“งั้นเอามานี่สิ” แล้วเจ้าตัวก็ยื่นมือมาทางเอกสารนั่นทันที
ซึ่งฉันเผลอยืนเกร็ง ๆ เหมือนจะไม่ให้ แต่ท้ายสุดแกก็หยิบไปเองอยู่ดี
“หมอกันต์ติดเคสหนัก ตอนนี้เข้าห้องผ่าตัดไปกับหมออีกคนเลยยังไม่มีใครขึ้นไปดูอาการคุณครูซเลย” จากนั้นจึงวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารอ่านแบบลวก ๆ
“ตี๋ รอกันต์ก่อนดีไหม คุณครูซน่ะ…” พี่หมอแว่นพูดทักท้วงด้วยท่าทีลำบากใจ
“หมอพี ก็แค่ขึ้นไปดูอาการและสั่งยาให้เอง ไม่ได้รักษาอะไรมากมาย หรือเราจะปล่อยให้หลานเจ้าของโรงพยาบาลนอนเฉย ๆ ไม่ไปดูดำดูดีอะไรเลย แบบนี้ไม่แย่กว่าหรอ” พี่หมอตี๋เถียงเพื่อนร่วมงานที่มีชื่อว่าพี่หมอพีกลับ
พี่หมอแว่น ใส่เสื้อกาวน์ตัวสีขาวใหม่เอี่ยม และเดินถือแฟ้มขึ้นไปเพียงลำพัง
“ตากระตุกขวาตลอดเลยอะ สงสัยนอนน้อยไป” ยายวีโอเลตหันมาบ่น
“เมื่อคืนแกนอนก่อนฉันอีกนะ” ฉันก็เถียง ๆ ไป
ผ่านไปไม่นาน พี่หมอตี๋ก็เดินลงมาด้วยสีหน้าที่ระรื่น ในขณะที่ทุกคนกลับมายุ่งวุ่นวายกับการทำแผลและดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกันอีกครั้ง
โดยมีฉันกับพี่พยาบาลคนเมื่อเช้าที่เจอ …กำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับรอเย็บแผลบนศีรษะคนไข้อยู่
“หมอตี๋คะ ๆ ช่วยเย็บแผลให้คนไข้รายนี้ทีค่ะ” เธอเรียกหมอตี๋ที่กำลังเดินเข้ามาพอดี
เจ้าของชื่อเลยมีท่าทีลังเลเล็กน้อย
“โอเค ๆ” แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้ามาช่วย
“งั้นคุณพยาบาลเอายาขึ้นไปให้คุณครูซทีนะ เพราะหมอกันต์ติดผ่าตัดแต่ผมขึ้นไปตรวจอาการมาแล้ว โดยรวมแข็งแรงดี มีแค่แขนกับไหล่ที่เคลื่อนและกระดูกแตก” พี่หมอตี๋วินิจฉัยด้วยความเชี่ยวชาญทั้งยังดูมั่นใจ
“คุณครูซบ่นเจ็บที่แขนมาก ๆ ต้องการให้หายเจ็บตอนนี้ ยังไงเดี๋ยวรีบเอายาแก้ปวด Amoxicillin ขึ้นไปให้เลยแล้วกัน” คนที่กำลังเซ็นใบเบิกยาส่งมันให้กับพี่พยาบาลคนเมื่อเช้าซึ่งเดินมาหาพี่หมอกันต์
“อ้อ ได้ค่ะ” พี่พยาบาลก็พยักหน้ารับและรีบเดินไปทันที
“ส่วนเรามาเริ่มเย็บแผลกันเลย” ก่อนพี่หมอตี๋จะหันมาบอกกับฉัน
โดยที่ฉันก็มีหน้าที่คอยส่งเครื่องมือและยืนดูวิธีการรักษาไป
ยาแก้ปวด Amoxicillin… แต่จู่ ๆ ชื่อของยาตัวนี้ทำให้ในหัวของฉันมันคิดถึงอะไรบางอย่าง…
“อะ เสร็จแล้วครับ” พี่หมอตี๋พูดกับคนไข้อย่างสุภาพ ๆ
“หมอพี ๆ ผมขอไปซื้อกาแฟอีกสักแก้วนะ เดี๋ยวรีบมา” จากนั้นจึงเอ่ยบอกหมอพีและเดินออกไปทันที
“หน้า 235” ฉันนั่งนึกถึงหนังสือเมื่อวานที่อ่านทวนกับยายวีโอเลต
Amoxicillin เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มเพนิซิลลิน (penicillin) ดังนั้น หากมีอาการแพ้ยาก็ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น dicloxacillin, oxacillin, ampicillin อีกด้วย
