Cruz part
หลังจากที่ผมสูบบุหรี่ริมระเบียงได้ไม่นาน ก็มีเสียงคนเดินเข้ามาในทำให้ต้องเดินกลับเข้าไป
“กระเช้าผลไม้อีกตามเคยสินะ” ผมมองมันและก้าวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเอือม ๆ
“จริง ๆ อาหมอไม่ต้องเสียเวลาพาใครขึ้นมายกกระเช้าผลไม้อะไรให้ผมหรอก เพราะยังไงก็จะไล่พวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนออกหมด ทั้งหมอ พยาบาล และหมอฝึกหัด” ผมพูดก่อนจะหยิบเอกสารรายละเอียดการรักษาของตัวเอง
ฟุ่บบบ!! แล้วปาลงกับพื้น ตรงหน้าของไอ้หมอที่มันเสนอหน้ามารักษาและให้ยาผิดจนเกือบตายเมื่อกี้
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเกือบจะตายที่นี่ นี่เหรอการรักษาของโรงพยาบาลที่มีชื่อและเกรดดีของประเทศไทย” ผมถามย้อนกลับไปและมองหมอทุกคนพลางส่ายหน้า
“ผมต้องขอโทษที่ละเลยต่อหน้าที่และไม่ได้สั่งสอนลูกน้องให้ดีเท่าที่ควรนะครับ” อาหมอยังคงพยายามปกป้องคนผิด ซึ่งผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
“ผมไม่ได้ว่าอาหมอหรือหัวหน้าแพทย์เพราะพวกคุณก็ถือว่าทำดีแล้ว” ผมพูดออกไปตรง ๆ ใครดีก็ว่าดี ใครผิดก็ว่าตามผิด
“แต่คนที่ทำผิดพลาดทั้งที่ประวัติการแพ้ยามันโชว์อยู่แบบนี้ แสดงว่าหมอไร้คุณภาพและไม่ควรจะทำงานที่นี่ต่อไป พยาบาลกับนักศึกษาแพทย์ก็เช่นกัน” ก่อนพูดเสียงแข็งพลางมองคาดโทษไปยังหมอคนนั้น คนที่เกือบทำผมตาย
“ผมไม่ตั้งใจนะครับคุณครูซ” มันพูดแทรกขึ้นมาทันที
“โรงพยาบาลที่นี่ให้เงินดีกว่าที่อื่น นั่นหมายความว่าคุณภาพหมอและพยาบาลก็ควรจะดีตามนั้นด้วย ถ้ามีปัญหาแล้วเราไม่เด็ดขาดพอ อีกหน่อยหมอคนไหน ๆ ก็ทำผิดพลาด หรือไม่ตั้งใจรักษาก็ได้น่ะสิ” ผมสวนกลับไป
“ผมเสียใจด้วยนะ คุณถูกเชิญออก มีผลทันทีนับจากนี้” จากนั้นจึงพูดอย่างเคลียร์ ๆ ไปให้ชัดเจน
“รวมถึงอีกสองคนที่มีชื่อตามนั้นด้วย” มือชี้ไปที่เอกสารบนพื้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและเปิดทีวีขับไล่พวกหมอ ๆ ออกไปทางอ้อม
“หมดเรื่องจะคุยแล้ว พวกนายออกไปได้” ทั้งยังพูดอย่างจริงจัง พวกเขาหลบสายตาและทำตามคำสั่ง เหลือไว้เพียงแต่อาหมอเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วอีกฝ่ายก็คือหมอประจำตัวของผม
ท่านมีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ เพราะครอบครัวผมส่งเสียและออกทุนให้เรียนต่อในด้านแพทย์ จริงๆ แล้วอาหมอเก่งมาก ๆ และสามารถไปได้ไกลกว่านี้ ทุก ๆ โรงพยาบาลต่างต้องการตัว แต่อีกฝ่ายนั้นกตัญญูและไม่ทะเยอทะยานอะไร จึงเลือกที่จะทำงานที่นี่จนใกล้ถึงเวลาเกษียณแล้วแบบนี้เนี่ยแหละ
“ผมรู้ว่าที่อาหมอขึ้นมาหาที่นี่ ก็เพราะอยากให้ผมให้โอกาสลูกศิษย์ของอาหมอใช่ไหม” ผมถามออกไปตรง ๆ
“ถ้าเรื่องความเป็นครูกับลูกศิษย์ จะพูดแบบนั้นก็ได้นะครับ แต่ถึงอย่างไรผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของคุณครูซในฐานะผู้บริหารด้วยเช่นกัน” อาหมอพูดออกมาอย่างลำบากใจ
“เพียงแต่ในฐานะของอาและหลาน ผมเพียงอยากจะขอ…”
