ตอนเย็นภูวดลขับรถมารับดอกแก้วมาที่มหาวิทยาลัย แต่รอเกือบครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็ยังไม่ปรากฏตัว
“หายหัวไปไหนของเธอเนี่ย ดอกแก้ว”
เขาสบถออกมาอย่างโมโห เมื่อโทรหาหญิงสาวแล้วพบว่าหล่อนปิดเครื่อง
“อย่าให้เจอเชียวนะ ฉันเล่นงานเธอหนักแน่”
ชายหนุ่มส่งเบอร์มือถือของดอกแก้วให้กับเพื่อนตำรวจของตัวเองเพื่อเช็คสัญญาณโทรศัพท์ ก่อนจะขับรถตามไปทันที
ระหว่างทางที่ขับรถ เขาก็คาดโทษหญิงสาวด้วยความโมโห เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ดอกแก้วกล้าขัดคำสั่งของเขา แต่พอเขาขับรถมาถึงสถานที่ที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือของดอกแก้วสิ้นสุด ความโมโหก็เปลี่ยนเป็นความตกใจขึ้นมาทันที
เพราะสถานที่ตรงนี้มันคือริมแม่น้ำที่มีสะพานทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา
เขาจอดรถ และก้าวลงไป สายตาของเขามองไปเห็นร่างคุ้นตาที่ยืนเกาะอยู่กับขอบสะพานสีขาวไกลๆ
ดอกแก้ว...
หล่อนมาทำอะไรบนสะพานนี้นะ...
เขารีบก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหา เร่งความเร็วของการก้าวเดินให้ถี่ขึ้น จนกระทั่งเกือบจะเข้าใกล้ได้แล้ว ดอกแก้วก็หันมาเห็นเสียก่อน
แววตาของหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาน่าเวทนา กายสาวของหล่อนบอบบางแทบปลิวไปตามแรงลมที่พัดเข้าปะทะร่าง
“เธอมาทำบ้าอะไรตรงนี้ ดอกแก้ว ทำไมไม่รอฉันที่มหา’ลัย”
เจ้าหล่อนไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับยิ้มเศร้าๆ กลับมาแทน
“ยิ้มบ้าอะไรของเธอ ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ฉันต้องไปพบลูกค้า”
“อย่า... เข้ามาค่ะพี่ภู...”
นี่คือคำพูดแรกที่หล่อนพูดขึ้น และก็ค่อยๆ ถอยหลังชนกับราวสะพานมากขึ้น
ภูวดลชะงักเท้ากึก เขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติของเหตุการณ์นี้แล้ว
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะกระโดดลงไปน่ะ”
ดอกแก้วไม่ได้ปฏิเสธ นั่นทำให้ภูวดลถึงกับตกใจ แต่เขาก็พยายามเก็บอาการเอาไว้
“แก้ว... จะชดใช้ความผิดของพ่อให้กับพี่ภูค่ะ”
“ชีวิตของเธอมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก อย่าคิดว่าตายแล้วทุกอย่างจะจบ”
ดอกแก้วปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอาบแก้มด้วยความเจ็บปวด
“แต่การที่แก้วตายไป แก้วก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่พี่ภูคิดจะทำกับแก้วอีก... ความตายสำหรับแก้วมันคือจุดสิ้นสุดค่ะ”
“อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นเชียวนะ เพราะต่อให้เธอตายไป ฉันก็จะตามไปลากวิญญาณของเธอขึ้นมาจากนรกอยู่ดี”
ดอกแก้วไม่ได้ตอบ หล่อนยิ้มเศร้าหมอง ก่อนจะค่อยๆ ปีนข้ามราวสะพานไปอีกฝั่ง โดยที่ภูวดลร้องห้ามแต่หล่อนไม่ฟัง
“อย่านะดอกแก้ว อย่าทำแบบนี้เชียวนะ”
“แก้วรู้ว่าความตายของแก้วไม่สามารถลบความแค้นของพี่ภูได้ แต่แก้ว... ทนอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ...”