มากไปกว่านั้นหากผู้ป่วยแพ้ยากลุ่มเพนิซิลลิน อาจเกิดอาการแพ้ยาในกลุ่มเซฟาโลสปอริน (Cephalosporins) ด้วย
“ครูซ” แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเห็นคำว่า เพนิซิลลิน ในใบประวัติแพ้ยาของครูซ
ฉันดูแฟ้มประวัติรักษาที่โชว์เลขห้องวีไอพี
ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นลิฟต์ไปโดยไม่ตอบคำถามของใครทั้งนั้น เพราะกำลังตกใจ
“สงสัยยายมิราอยากเข้าห้องน้ำอะค่ะ” เสียงของยายวีโอเลตที่ตอบพี่หมอพีไล่หลังมา
“พี่พยาบาล!!” ขณะที่ลิฟต์เปิดออก ฉันก็สวนทางกับคนที่เพิ่งเอายามาให้ตามคำสั่งของหมอตี๋ซึ่งอยู่ในลิฟต์อีกฝั่งและปิดลงไปแล้ว
“โอ๊ย… อย่าเพิ่งกินยานะครูซ” ฉันได้แต่ภาวนาในใจ
“มาหาใครคะ น้องนักศึกษาแพทย์” พี่พยาบาลหน้าฟรอนต์ลุกถามอย่างงง ๆเมื่อเห็นว่าฉันวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบริเวณนี้
“ห้องคุณครูซค่ะ ๆ” ฉันตอบพี่พยาบาลทั้งที่หอบเหนื่อย
“มีธุระอะไรคะ คุณครูซไม่ได้อนุญาตให้…” ฉันไม่รอให้พี่พยาบาลพูดจบ
“ขออนุญาตจริง ๆ นะคะ หนูแค่มาตรวจอาการเขาเฉย ๆ” แล้วก็ยกแฟ้มเอกสารของครูซขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปในหาห้องของเขาอย่างไม่รีรออะไร
ก๊อก ๆๆ ฉันเคาะประตูตามมารยาทพลางรีบเปิดเข้าไปทันที
“อย่าเพิ่ง!!!!!” ฉันร้องขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นครูซกำลังกรอกยาในแก้วใส่ปากด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา
อีกฝ่ายกลืนกน้ำลงคออย่างงง ๆ และมองมาที่ฉัน
“ยายหน้าจืด” เสียงทุ้มพูดขึ้นนิ่ง ๆ
ฉันเดินตรงเข้าไปตรวจสอบยานั้นทันที และใช่เลย ครูซกินไปครบทุกเม็ดแล้วจริง ๆ
“หน้าเธอดูซีดกว่าวันนั้นนะ” เขาถามอย่างนึกตลก
“คุณ… โอเคใช่ไหมคะ” ฉันถามเสียงสั่น ๆ ด้วยความไม่มั่นใจเท่าไหร่
“ก็สบายดี แค่แขนหัก” ครูซชี้ให้ดูแขนของตัวเอง
ก่อนกวาดตามองไปที่ห้องพักผู้ป่วยของครูซที่มีการตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาส เสมือนอยู่ในงานเลี้ยงประจำเทศกาลแสนหรูหรา
บนโต๊ะเยี่ยมเต็มไปด้วยเหล้าแบรนด์ดัง ๆ บางขวดก็เปิดแล้ว
เพื่อนเขาปกติดีอยู่ไหม ให้เหล้าเท่ากับแช่งปะ
“แล้วเธอมาเพื่อ?” เขามองทางฉันแบบงง ๆ เล็กน้อย
“คือ…” ฉันจึงอึกอัก ๆ อย่างลำบากใจ
เพราะถ้าเกิดว่าเขาไม่แพ้ขึ้นมา ก็กลัวว่าจะกระทบกับพี่หมอตี๋เรื่องสั่งยาเอา
ถ้าเขาไม่แพ้ก็ดีไป แต่ถ้าแพ้นี่สิ ฉันจะทำยังไง
แล้วมีหวังซวยกันทุกคนแน่ ๆ
งั้นฉันคงต้องรอดูอาการของเขาสักพัก
“แต่มาก็ดีละ พวกแซนดี้สาว ๆ เพิ่งกลับออกไปไม่นานเอง เมานมเมาตูดชะมัด อยากดูอะไรที่จืดชืด ๆ สักหน่อย” จากนั้นจึงมองหน้าฉันอย่างกวน ๆ
ฉันก็แค่ไม่ค่อยแต่งหน้าจัดและใส่ชุดขาวมาทุกวันแค่นั้นเอง จืดตรงไหนกัน?