“อาหมอ… ถ้าคนทำผิดแล้วไม่ได้รับโทษอะไรเลย อีกหน่อยโรงพยาบาลนี้คงเต็มไปด้วยหมอและพยาบาลที่ไร้คุณภาพว่าไหม” ผมเลยพูดดักทางเอาไว้ก่อน
Mirarun part
“อะไรนะ หมอนั่น เอ๊ย คุณครูซไม่ยอมและมีคำสั่งให้ไล่ออกทุกคนงั้นเหรอคะ” ฉันถามพี่หมอกันต์ที่กำลังกุมขมับอย่างเครียด ๆ ขณะเล่าให้ฟัง
ส่วนพี่หมอตี๋ก็ถอดชุดกาวน์ออกและไม่พูดอะไรกับใครแม้แต่คำเดียว ก่อนจะเดินออกไปหาที่เงียบ ๆ
“เดี๋ยวพี่มานะ” พี่กันต์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตามหลังหมอตี๋
พี่พยาบาลยุวพรที่เดินมาฟังพร้อมกับยายวีโอเลตก็กอดคอกันร้องไห้ทันที
เพราะคำสั่งนั่นทำให้พี่พยาบาลตกงาน ส่วนยายวีโอเลตก็คงหมดสิทธิ์ทำงานให้กับทั้งโรงพยาบาลนี้และสาขาอื่น ๆ ในเครือที่ครอบครัวนายครูซนั่นเป็นเจ้าของ
ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็คือความฝันของวีโอเลตอีกด้วย ฉันมองทั้งสองคนอย่างสงสารจับใจ
“ลูกพี่ยังเด็กอยู่เลย พ่อของน้องก็จากไปแล้ว ถ้าพี่ต้องตกงานตอนนี้จะทำยังไงดี” พี่ยุวพรร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น
“ที่ทำงานนี่ทั้งใกล้บ้าน ทั้งเงินเดือนคงที่ แถมยังใกล้โรงเรียนของลูก ถ้าต้องออกมันคงไม่ใช่แค่พี่ที่เดือดร้อน แล้วเราสองคนจะอยู่ยังไงต่อ…” ก่อนก้มมองหน้าจอโทรศัพท์รูปลูกสาววัยประถมหน้าตาน่ารัก
เป็นภาพที่ฉันอดสงสารเธอไม่ได้จริง ๆ
“ไม่เป็นไรนะคะ” ยายวีโอเลตก็นั่งปลอบใจพี่พยาบาลไป ทั้งที่ตัวเองก็ฝันสลายไม่ต่างกัน
ฟุ่บบบ
ฉันตัดสินใจลุกขึ้นและกำหมัดเอาไว้แน่น ตอนนี้ทั้งสงสารทั้งโกรธหมอนั่นที่ใจร้ายเกินไป
และถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นความผิดไอ้พี่หมอตี๋ แต่ตอนนี้ก็สาปแช่งเขาไม่ลงจริง ๆ หลังเดินคอตกพูดไม่ออกจนพี่กันต์ยังต้องตามไปดูซะขนาดนั้น
“แกจะไปไหนยายมิรา!!” ยายวีโอเงยหน้าจากการปลอบพี่พยาบาลมาถามฉัน
“ฉันจะไปทวงบุญคุณใครสักคนน่ะ แกรอตรงนี้แหละ!” ฉันตอบกลับอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องของคนใจร้ายแบบครูซ
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
ไม่มีเสียงตอบรับจากห้องด้านในแต่อย่างใด
ทำให้ฉันถือวิสาสะเปิดเข้าไปเอง
“คุณครูซ ฉันมีเรื่องจะ… นาย!!” ฉันกำลังจะพูดเข้าประเด็น เพียงแต่ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังนัวเนียกับสาวอีกคนหนึ่งบนโซฟา
ฉันจิ๊ปากจิ๊คอดังขึ้นเพื่อขัดอารมณ์ จนเขาค่อย ๆ ถอยตัวออกจาก… พยาบาลสาวคนนั้น
ทำเอาฉันช็อกไปกว่าเดิมที่หมอนี่สามารถหากินเอาง่าย ๆ ได้แถวนี้เลยเนี่ยนะ
“เธอออกไปก่อนไป” เขาเอามือเสยผมอย่างเท่ ๆ และพูดขึ้น
ฉันก็รีบพยักหน้าและกำลังจะเดินออกไป
“ไม่ใช่เธอ!!!” ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดเสียงแข็ง ๆ และชี้มาทางฉัน
“อ้อ ก็ได้ค่ะคุณครูซ งั้นถ้ามีอะไรเรียกปรางนะคะ” พยาบาลสาวรายนั้นรีบติดกระดุมเสื้อ ก่อนจะจัดกระโปรงและเดินออกไปจากห้อง โดยไม่ลืมเหลือบมองฉันอย่างตำหนิ ๆ
ฉันพอจำได้แล้วว่าเธอคือพยาบาลที่เฝ้าเคาน์เตอร์ชั้นนี้แหละ
