Chapter 2 เปิดตัว VA.AUSBIJA 2
“ไม่ต้องกังวลหรอกสาวน้อยผมเห็นพวกคุณดูท่าคงจะชอบเครื่องประดับ ชิ้นนี้ผมได้มาจากอินเดียบ้านผมเอง มันสวยแต่ราคาค่างวดไม่กี่บาท ชอบไหมล่ะ ผมยกให้”
วินเซนโซบอกอย่างใจป้ำ จับเจ้าเข็มกลัดนั้นยัดใส่มือไตรตรึงษ์ ท่ามกลางความตกตะลึงของสองสาว และเป็นสิตาพรที่เรียกสติมาได้ก่อน
ใครจะคาดคิดว่าคนระดับเขาจะมายืนคุยด้วย แค่นี่ก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแล้ว สิตาพรดึงมันออกจากมือเพื่อนพร้อมกับวางลงที่เดิม มองเขาด้วยความหวั่นกลัว
“ขอบคุณนะคะ แต่เราคงรับไม่ได้ ขอตัวนะคะ”
วินเซนก้าวเข้าไปดักหน้าทันทีที่เธอขยับ ยิ้มบางๆ ตรงมุมปากและดวงตาคมระยิบระยับนั้นส่งให้คนตรงหน้าดูเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมากขึ้น เรือนกายสูงใหญ่กำยำของเขาบังสิตาพรจนมิด
“จะรีบไปไหนล่ะครับ กลัวผมหรือเปล่า”
“เอ่อ พอดีว่าเรา...เรา...” ไตรตรึงษ์สาวแก่นเซี้ยวลืมคำพูดไปจนหมดสิ้น แอบมองคนตัวโตแล้วนึกขยาดในใจ แค่เห็นเขา เธอก็เข้าใจคำว่าเจ้าพ่อขึ้นมาทันที
วินเซนโซหัวเราะในลำคอเบาๆ ท่าทางสาวน้อยขี้ตกใจของเธอดูน่ารักน่ากอดนัก ริมฝีปากเธอสั่นระริกจนเขาอยากไล้ลิ้นร้อนผ่าวลงไปเพื่อปลอบโยนให้มันสงบลง
“ขอโทษนะคะเราต้องไปแล้ว”
สาวน้อยสิตาพรรีบดึงมือเพื่อนออกไปจากตรงนั้นทันที ประกายแพรวพราวในตาคู่นั้นของเขามันสั่นหัวใจเธออย่างประหลาด และมันไม่น่าไว้ใจสักนิด เธอรีบผละห่างทิ้งให้วินเซนมองตามด้วยความเสียดายติดหมัดอีกรอบ...
ลูกแกะตัวน้อยฉันจะต้อนเธอมาขย้ำให้จงได้...
กระดาษใบเล็กๆ ที่ถูกส่งต่อกัน จากมือหนึ่งถึงอีกมืออย่างลับๆ ไม่ได้ลอดพ้นจากสายตาจิ้งจอกร้ายอย่างวินเซนโซ
ชายวัยห้าสิบคนหนึ่งเป็นคนยัดกระดาษใบนั้นใส่มือของบรรดาอาเสี่ย อาเฮียที่เข้ามาเสี่ยงโชคในมุมลับตาคนบนเรือของเขา
วินเซนโซ ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด เพื่อจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังสนทนากันอย่างออกรส ต่างคนต่างมองกระดาษในมือยิ้มๆ
“อันที่จริงผมน่ะเป็นห่วงเด็ก ไม่มีพ่อแม่ก็อยากให้ได้คนที่ดีมาดูแล” เสียงของชายคนเดิมพร่ำบอก น้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยใครสักคนมากมาย แต่นัยน์ตากับหลุกหลิกแพรวพราวไม่น่าไว้ใจสักนิด
“ไอ้ครั้นจะไว้ใจพวกคนหนุ่มมันก็คงไม่ไหว สู้อย่างเราๆ ไม่ได้รู้เห็นกันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไง”
“มันจะดีหรือเฮียชาติชาย แกยังเด็กอยู่เลย”
หนึ่งในเพื่อนร่วมวงพูดยิ้มๆ แต่ตาที่มองกระดาษใบนั้นโลมเลียหื่นกระหายอย่างเห็นได้ชัด วินเซนโซถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย โชคดีเหลือเกินที่เขาสามารถฟังภาษาไทยได้ ตอนแรกชายหนุ่มกะจะเดินผ่านไปแล้วแต่ท่าทางของคนกลุ่มนี้มีบางอย่างดึงดูดความสนใจจากเขา
ชายคนนั้นชื่อชาติชาย และเขากำลังทำอะไรบางอย่าง ฟังดูเหมือนกำลังจะส่งต่อใครบางคนให้บรรดาเสี่ยกระเป๋าหนัก
“ไม่เด็กแล้วครับ 22 ปีแล้วเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ ด้วย”
“แต่แกจะยอมเร้อ” อีกคนว่า
