จางเย่วชิงหยิบเอาหยกจักรพรรดิสีเขียวเข้ม ก้อนขนาดเท่าไข่ไก่ที่กลมมน ออกมาจากถุงย่ามของสาวใช้ที่นางสะพายติดตัวมาจากตำหนักชินอ๋อง แล้วยื่นให้เถ้าแก่เนี้ยผู้ที่มีท่าทางสุขุมเรียบร้อย ไม่พูดจาหรือแสดงท่าทีรังเกียจทั้งๆที่นางสวมใส่อาภรณ์เก่าๆของสาวใช้เข้ามาติดต่อค้าขายด้วย
“หยกจักรพรรดิ!!”
เจิ้งอี้เหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังมากกว่าปกติเป็นสองเท่า เมื่อมองเห็นหยกจักรพรรดิสีเขียวเข้มน้ำงามเป็นหนึ่ง ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมา
เมื่อตรวจสอบส่องดูอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นหยกของจริงที่ไร้ซึ่งตำหนิใดๆ จิตใจของเถ้าเนี้ยสั่นไหวรุนแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่นางได้พบเห็นหยกจักรพรรดิที่มีลักษณะสมบูรณ์แบบขนาดนี้
“เจ้าค่ะ ท่านตรวจสอบดูได้เลย หยกชิ้นนี้เป็นของมารดาข้ามีสลักแซ่เดิมของนางเอาไว้ ทั้งยังสลักชื่อของข้าเอาไว้ต่อท้าย รับรองได้ว่าข้าไม่ได้ลักขโมยของผู้ใดมาหลอกขายท่าน เพื่อสร้างปัญหาให้ร้านเฟิ่งหวงอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงหวานๆ ทว่าหนักแน่นน่าเชื่อถือกล่าวออกไป เพื่อให้เถ้าแก่เนี้ยเชื่อมั่นในหยกของนางว่าไม่ได้ลักขโมยของผู้ใดมาทั้งสิ้น
เจิ้งอี้เหมยพลิกดูหยกจักรพรรดิสีเขียวมรกต ที่มีผิวเนื้องดงามมากที่สุดเท่าที่นางเคยพบเห็นมา ตามคำบอกกล่าวของสตรีผู้เป็นเจ้าของหยกก้อนนี้ ก็พบว่าเป็นจริงดังที่กล่าวมาเมื่อนางเห็นแซ่หวางสลักเอาไว้ ต่อท้ายด้วยอักษรคำว่าเย่วชิง
“งดงามมาก และมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา แม่นางเจ้าจะขายให้ร้านเฟิ่งหวงของข้าจริงๆหรือ”
เจิ้งอี้เหมยสอบถามออกไปเพื่อความแน่ใจ เพราะหยกจักรพรรดิน้ำงามและก้อนใหญ่เพียงนี้ ผู้คนส่วนมากมักจะนำไปประมูลกันแทบทั้งนั้น เพื่อให้ได้ราคาที่สูงยิ่งกว่าการฝากขายตามร้านเครื่องประดับ สตรีอายุน้อยผู้นี้อาจจะไม่รู้เรื่องการประมูลนางจึงต้องบอกกล่าวออกไปให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาต่อกันในภายหลัง
“ขายเจ้าค่ะ ข้าไม่ขอปิดบังว่ายามนี้กำลังเดือดร้อนเรื่องตำลึงอยู่มาก อีกทั้งหยกจักรพรรดิที่งดงามและมีขนาดที่ใหญ่เช่นนี้ หากอยู่ในมือของผู้ที่สามารถทำประโยชน์ได้ ย่อมดีกว่าที่ข้าต้องพกติดกายไว้ล่อโจรผู้ร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”
“อืม จริงของเจ้า ข้าจะให้ราคาที่ดีที่สุดแก่เจ้าเป็นแน่ แต่ถ้าหากเจ้าอยากได้ราคาที่ดีกว่าที่ร้านของข้ารับซื้อ เจ้าต้องนำไปลงประมูลที่โรงประมูลแสงจันทร์ ที่ต้องเดินถัดไปอีกสองตรอกเพียงเท่านั้น”
เถ้าแก่เนี้ยเจิ้งอี้เหมยเอ่ยออกไปด้วยความสัตย์จริง เพราะนึกเห็นใจสตรีอายุน้อยที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตนเอง นางคงจะจำเป็นมากจริงๆถึงได้ตัดสินใจขายสมบัติของตระกูล
“ข้าขายให้เถ้าแก่เนี้ยเจ้าค่ะ เพราะข้าไม่สะดวกนำไปลงประมูลด้วยตนเอง เนื่องจากยามนี้ข้ายังดูแลตนเองได้ไม่ดีพอ หากบุ่มบ่ามกระทำการใหญ่จนเกินตัว อาจเป็นภัยแก่ตนเองในภายหลังได้”
เย่วชิงไม่อยากให้ใครรับรู้ว่านางเป็นใคร และมีหยกจักรพรรดิในครอบครอง เพราะไม่อยากให้ข่าวเล็ดลอดไปถึงจวนตระกูลจาง ทั้งยังไม่อยากให้สวามีหน้าโง่ผู้นั้นรับรู้ความเคลื่อนไหวของนาง ก่อนที่จะได้ลาขาดสิ้นพันธะต่อกันไปตลอดชีวิต
“ข้าชื่นชอบสตรีที่มีความคิดอ่านรอบคอบเช่นเจ้ายิ่งนัก เอาล่ะๆข้าจะรับซื้อไว้เองและให้ราคาที่ดีแก่เจ้าเป็นแน่ หยกจักรพรรดิก้อนนี้น้ำงามยิ่งนักและมีขนาดที่ใหญ่มาก ข้าให้เจ้า 1,000,000 ตำลึงทอง พึงพอใจหรือไม่”
“พอใจมากแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากที่กล้าจ่ายในราคาที่สูงเยี่ยงนี้”
เย่วชิงดีใจจนดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นางคิดว่าคงขายได้สัก 800,000 ตำลึงทอง ตามความรู้ที่เคยศึกษาเรื่องหยกจักรพรรดิโบราณมาอยู่บ้าง ทั้งยังจะรู้ด้วยว่าในโรงประมูลราคาคงขึ้นไปเป็นล้านตำลึงทองเป็นแน่
“อืม ข้าถูกชะตากับเจ้ายิ่งนัก เลยให้ราคาที่ต่ำกว่าในโรงประมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยมากเจ้าค่ะ” ดวงหน้างดงามหวานละมุนแย้มยิ้มออกมาจนดวงตากลมโตหยีเล็กลง
“เจ้าจะฝากตำลึงเลยไหม สามีของข้าทำร้านรับฝากเงินขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง สามารถนำตั๋วเงินไปขึ้นเงินได้ทุกเมืองที่มีสาขาของร้าน ซึ่งยามนี้ก็มีสาขาครบทุกเมืองแล้ว หากเจ้าเห็นชอบด้วยข้าจะจัดการให้ด้วยตนเอง ส่วนตัวเจ้าก็พกเพียงตำลึงที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายไว้ติดกายเป็นพอ”
เมื่อถูกชะตากับสตรีอายุน้อยผู้นี้ เจิ้งอี้เหมยจึงเสนอจัดการเป็นธุระเรื่องฝากตั๋วเงินของนางด้วยตนเอง แม่นางน้อยผู้นี้จะได้ปลอดภัยจากผู้ไม่ประสงค์ดี เพราะตำลึงที่มากมายเพียงนั้นหากมีโจรผู้ร้ายรับรู้คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่