“ห้องนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะนะ นึกจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้น่ะ” เขาพูดด้วยหน้าตึง ๆ
“ฉันขอโทษที่เข้ามาโดยพลการ แต่เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ฉันสวนกลับไป
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ประโยคนี้เหมือนเป็น… แฟนกันเลยเนอะ” ครูซยักคิ้วและเบะปาก ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและถอดเสื้อคนไข้ออกทันที
“จะทำอะไรอะ” ทำเอาต้องถอยจนชิดผนังห้อง
“ฉันเบื่ออะไรจืด ๆ ชืด ๆ ที่โรงพยาบาลละ ถ้าอยากคุยกับฉันก็… ลงไปเปลี่ยนชุดหมอของเธอด้วย และตามไปเจอที่รถ” เขาพูดก่อนจะค่อย ๆ ดึงเชือกที่ผูกกางเกงตัวเองออก
“ฉันคุยแค่แป๊บเดียว ไม่ไปกับนายหรอก จะคุยที่นี่” ฉันส่ายหน้า
“ถ้าอยากจะคุยเรื่องที่ฉันแพ้ยาเกือบตายเมื่อเช้าและเรื่องไล่ออกก็ลงไปเจอกันที่รถ” เขาพูดแค่นั้น
แต่ฉันยังคงยืนกอดอกอย่างไม่ลดละ
“หรือจะรอดูของฉันก่อนแล้วค่อยไปก็ได้นะ” ครูซเอ่ยพลางรูดเชือกสุดสายและทิ้งกางเกงลงกับพื้น
“อี๋ โรคจิตที่สุดอะ” ฉันกรี๊ดลั่นก่อนจะวิ่งออกจากห้องทันที
“เธอนั่นแหละที่ยืนรอดูลูกชายฉัน” ทว่าเสียงทุ้มก็พูดไล่หลังตามมา
ขณะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านเคาน์เตอร์นั้น พยาบาลคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องของครูซก็ลุกขึ้นยืนทันที
“หมอน่ะเรียนยากนะคะ ตั้งใจเรียนก่อนดีไหม” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
ประโยคนั่นทำให้ต้องหยุดเดินและหันไปมองหน้าพี่พยาบาลคนนั้นอย่างงง ๆ
“เรียนหมอนี่ยากแล้วเหรอคะ… ทำไมมิรารู้สึกว่ามันก็ธรรมดา” ฉันตอบไปตามจริง
คนฟังเลยได้แต่ยิ้ม ๆ แบบเฟค ๆ
“ขอตัวนะคะ” และฉันก็เดินผ่านนางไปอย่างไม่รู้สึกอะไร
ก่อนเปลี่ยนชุดด้วยความเร่งรีบ
“วีโอ เดี๋ยววันนี้แกขับรถฉันกลับคอนโดไปเลยนะ” ฉันเอากุญแจรถพี่แพรฝากไว้กับเพื่อนที่กำลังช่วยพี่ยุวพรเก็บข้าวของตรงโต๊ะพยาบาล
“แกจะรีบไปไหนแล้วทำอะไร” ยายวีโอถามมาอย่างงง ๆ
“ไว้จะมาอธิบายทีหลังนะ ฉันรีบ” พูดจบก็หยิบกระเป๋าพร้อมกับหนังสือที่เอามาอ่านด้วยตอนเช้าติดตัวไป พอเดินถึงรถที่จอดเด่นสง่าอยู่ ก็เจอเจ้าของตัวร้ายยืนพิงรอแล้ว
“ถือว่าไม่แต่งตัวนานมากเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ” เขาก้มดูนาฬิกาและเงยมองหน้าฉันนิ่ง
“เอากระเป๋าเป้อนุบาลกับหนังสือเด็กประถมมา” ก่อนเดินมาหยิบสองสิ่งนั้นไป
แล้วยัดกุญแจรถของตัวเองให้แทน
“แขนยังเจ็บอยู่ ขับรถให้หน่อย” เขาพูดแค่นั้น พร้อมเอากระเป๋าและหนังสือของฉันโยนใส่ไปในรถและเปิดประตูขึ้นนั่งทันที
“นี่นาย!!” ฉันกำลังจะปริปากบ่น
“ถ้าอยากคุยเรื่องคนอื่นมากนักก็ขึ้นมาขับเร็ว ๆ จะรีบไปกินเหล้าวันปีใหม่กับเพื่อน!” ครูซเปิดกระจกมาพูด ก่อนจะปิดและนั่งกอดอกอย่างออกคำสั่ง
“บ้านก็รวย นายไม่มีคนใช้ส่วนตัวบ้างรึไง” ฉันด้วยอาการไม่เต็มใจ
ครูซจึงหันมามองหน้ากันนิ่ง ๆ
“งั้นถือเป็นค่าเสียหายที่เธอจูบปากฉัน 20 ทีตอนเช้าก็แล้วกัน