“ใช่ ชีวิตของเธอไม่มีค่าพอจะดับความแค้นของฉันได้หรอก ดังนั้นเลิกคิดจะฆ่าตัวตายซะ ปีนกลับมาเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษนะคะพี่ภู... ขอโทษที่ครั้งนี้แก้วไม่สามารถเชื่อฟังคำสั่งของพี่ภูได้อีกแล้ว...”
ภูวดลเพิ่งรู้ซึ้งตอนนี้เองว่า เขาเป็นห่วงดอกแก้วมากขนาดไหน เขาพยายามคิดที่จะหาทางหยุดยั้งหญิงสาว แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะสายเกินไปแล้ว
“ดอกแก้ว อย่าโดดนะ!”
ใช่...
ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว เพราะดอกแก้วตัดสินใจทิ้งร่างของตัวเองลงสู่แม่น้ำด้านล่างเพื่อจบความแค้นทุกอย่าง
“ดอกแก้ว!!!”
ภูวดลวิ่งเข้าไปเกาะราวสะพาน สายตาของเขามองเห็นร่างเล็กในชุดนักศึกษาร่วงลงกระแทกกับผิวน้ำด้านล่างกับตา
หัวใจของเขาเหมือนกับถูกกระชากออกไปจากทรวงอก
“ไม่ได้ ฉันยอมให้เธอตายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะดอกแก้ว”
มันไม่ใช่ความเกลียดหรอกที่บงการให้เขาสลัดรองเท้าหนังออกจากตัว และกระโดดตามดอกแก้วลงไปในแม่น้ำเชี่ยวด้านล่าง
แต่มันคือ...
คือความรู้สึกผูกพันธ์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเกลียดชังต่างหากล่ะ
สายน้ำรอบตัวทั้งเย็นทั้งไหลแรง ทำให้การแหวกว่ายเพื่อคว้าร่างเล็กของคนที่ต้องการจบชีวิตนั้นยากเย็นนัก
ภูวดลใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของตัวเอง ว่ายทวนกระแสน้ำ และก็คว้าร่างที่กำลังจะจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของแม่น้ำเอาไว้ได้ทันเวลา
“แก้ว... ดอกแก้ว...”
เขากอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง และก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองว่ายกลับเข้าฝั่งด้วยความทุลักทุเล
ร่างของดอกแก้วไม่ไหวติง หล่อนนอนแน่นิ่งอยู่ที่ริมฝั่งโดยมีเขาที่พยายามที่จะปั้มหัวใจและผายปอดให้ด้วยความร้อนใจ
“ดอกแก้ว... ห้ามตายนะ เธอตายไม่ได้นะ ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอตาย ดอกแก้ว... ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันสั่งให้เธอฟื้น...”
เขาสั่งไปด้วยและก็ปั้มหัวใจให้กับดอกแก้วไปด้วย
“ฟื้นสิ... ดอกแก้ว ฟื้น ได้โปรดเถอะ...”
ความหวาดกลัวกัดกินหัวใจของภูวดลอย่างเลือดเย็น ยิ่งร่างเล็กเปียกโชนยังไม่มีทีท่าจะฟื้นคืนสติ เขาก็ยิ่งรู้หวาดกลัวเหลือเกิน
“ดอกแก้ว... ฟื้นเถอะน่ะ ฉันขอร้อง... ฟื้นขึ้นมาสิ...”
ตอนนี้ภูวดลรู้ซึ้งแล้วล่ะว่า เขาเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน
ภาพความทรงจำในอดีต สมัยที่ทนงศักดิ์ยังไม่ได้ทรยศครอบครัวของเขาผุดขึ้นมา
ตอนนั้นเขาเอ็นดูดอกแก้วมาก และหล่อนก็รักเขาและตามติดเขาแจ
“ดอกแก้ว... ฟื้นเถอะนะ ได้โปรด...”
“แค่ก แค่ก...”