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมว่าแกจะดีใจเสียอีกที่มีคนดูแลแบบจริงๆ จังๆ ไอ้ผมกับน้าเขาก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านทำแต่งานตลอด”
“อืม พวกเราจะลองดูละกัน”
บรรดาหนุ่มใหญ่วัยกลางคนหัวเราะกันร่วน ยิ่งสร้างความสงสัยให้จิ้งจอกหนุ่มมากขึ้น กลุ่มคนตรงหน้าเริ่มแยกย้ายกันไป วินเซนโซจึงแกล้งทำเป็นเดินเรียบเรื่อยเข้าไปหาคนหนึ่งในกลุ่มนั้น
“อ้าว...นึกว่าใครนายบ่อนใหญ่นี่เอง”
“อย่าเรียกนายบ่อนเลยครับ เรียกผมว่าวินเซนซ์ก็ได้” วินเซนโซพูดด้วยท่าทีเป็นกันเอง คนที่เดินเคียงข้างเขาตอนนี้คือนักการเมืองที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
“โอ๊ยผมคงไม่กล้าขนาดนั้นหรอกครับ” ธงชัยรีบบอกยิ้มๆ
“คุณก็พูดเกินไป ว่าแต่เมื่อกี้เห็นจับกลุ่มกันคุยอย่างออกรสไม่ทราบว่ากำลังนินทาผมอยู่หรือเปล่าครับเนี่ย หรือว่าบริการของเรือเราบกพร่องหรือเปล่า” วินเซนโซแกล้งถาม
“โอ๊ยไม่ใช่หรอกครับ พอดีนายชาติชายน่ะเอารูปหลานมาให้พวกเราดู พูดกันง่ายๆ ก็อยากจะประเคนให้ใครสักคนที่อยากได้นั่นแหละ”
“เอ๋ เขาจะทำแบบนั้นทำไม”
“โธ่คุณ ทุกวันนี้นะคนเรามันก็แสวงหาผลประโยชน์กันทั้งนั้น เด็กคนนั้นไม่ใช่หลานแท้ๆ หรอก เป็นหลานสาวของเมียน่ะ ถ้าเขี่ยเด็กคนนั้นออกไปได้สักคน ทรัพย์สินหลายอย่างก็จะตกเป็นของเขาทั้งนั้น ฉลาดไหมล่ะ” ธงชัยบอกกลั้วหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
“เนี่ย ผมยังคิดว่าอยากจะได้ไว้เป็นอีหนูอีกคนเลยรู้ไหม สวยน่ารักเลยล่ะ”
รูปถ่ายใบเล็กถูกส่งมาให้นายบ่อนหนุ่ม วินเซนโซถึงกับนิ่งเมื่อเห็นสาวน้อยในรูปถ่ายใบนั้น
นี่มัน...ลูกแกะน้อยที่เขาหมายตาไว้นี่หว่า
ชายหนุ่มจับรูปใบนั้นแน่นตาวาวขึ้นเล็กน้อย นึกในใจ คนนี้เขาจองแล้วใครก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้น
“ผมขอได้ไหมสวยดี” จิ้งจอกหนุ่มพูดกับนายธงชัยแต่ตาคมดุยังจับจ้องที่รูปถ่ายใบเล็กไม่วางตา
สิงห์การเมืองหัวเราะร่วน
“สนใจเหมือนกันหรือนายบ่อน ถ้าคุณสนใจเห็นทีผมต้องรีบถอยซะแล้ว”
วินเซนโซหัวเราะในลำคอเบาๆ ไม่ตอบคำถามนั้น ความคิดเขากำลังโลดแล่นไปถึงสาวน้อยเจ้าของหัวข้อสนทนา ได้เวลาต้อนลูกแกะขึ้นเขียงแล้ว...
บุคคลสองคนในจอมอนิเตอร์กำลังเริงรื่นเติมที่ ตรงหน้าเขาและเธอเต็มไปด้วยชิพกองโต วินเซนโซจับตามองด้วยสายตาคมดุที่ไม่มีใครอ่านออก
“ผู้หญิงชื่อวาสิฐีส่วนผู้ชายเสื้อลายนั่นสามีเธอชื่อชาติชาย จากประวัติที่เราได้มาฝ่ายหญิงเป็นตระกูลผู้ดีเก่า ได้รับตกทอดทรัพย์สมบัติมาเยอะพอสมควรแต่ส่วนหนึ่งในนั้นเป็นของหลานสาวของเธอชื่อสิตาพร”ธนัชย์ รัตนศาสตรารายงาน เขาเป็นมือขวาและคนสนิทที่วินเซนโซไว้ใจมากที่สุด
เจ้านายหนุ่มเคาะนิ้วกับโต๊ะหน้าจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดเบาๆ
“ได้ไปเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“ตอนนี้เกือบๆ ห้าล้านแล้วครับ คืนพรุ่งนี้ผมคิดว่าจะเรียกเงินของเราคืนสักที”
“ดี ฉันอยากให้สองคนนั่นเป็นหนี้เราสักสิบล้าน จัดการให้ด้วยนะ” วินเซนโซสั่งเสียงเรียบ คนสนิทถึงกับเลิกคิ้ว