากไม่ได้มีใจให้กันย่อมดีที่สุด’
มุมปากทั้งสองข้างของนางยกขึ้นอย่างมีเลศนัย เมื่อรับรู้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วจึงกระโดดออกจากหน้าต่างเรือนนอนที่เปิดออกกว้างอยู่ก่อนหน้านี้ด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบ วิชาตัวเบาที่นางฝึกฝนจนร่างกายบอบช้ำอยู่นานหลายเดือนยามนี้ได้นำมาใช้หลบหนีอย่างสมบูรณ์
กริ๊ก!!
เสียงไขดานประตูห้องคลังสมบัติดังขึ้นแผ่วเบา ห้องคลังสมบัติของตระกูลจางที่ผู้ถือกุญแจมั่นใจนักหนาว่าไม่มีผู้ใดเปิดออกได้อย่างแน่นอน หากไม่ใช้กุญแจที่นางพกติดกายอยู่ตลอดเวลาไขเข้าไป
เย่วชิงสามารถไขสลักประตูห้องคลังสมบัติได้โดยง่าย เพราะนางคุ้นเคยกับการสะเดาะกลอนประตูเกือบทุกชนิดทั้งในรูปแบบปัจจุบันและแบบสลักโบราณเช่นนี้ เข็มเล่มเล็กๆถูกสอดเข้าในรูสลักนางหมุนวนเข็มไปมาเพียงชั่วครู่ก็สามารถเปิดประตูห้องคลังได้สำเร็จ
ประกอบกับหน้าบริเวณห้องคลังสมบัติไม่มีเวรยามเฝ้ารักษาเลยสักคน จึงไม่มีอุปสรรคกีดขวางการทวงคืนสินเดิมในรูปแบบของการย่องเบาเลยสักเพียงนิด
“หืม ร่ำรวยไม่เบา แต่เหตุใดยังอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่นอีก เช่นนั้นข้าคงต้องขอดอกเบี้ยมากสักหน่อย”
เย่วชิงเหยียดยิ้มกว้างในรูปแบบของตัวร้ายออกมา เมื่อตัดสินใจที่จะหยิบฉวยเอาทรัพย์สินในห้องคลังของตระกูลจางไปเกินกว่ารายการสินเดิมของนาง ซึ่งมารดาของนางฝากรายการทรัพย์สินทั้งหมดไว้กับแม่นมก่อนที่จะจากไปตลอดกาล
เมื่อกวาดเอาสินเดิมของนางจนครบถ้วนลงในถุงย่ามขนาดใหญ่ ทั้งยังกวาดเอาทรัพย์สินจำพวกตั๋วเงินที่ไม่มีตราปั๊มชื่อตระกูล กับก้อนทองและหยกที่คุณภาพดีในจำนวนที่พึงพอใจแล้ว นางก็รีบเดินย่องออกจากจวนตระกูลจางด้วยความระมัดระวัง
เย่วชิงนึกแปลกใจอยู่บ้างที่จวนขนาดใหญ่เพียงนี้ เหตุใดถึงไม่มีเวรยามเดินตรวจตรา เพื่อรักษาความปลอดภัยของจวนในยามค่ำคืน เมื่อหาคำตอบมิได้ก็คร้านจะใส่ใจ ร่างบอบบางรีบทะยานปีนขึ้นบนกำแพงของจวนด้วยความคล่องตัว แล้วหลบหนีออกไปโดยง่ายดาย
“หึหึ เก่งจริงๆ ไปปลุกเวรยามพวกนั้นให้ตื่นได้แล้วจะได้ไม่ผิดสังเกต และระวังอย่าให้ผู้ใดพบเห็นพวกเจ้า”
“ขอรับนายท่าน”