บทที่ 3 เกลี่ยกล่อม
วันต่อมา
“ แต่งไปเหอะเดี๋ยวก็รักกันเอง ” ยายพูด
“ เชื่อแม่นะ แต่งไปแกจะอยู่สุขสบายมาก ”
“ แต่งเถอะเชื่อพ่อ ถือว่าช่วยพี่ดาว ”
“ แต่งกับเจ้าเลย์ วาดฝันหลานตาจะมีความสุขนะลูก ”
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ก็ยังคุยกันเรื่องแต่งงานไม่จบไม่สิ้น! เป็นเรื่องที่ฉันอยากจะหนีไปให้ไกล
แต่ไหนแต่ไรมา ทุกคนไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา ใช้งานเหมือนคนนอก เหมือนไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน กดค่าแรง ยังไม่ถึงขั้นต่ำเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันก็อดทนนะ เพราะทุกคนคือครอบครัว ในหัวฉันคิดแบบนั้นจริงๆ
ทุกครั้งที่ไปบ้านเพื่อนก็เผลอน้ำตาซึม ครอบครัวคนอื่นรักและสอนลูกได้ดีมาก แสดงความรักกันต่อหน้าต่อตา มีแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มส่งให้แก่กัน
ฉันไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัวแบบนั้นเลยสักครั้ง การพูดคุยแสดงท่าทีเวลาคุยกัน มันรู้สึกห่างเหินมาก ฉันถึงกับอิจฉาพี่สาวคนโตที่เป็นลูกรักของพ่อแม่และตายายมากๆ
ตั้งแต่เก้าขวบ ฉันไม่เคยได้เที่ยวไหนเลย อยู่แต่บ้านทำแต่งาน ต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น พอมาถึงตอนนี้ก็ทำให้กลับไปคิดว่า ตอนนั้นฉันมันก็แค่เด็กคนหนึ่งปะ ทำอะไรอาจจะไม่ระวังไปบ้าง แต่ทำไมครอบครัวถึงต้องทำกับฉันขนาดนั้นด้วย
ฉันไม่เคยได้เจอโลกภายนอกจนเรียนจบมัธยมหก ฉันถึงได้เรียนมหาวิทยาลัย ค่าเทอมไม่แพง ไปกลับทุกวันไม่เคยได้นอนหอพักเหมือนกับพี่สาว แต่ฉันก็ตั้งใจเรียนมาก ครอบครัวไม่เคยซัพพอร์ตต้องหาเลี้ยงตัวเอง บางทีก็ไปขอปู่ย่าเอา ขอก็ได้ไม่เยอะเพราะปู่ย่าไม่ได้มีฐานะเหมือนตายาย แต่ปู่ย่าไม่เคยรังเกียจฉันเลยแม้แต่น้อย ทั้งรักทั้งเอ็นดูฉัน แต่พวกท่านอยู่ไกลมาก ฉันเลยไปหาได้ไม่บ่อย
ความอบอุ่นนะเหรอ ฉันไม่รู้จักหรอก กอดครั้งสุดท้ายกับครอบครัวเมื่อไหร่ยังจำไม่ได้เลย ทุกคนไม่เคยใส่ใจกันด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่อยากได้อะไร ขอไปไม่เคยได้ แต่พี่ดาวจะได้ทุกครั้ง และฉันจะเป็นคนที่ได้ใช้ต่อของเหลือจากพี่ดาวเสมอ
คิดว่าพี่ดาวน่าจะเป็นพี่สาวที่แสนดี และรักใคร่เอ็นดูน้องสาวคนนี้ แต่เปล่าเลย บางครั้งฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ถูกสั่งให้เป็นคนผิด รับผิดแทนเสมอ ทั้งที่แค่พี่ดาวพูดไปตามความเป็นจริง ทุกคนไม่ว่าอะไรหรอก แถมยังโอ๋อีกต่างหาก แต่ทำไมพี่ดาวต้องโบยให้เป็นความผิดฉันล่ะ ถ้าไม่อยากแกล้งฉันเพื่อให้แม่กับยายดุด่าและทุบตี
หลังเรียนจบ ฉันจะหางานทำแม่กับยายก็หาข้ออ้างไม่ให้ฉันไปจากบ้าน ให้ฉันอยู่บ้าน ให้ทำงานที่บ้าน ให้ช่วยที่บ้านขายของและกรีดยาง เงินค่าแรงที่ได้ก็แค่วันละสองร้อย ดีหน่อยที่ได้กินอาหารฟรี เลยพอจะมีเก็บบ้าง ถึงจะน้อยแต่ก็อดทนอดกลั้น
ตอนหลังๆมานี้ไม่รู้เป็นเพราะว่าฉันไม่เคยไปไหนไกลบ้านและอยู่แต่ในบ้านด้วยหรือเปล่า ฉันเลยกลายเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ชอบออกไปเจอโลกภายนอก ไม่ชอบไปเจอสังคม ฉันเลยกลัวที่จะเจอคนเยอะ ชอบอยู่กับครอบครัวมากกว่า ต่อให้ทุกคนจะไม่เคยพูดดีๆใส่ก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นที่ปลอดภัยสำหรับฉันนะ อาจจะเพราะความคุ้นเคยและคุ้นชินด้วยแหละ
“ คิดดูนะวาดฝัน ถ้าหนูแต่งงาน หนูจะได้ใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ เชื่อตาสิ ” ฉันที่หนีออกมานั่งหน้าบ้านก็ถูกตาเดินมารบกวนพร้อมพูดเบาๆแบบกระซิบๆ
“ แต่ฝันอยากอยู่บ้านมากกว่าค่ะ ต่อให้สนิทกับเลย์มาก แต่ฝันก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยๆนะ พวกเราอาจจะมองแค่มุมเดียว คิดว่าเขาดี แต่เขาอาจจะไม่ดีก็ได้นะคะตา ”
“ แต่ตาเชื่อว่าเจ้าเลย์จะดีกับหนูนะ ไม่เห็นเหรอทุกครั้งเวลาเจ้าเลย์มาหาวาดดาว เจ้าเลย์จะซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากหนูเสมอ ” มันก็จริง แต่ฉันมาสนิทกับแค่เขาตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยเองนะ เพราะเรียนคณะเดียวกัน มันจะเรียกได้ว่าสนิทหรือเปล่า
“ แต่ฝันไม่ได้รักหรือชอบเลย์ในฐานะอื่นเลยนะคะ นอกจากความเป็นเพื่อน ”
“ ฟังตานะ ตลอดเวลาตาดูหนูอยู่ตลอดแต่ตาแค่ช่วยอะไรหนูไม่ได้ ตาไม่อยากทะเลาะกับยายของหนู ตาเลยช่วยอะไรหนูมากไม่ได้ แต่เชื่อตาเถอะ ถ้าหนูแต่งงานออกจากบ้านนี้ไป หนูจะสบาย ” ฉันหันมองหน้าตา นี่คือครั้งแรกที่ตามาพูดด้วยและมองฉันด้วยสายตาที่เอ็นดู ปกติจะเห็นว่าตาจะเงียบๆไม่ค่อยออกความเห็นใดๆ
🌻__________🌻
นามปากกาผกายมาส