กำราบรัก 5
‘ถ้าไม่เห็นหน้าเธอภายใน 20 นาที โดนดีแน่’
ทีมองข้อความในโทรศัพท์ที่เขากดส่งไปแต่ปลายทางไม่เปิดอ่านเสียทีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นเขาเองที่ทิ้งโทรศัพท์ของกุญแจซอลลงถังขยะในห้องทำงานเมื่อตอนบ่าย
“คุณทีจะเอายังไงต่อครับ”
คนที่พึ่งสำนึกได้ว่าความใจร้อนของเขาทำให้ตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะออกคำสั่งให้คนตามกุญแจซอลไป
“ตามไป”
บรรยากาศร้านในคืนวันเสาร์แบบนี้ย่อมคึกคักเป็นพิเศษ กิจกรรมแก้เบื่อของแก๊งค์สมบัติวิศวะจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากแข่งกันหยอดมุข
“น้องครับขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ย โทรศัพท์พี่เสีย”
“เสียยังไงวะ ไอพายุ”
“เสียดายที่ไม่มีเบอร์น้อง”
“ฮิ้วว”
กุญแจซอยส่ายหน้าเอือมระอากับความหน้าหม้อของเพื่อนตัวเอง และเหมือนความหน้าหม้อของเพื่อนเธอก็ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
“น้องครับ ช่วงนี้หน้าอะไรหรอครับ”
“หน้าหนาวมั้งคะ”
“หน้าหนาวทำให้น้องหน้าชา แต่น้องมองมาทำให้พี่หน้าแดง”
“ฮิ้ว”
รุ่นน้องที่โดนสายฟ้าแซวถึงกับอายม้วนเดินก้มหน้างุดๆกลับไปยังโต๊ะตัวเอง โชคดีที่พวกเขามีใบหน้าหล่อเหลาเป็นอาวุธ ไม่อย่างนั้นมุขเสี่ยวแบบนี้คงโดนตอกกลับหน้าหงายไปแล้ว
“ตากูบ้างๆ”
คิมรีบหาเป้าหมายเพื่อยิงมุขของตัวเองบ้าง
“น้องครับชอบคนสายเปย์มั้ยครับ”
“ก็ชอบนะคะ”
“พี่สายเปย์นะ”
“เปย์ยังไงว่ะเพื่อน”
พายุรีบตบมุขให้เพื่อนอย่างรู้งาน
“เปย์กระดุมหยด ปลดกระดุมเ_”
“หื่นจริงๆพวกมึง”
กุญแจซอลหยิบน้ำแข็งขว้างใส่เพื่อนตัวเองด้วยความรำคาญก่อนจะหันไปหยิบกับแกล้มบนโต๊ะเข้าปาก
“หงุดหงิดอะไรครับ คุณหนูซอง”
“เออ นั่งหน้างอเป็นปลาทูตั้งแต่มาถึงแล้ว”
“ไม่มีอะไร”
สายฟ้าหันไปกอดคอคนตัวเล็ก เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พวกเขาเอ็นดูกุญซอลเหมือนน้องสาวเพราะคบกันมาตั้งแต่ปี1 ผ่านอะไรด้วยกันมาหลายอย่างและพวกเขานั่นแหละเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้กุญแจซอลไม่มีแฟนสักที
“เป็นอะไรว่ะ ไอซอล”
“เซ็งๆนิดหน่อย”
“เรื่องพ่อทูนหัวมึงหนะหรอ”
คำถามของสายฟ้าเล่นเอาคนฟังเจ็บจี๊ดแปลกๆตรงกลาง ดวงตากลมโตเหลือบมองเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมา
“อย่าพูดถึงเลย มาๆชนแก้ว”
แก๊งค์สมบัติวิศวะยังคงเป็นจุดสนใจของร้านเฉกเช่นปกติ คงเป็นเพราะว่าสมาชิกในกลุ่มอัดแน่นไปด้วยบุคคลหน้าตาดี ไม่ว่าจะเป็นพายุ หนุ่มหล่อ ขาวตี๋ นิสัยขี้เล่น สายฟ้า หนุ่มหล่อ มาดเข้ม นักกีฬาประจำมหาวิทยาลัย คิม นักดนตรี สายเปย์ และสาวน้อยสุดน่ารักอย่างกุญแจซอล มีผู้หญิงอีกคนคือปีโป้แต่เธอมักโดนสามีสุดเข้มอย่างสีครามคุมเลยไม่ค่อยได้ออกมาสังสรรค์เท่าไหร่
