(& หมายถึงคุยภาษาญี่ปุ่น)
ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่น
บ้านทรงญี่ปุ่นหลังใหญ่ตั้งอยู่ชานเมืองโตเกียว รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่หนาทึบสูงละกำแพงรั้วที่กินความยาวจนสุดลูกหูลูกตา พื้นที่โดยรอบมีขนาดกว้างขวางถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างมีระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่สำหรับเจ้านาย หลังเล็ก ๆ เรียงต่อกันสำหรับพวกลูกน้อง ห้องครัวที่แยกออกไปอยู่ท้ายบ้าน ห้องเก็บของขนาดกลาง ห้องโถงซ้อมดาบ และโดยเฉพาะสวนธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ถูกจัดตกแต่งอยู่ในพื้นที่กลางบ้าน เสียงน้ำพุไม้ไผ่ดังตลอดเวลา สร้างความรื่นรมย์ผ่อนคลายให้คนในบ้านได้เป็นอย่างดี และใกล้ ๆ นั้นยังมีดอกไม้นานาชนิดที่บานตามฤดูกาลประดับประดาอยู่ หนึ่งในนั้นคือต้นซากุระใหญ่กำลังเบ่งบานเป็นสีชมพูต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ
ความโอ่อ่าไม่ใช่ว่าตระกูลไหนหรือใครก็ได้ที่จะมี หากไม่รวยและมีอำนาจจริง ๆ อย่างตระกูลของฉัน
ณ ห้องโถงกว้างปูด้วยเสื่อทาทามิสีเขียวอ่อน ตรงกลางมีเตาถ่านอิโรริสำหรับชงชาถูกจุดไว้ต้มกาน้ำที่ห้อยมาจากจิไซคากิ (ตะขอสำหรับแขวนหม้อเหนือเตาสมัยโบราณ) ส่งกลิ่นไหม้พร้อมควันอ่อน ๆ คละคลุ้งไปทั้งห้อง บรรยากาศโดยรอบเงียบเชียบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดหรือเหล่าแมลงร้องดังมาจากสวนด้านนอก และเสียงเผาไหม้จากฟืนดังนิดหน่อยเป็นระยะ
มุมด้านหน้ามีชายคนหนึ่งในชุดยูกาตะสีดำนั่งจิบชาอุ่น ๆ ด้วยท่าทางอันสุภาพ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ดวงตาเย็นชา ด้านข้างมีหญิงสาวในชุดกิโมโนสีเข้มนั่งคุกเข่าอย่างมีมารยาท
“&ไหน ๆ จุนโกะก็เรียนจบม.ปลายแล้ว พ่อจะให้ไปเรียนต่อที่ไทย” ผู้ชายเจ้าระเบียบหันมาพูดกับฉันด้วยใบหน้าจริงจัง
ใช่! เขาคือพ่อของฉันเอง พ่อแท้ ๆ พ่อที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่า
“&ขอเหตุผลค่ะ” ฉันถามกลับไปทันที เพราะพ่อต้องมีเหตุผลอย่างอื่นอีกแน่
“&จะให้ไปคุมพี่แกหน่อย เพราะมันไม่ยอมไปเรียน ให้ไปคุมผับก็ดันขลุกอยู่แต่ที่นั่น มัวแต่กกผู้หญิง พ่อกลัวมันโง่จนโดนหลอกเอา และอีกอย่างการ์ดที่ส่งไป มันส่งรายงานโกหกมาว่าพี่แกดีทุกอย่าง พวกมันคงโดนบังคับจากพี่แก พ่อเลยจะให้แกไปคุมที่โน้นและจัดการพี่แกซะ”
พ่อพยายามพูดหาเหตุผลยืดยาว เพื่อต้องการให้ฉันไปไทย สายตาของเขาไม่ได้มองกันสักนิด เอาแต่ก้มมองถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้า สายตาคู่นั้นกำลังใจลอย บ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างที่เป็นกังวลอยู่ นาน ๆ จะได้เห็นพ่อทำสายตาแบบนั้นสักครั้งหนึ่ง คงเป็นห่วงเรื่องไอ้พี่ชายกระจอกของฉันมากจริง ๆ
เอาล่ะ!! ถึงพ่อจะไม่ใช้คำว่า ‘คำสั่ง’ โดยตรง แต่พูดถึงขนาดนี้ ใครจะปฏิเสธได้ ฉันก็คงต้องทำตามสินะ...
“&แต่มีข้อแม้ค่ะ ต้องให้หนูคุมคนทั้งหมดและดูแลงานทุกอย่างของพ่อแทนพี่”
เพียงแค่พูดประโยคนั้นออกไป ตาดุ ๆ ในที่สุดก็หันมามองฉัน พ่อนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยตอบ “&ได้ ตกลงตามนี้”
“&อย่าพึ่งบอกทางไทยว่าหนูจะกลับไปนะคะ” ฉันคิดที่จะเซอร์ไพรส์พี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมานาน อยากรู้ว่า...ถ้ามันเห็นฉันแล้วจะเป็นยังไง
“&แล้วจะให้ริวกับไดสุเกะ ตามไปด้วยไหม”
ชื่อสองคนที่พ่อถามขึ้น เป็นลูกน้องคนสนิทที่พ่อไว้ใจที่สุด
“&ให้ริวคนเดียวพอค่ะ ส่วนไดสุเกะให้ช่วยงานพ่อไป แต่ขอเรียวจังไปด้วยได้ไหมคะ จะให้ไปช่วยหนูบริหารและที่สำคัญหนูจะเอาคุโรไปด้วย”
เรียวจังคือ พี่สาวริวเป็นเพื่อนคนสนิทของฉันเอง ส่วนคุโรคือ...หึหึ!!