“ที่นี่โรงพยาบาลนะ ไม่ใช่บาร์หรือผับ” ถึงจะเอ่ยเช่นนั้นแต่ก็มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามีอะไรแบบนี้ในโรงพยาบาลอยู่จริง ๆ
“อยากเจอฉันเหรอ ถึงมาหาอะ…” เขาพูดพลางกอดอก
“แค่แวะมาดูอาการน่ะค่ะ” ฉันเลยตอบไปอย่างสุภาพ ๆ
“หรือว่าจะมาขอ account หนังโป๊จากฉันหรอที่เราคุยกันในวันนั้นไง” เขาถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆ จริงจังกับเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ คนประสาท
“จะบ้าเหรอ บอกแล้วไงว่าแค่แวะมาดูอาการของนายเท่านั้น” ฉันตอบไปแบบเลี่ยง ๆ
ไม่รู้ว่าหมอนี่จะพูดทำไม เพราะมันทำให้ภาพองคชาตนั่นกลับมาหลอนฉันอีกครั้ง อี๋ ๆๆๆๆ
“ถ้าเธออยากได้คลิป …เราก็ airdrops ให้กันได้นะ” ครูซยิ้ม ๆ และกดโทรศัพท์เล่นไปด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็สะบัดหัวอย่างแรงและกะพริบตาถี่มากขึ้น
“ครูซ…” ฉันเรียกเขาเบา ๆ
ครูซหันมามองที่ฉัน …ด้วยแววตาแปลก ๆ
“นายเป็นอะไรอะ” ฉันเริ่มตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปนั่น
“เหมือนหายใจไม่ออก” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าที่เริ่มกังวล
ฉันจึงรีบหยิบไฟฉายเล็กจากในเสื้อกาวน์มองส่องเข้าที่ม่านตาของเขาทันที
ถ้าแพ้ยา ม่านตาจะต้อง… ขยาย…
ซวยแล้วจริง ๆ ด้วย
“นาย… น่าจะแพ้ยาตัวเมื่อกี้” ฉันร้องลั่นเมื่อสิ่งที่คิดมันเป็นไปตามนั้น
“อะไรนะ” ครูซมีน้ำเสียงเปลี่ยนไป
ฉันรีบกดโทรศัพท์หาพี่หมอกันต์ทันที เพราะนึกถึงใครไม่ออกแล้ว
แค่กก แค่ก ไม่นานเขาก็เริ่มหายใจติด ๆ ขัด ๆ และมองมาทางฉันนิ่ง ๆ
“พยายามหายใจเข้าลึก ๆ ไว้นะครูซ ฉันตามพี่หมอให้แล้ว” ก่อนลูบแผ่นหลังกว้างอย่างพยายามให้เขาใจเย็น
ทว่าครูซเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว
“เร็ว ๆ!!” ทั้งยังพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
จนบีบที่แขนของฉันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
ตู๊ด ตู๊ด
“ฮัลโหลมิระ...”
“พี่กันต์ ขึ้นมาห้องคุณครูซด่วนเลย เขาแพ้ยา หายใจไม่ออก ม่านตาขยาย มิรากลัวเขาจะช็อกอะ” ฉันเอ่ยด้วยเสียงสั่น ๆ
“ใครเอายาบ้า ๆ นั่นมาให้ฉัน” ครูซพูดติดขัดและเริ่มไม่พอใจอย่างชัดเจน
เพียงแต่ตอนนี้ไม่สามารถเสียงดังได้เท่านั้น
“ใจเย็นนะ อย่าเพิ่งพูด พยายามหายใจก่อน” ฉันรีบบอกวิธีช่วยครูซขณะที่รอให้พี่หมอกันต์มาถึง
ก่อนกดออดเรียกพยาบาลด้านนอกให้เอาเครื่องช่วยหายใจต่าง ๆ เข้ามาทันที
ครืดดด ฟืดดด ครืดดด เสียงลมหายใจอีกฝ่ายเริ่มแปลกไป และหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ
ครูซทำท่าให้ฉันดูว่าเขาไม่สามารถหายใจทางจมูกได้แล้ว ซึ่งเครื่องช่วยหายใจทางจมูกที่กำลังจะมาคงช่วยไม่ได้มากเท่าที่ควร
“ทางปาก หายใจทางปาก” ฉันรีบบอกและช่วยสาธิตให้ดู แต่ครูซก็ส่ายหน้าทันที
ดูท่าเราคงต้องสอดท่อเข้าไปที่คอเพื่อช่วยในการหายใจแน่ ๆ เพราะตอนนี้หลอดลมน่าจะบีบแคบลง ๆ เนื่องจากอาการแพ้อย่างรุนแรง
เขาเริ่มหน้าซีดตัวเกร็ง ๆ
“ฉันคงต้อง…” ฉันมองครูซอย่างหมดหนทางจะช่วย…
ฟุ่บบบบ สุดท้ายจึงตัดสินใจโน้มตัวเข้าหาครูซ ก่อนจะประกบริมฝีปากและเป่าลมหายใจของตัวเองเข้าไปในช่องปากเป็นจังหวะ จนทำให้มือขดเกร็งเริ่มคลายมากขึ้น
“หมอกันต์มาแล้วค่ะ ๆ”