“ไอซอล นั่นพ่อมึงปะวะ”
พายุสะกิดเพื่อนยิกๆเมื่อหันไปเห็นบุคคลที่เขามั่นใจว่าเคยเจอตอนไปห้องกุญแจซอล ซึ่งพายุค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจำไม่ผิดแน่ ผู้ชายหล่อจัดแผ่ไปด้วยรังสีเย็นยะเยือกแบบนี้มีไม่กี่คนหรอก
“พ่อกูจะมาทำไม”
“กูหมายถึงพ่อทูนหัวมึงครับ”
พายุใช้มือหมุนหน้าเพื่อนให้หันไปทางทีซึ่งกำลังเดินตรงมายังโต๊ะพวกเขา เมื่อกุญแจซอลเห็นว่า พ่อที่เพื่อนหมายถึงใครเธอจึงรีบมุดลงใต้โต๊ะทันที
“ทำอะไรของมึงวะไอซอล”
คิมยกขาขึ้นแทบไม่ทันเมื่ออยู่ๆเพื่อนสาวก็มุดลงไปใต้โต๊ะ
“ถ้ามีคนมาถามหากู บอกว่าไม่รู้นะ”
ไม่ทิ้งช่วงให้เพื่อนได้งงนาน ร่างสูงของใครบางคนก็เดินมาหยุดยืนที่โต๊ะของพวกเขา
“กุญแจซอลอยู่ไหน”
ทีเอ่ยถามเสียงเอ่ยถามเสียงนิ่ง ทุกคนในโต๊ะต่างหันมองเขาเป็นตาเดียวไม่มีใครกล้าตอบอะไร จนกระทั่งคิมเป็นผู้กล้าคนแรกตอบออกไป
“เอ่อ ไม่รู้ครับ”
“กุญแจซอลอยู่ไหน!”
ครั้งนี้เสียงทีดุและเข้มกว่าเดิม ทุกคนในโต๊ะต่างนั่งตัวตรงชี้ไปยังใต้โต๊ะอย่างอัตโนมัติ และลุกออกจากโต๊ะหลีกทางให้ทีเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง
“หนูซอลออกมา”
กุญแจซอลหันหน้ากลับมาตามเสียงเรียกส่งผลให้จมูกโด่งชนเข้ากับแก้มสากของอีกคนพอดี ดวงตากลมโตเบิกกว้างตั้งท่าจะถอยหนีแต่โดนมือหนาคว้าไว้เสียก่อน
“ผมขอพาตัวกุญแจซอลกลับนะครับ”
ทีดึงกุญแจซอลออกมาจากใต้โต๊ะหันไปบอกบรรดาเพื่อนของเธอ กุญแจซอลพยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อนให้ช่วยเธอแต่ทุกคนต่างยิ้มกว้างแทบจะใส่พานประเคนเธอให้ทีด้วยซ้ำ
“เชิญเลยครับ”
“โชคดีนะเพื่อน”
กุญแจซอลได้แต่มองอาฆาตเพื่อนตัวเองก่อนจะยอมจำนนเดินตามทีออกไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ทีไม่พูดอะไรออกมาแม้คำเดียว กุญแจซอลเลยนั่งเงียบไปด้วย เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาเหมือนกัน เธอผิดที่แอบหนีออกมาแต่เขาก็ผิดที่บังคับเธอเกินกว่าเหตุเหมือนกัน
“จะไปไหน”
นี่ถือเป็นประโยคแรกของทีเลยก็ว่าได้หลังจากที่ทั้งคู่มาถึงบ้านและทั้งคู่ก็เอาแต่นั่งเงียบกันอยู่ในห้องรับแขก จนกุญแจซอลเป็นฝ่ายทนไม่ไหวลุกออกมาก่อน
“ขึ้นห้องค่ะ”
“ใครอนุญาต”
“หนูซอลอนุญาตตัวเองค่ะ”
“หนูซอลนี่เธอไม่สำนึกเลยใช่มั้ย”
“คุณทีก็ไม่สำนึกเลยใช่มั้ยค่ะว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล”
เมื่อเขาแรงมาก็ไม่มีเหตุผล เธอก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลผลเหมือนกัน
“หนูซอล!!”