“&ได้สิ ตกลงไปทั้งหมดสามคนและคุโร อีกสองอาทิตย์ออกเดินทางได้ พ่อจะจัดการทุกอย่างให้เอง” พ่อเอ่ยจบก้มหยิบถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นจิบ
“&รับทราบค่ะ” ฉันก้มคำนับให้พ่อ แล้วเดินออกจากห้องโถง
ระหว่างทางกำลังจะกลับไปถึงห้อง ก็มีเสียงเรียกทักซะก่อน
“คุณหนูจะไปไทยเหรอคะ” เสียงแหบแห้งดังมาจากทางด้านหลัง ฉันหันกลับไปมองเจ้าของเสียง นั่นเป็นป้าแวว เธอคือแม่นมคนไทยที่ดูแลฉันมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเป็นคนเดียวที่พูดภาษาไทยกับฉัน
“ใช่ค่ะป้า เพราะพ่อจะให้ไปคุมพี่นัตซึ” ฉันคุยกับเธอเป็นภาษาไทยตามปกติ ทุกคำเปล่งเสียงออกมาชัด เพราะหัดมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ป้าคงคิดถึงคุณหนูมากแน่ ๆ” เธอทำตาซึ้งตามประสาคนแก่
“ฝากดูแลพ่อด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรป้าแววอย่าลืมโทรบอกหนูนะคะ”
“ได้ค่ะ แล้วเมื่อไหร่จะเดินทางคะ”
“อีกสองอาทิตย์ค่ะ”
“เร็วจัง งั้นป้าจะช่วยจัดกระเป๋าให้ค่ะ คุณหนูจะได้ไม่ลืมอะไร”
“ได้ค่ะ ขอบคุณป้ามาก”
สองอาทิตย์ต่อมา...ในวันเดินทาง
ที่บ้านของฉัน มีการ์ดและคนในแก๊งรวม ๆ ก็ห้าสิบคน ยืนส่งอยู่หน้าประตูใหญ่ทางเข้าบ้าน
“&เดินทางปลอดภัยครับคุณหนู!!” การ์ดทุกคนยืนเคารพฉันเป็นแถวยาวตามทางเดิน
“&ขอบคุณมาก ฝากดูแลแก๊งและหัวหน้าแก๊งด้วย” ฉันกวาดสายตามองทุกคนสลับกัน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“&ครับ” ทุกคนต่างขานรับพร้อมกัน
“&ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่ากับแก๊งหรือหัวหน้าแก๊งแล้วล่ะก็...ฉันคนนี้จะกลับมาฉีกอวัยวะทุกส่วนของพวกแกออกทีละชิ้น...ทีละชิ้น ให้พวกแกตายช้า ๆ อย่างทรมานที่สุด ให้สาสมกับที่พวกแกไม่ทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่”
เสียงที่เย็นชาอยู่แล้ว แค่กดให้ต่ำลงอีกหน่อย พวกการ์ดก็ถึงกับหน้าซีด ไม่มีเสียงตอบรับใดใดนอกจากเสียงกลืนน้ำลายฝืดลงคอ บางคนที่หันมาสบตายิ้มแย้มเมื่อครู่ ก็ต่างหน้าถอดสีรีบหลบสายตาเปลี่ยนไปมองพื้นแทน เม็ดเหงื่อพราวเต็มหน้าผากของเหล่าชายฉกรรจ์ เพราะแต่ละคนรู้ดีว่า ฉันคนนี้พูดจริงทำจริง ไม่ใช่แค่การขู่ให้กลัว
การสั่งพอหอมปากหอมคอ ถึงเวลาแล้วที่ฉันทั้งสามคนจะต้องเดินทางไปสนามบิน โดยมีพ่อและการ์ดอีกสิบคนเดินทางมาส่ง คนทั้งสนามบินมองแต่กลุ่มพวกเรา เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าแก๊งฉันใหญ่และโหดขนาดไหน
“&เดินทางปลอดภัย ต้องการอะไรให้แกโทรมาบอกพ่อได้เลย”
“&ได้ค่ะ รับรองเรื่องที่พ่อให้ทำ หนูจะจัดการอย่างดี”
“&ทุกอย่างให้แกตัดสินใจ เพราะพ่อเชื่อใจแก” พ่อเอ่ยในขณะยกสองมือหนาแตะไหล่ฉันทั้งสองข้าง พูดสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีการกอดเพื่อบอกลาหรือร่ำไห้เหมือนครอบครัวอื่น ก็สมแล้วที่เป็นพ่อ และไอ้ความเย็นชานี้ละมั้ง ที่ทำให้ฉันได้รับอิทธิพลจากพ่อมาเต็ม ๆ เลยไม่คิดที่จะสนหรือกลัวใคร
“&คุณหนูครับ เครื่องจะออกแล้วไปกันเถอะครับ” ริวลูกน้องคนสนิทเอ่ยแทรก พ่อปล่อยมือจากไหล่ แล้วฉันก็ก้มศีรษะคำนับให้พ่อหนึ่งครั้ง แหงนมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ย “&ขอตัวไปก่อนนะคะ”
คนเจ้าระเบียบพยักหน้าหนึ่งครั้งอย่างหนักแน่น ฉันเลยเดินจากมา ขึ้นเครื่องเดินทางไปยังประเทศไทย
‘ไอ้นัตซึ คราวนี้จะได้รู้กันไปสักที ว่าคนอย่างแก ไม่เหมาะสมเป็นพี่ฉันหรอก‘