“คุณที!!”
ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศในห้องรับแขกมาคุจนไม่มีใกล้กล้าเข้ามายุ่ง
“หนูซอลจะกลับบ้าน”
“ใครให้เธอกลับ”
ร่างสูงเข้าประชิดคนตัวเล็กเร็วกว่าใจคิด และยิ่งเห็นเธอมีท่าทางดื้อรั้น ทีจึงตัดสินใจอุ้มเธอพาดบ่าเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเขา
“คุณทีปล่อยหนูซอลนะ ไอทีเร็กใจร้ายปล่อย”
กุญแจซอลเรียกด้วยฉายาใหม่ที่เธอพึ่งคิดให้ที เพราะดุอย่างเขาหนะเรียกทีเฉยๆไม่ได้หรอก ต้องเป็นทีเร็กไดโนเสาร์สายพันธุ์ดุร้ายเท่านั้น
“ระวังคำพูดหน่อยหนูซอล”
“ทีเร็กใจร้าย!!”
กุญแจซอลหันไปตวาดเจ้าของนัยตาดุดัน เธอมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจเมื่อโดนจับโยนลงบนเตียง
“ก็เธอดื้อ”
“หนูซอลไม่ได้ดื้อ คุณนั่นแหละ งี่เง่าไม่มีเหตุผล คุณมันเป็นทีเร็กนิสัยไม่ดี”
คิ้วหนากระตุกเมื่อเด็กดื้อแสดงกิริยากร้าวร้าวกว่าที่คิด
“หนูซอลพูดดีๆหน่อย ฉันแก่กว่าเธอนะ”
“ไม่ หนูซอลไม่เคารพคนแก่นิสัยไม่ดี”
ท่าทางและคำพูดของกุญแจซอลทำเอาทีถึงกับขบกรามแน่น มือหนาดึงเข็มขัดราคาแพงออกจากเอว พันเข้ากับมือตัวเองเดินย่างสามขุมเขาไปหาเด็กน้อยบนเตียง
“คะ...คุณจะทำอะไร”
กุญแจซอลเห็นอย่างนั้นถึงกับเบิกตากว้าง ถอยหลังกรูไปชิดพนักเตียง
“สั่งสอนเด็กไร้มารยาทไง”
ความกลัวก่อขึ้นในใจเด็กสาวเป็นเท่าตัว ยิ่งสีหน้าของทีจริงจัง แววตาที่มองมาเย็นยะเยือกนั่นยิ่งทำให้เธอเพิ่มระดับความกลัวขึ้นเรื่อยๆตามจังหวะการเดินเข้ามาของเขา
“คุณทีจะตีหนูซอลหรอ”
ทีไม่ตอบ เขากระชับเข็มขัดรอบมือแน่นกว่าเดิม
“ฮรือ หนูซอลขอโทษ อย่าตีหนูซอลเลยนะ ฮรือ”
สองมือเล็กพนมขึ้นไหว้ขอร้องคนตัวกว่า เนื้อตัวสั่นเทา แววตาสั่นระริกอย่างน่าสงสารเพียงเท่านั้นทีก็สลัดเข็มขัดทิ้งเข้าไปกอดเธอไว้แน่น กะจะแค่แกล้งขู่ให้เธอกลัวแต่พอเห็นน้ำตาเด็กดื้อ เขาก็แพ้น้ำตาเด็กอีกจนได้
“ไม่ร้องนะ ฉันแค่แกล้งขู่เอง”
“ฮรือ ทีเร็กจะตีหนูซอล”
“ไม่ตีครับ ไม่ตี อย่าร้องนะเด็กดี”
มือหนาลูบหัวคนในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโยน ยิ่งเห็นเธอตัวสั่น สะอื้น เขายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“ขอโทษนะ หนูซอลอยากให้ฉันทำอะไร บอกมาได้เลย”
“จริงนะ”
“จริงครับ ไม่ร้องแล้วนะ”
“คุณทีต้องพาหนูซอลไปกินชาบู”
มือเล็กปาดน้ำตาออกจากแก้มใส ดันตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง มองหน้าเขาอย่างคาดโทษ
“ได้เลยครับ”
“ต้องพาไปเที่ยวด้วย”
“ตามใจหนูซอลเลยครับ”
——————-