3.ถังแตกของจริง

1354 คำ
รุ่งเช้าเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว อลิสาตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เธอคิดว่าตัวเองตื่นเช้าแล้วแต่พอเดินออกมาที่ด้านนอกกลับพบยายที่กำลังนั่งดูข่าวเช้าอยู่พร้อมกับแก้วนมอุ่นๆ อลิสาเดินไปหายายพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เก้าอี้แล้วโอบกอดยายเอาไว้ “ตื่นแล้วเหรอ ตื่นสายนะเราน่ะ ตื่นสายแบบนี้จะทำงานที่นี่ได้ยังไงกัน ส้มแป้นจะต้องไล่หนูออกแน่ๆ” “ยายหนูลิสาเอง ไม่ใช่คนงานใหม่สักหน่อย” “อ้าวนี่หลานเองเหรอ ไปนอนต่ออีกหน่อยเถอะลูก ตื่นเร็วไปก็ไม่มีงานอะไรให้ทำหรอก เดี๋ยวยายให้ส้มแป้นทำโจ๊กที่ชอบให้เอาไหม เอ้านี่รีโมทเอาไปดูการ์ตูนสิ..” อลิสารับรีโมทมาจากยายพร้อมกับยกยิ้มเศร้าๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ยายดูเถอะ เดี๋ยวหนูลงไปดูพี่แป้นข้างล่างก่อนนะคะ” “งั้นก็ตามใจ เอานี่ไปสิ” ยายยัดแบงค์ยี่สิบใส่มือของเธอมา “เอาไปซื้อขนมนะ...” รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าของอลิสา เธอขบเม้มริมฝีปากด้วยสายตาแห่งความรู้สึกผิด “อื้อ ขอบคุณนะคะยาย” เธอกำเงินในมือเอาไว้แน่นก่อนจะเดินลงไปด้านล่างก็เห็นพี่แป้นกำลังทำงานอยู่ในห้องกระจก “มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ” ส้มแป้นส่งยิ้มให้กับอลิสา “เยอะเลยค่ะเพราะงานทุกอย่างต่อไปนี้คุณหนูจะต้องทำเองทั้งหมด” ส้มแป้นลุกขึ้นก่อนจะพาอลิสามานั่งบนเก้าอี้ที่เธอนั่งทำงานอยู่เมื่อครู่ “ไร่ของเรา..ไม่มีกำไรมาสองปีแล้วค่ะ” ใบหน้าของอลิสานั้นรู้สึกชาไปหมดเลย เธอเงยหน้ามองพี่แป้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อสองปีที่แล้วเธอยังโทรมาขอเงินยายไปลงทุนทำธุรกิจอยู่เลย หมายความว่าทั้งยายและพี่แป้นให้เงินก้อนนั้นมาทั้งๆ ที่ไร่ของเราขาดทุนอยู่งั้นเหรอ? “ลิสาไม่รู้มาก่อนเลยว่าไร่ของเราอยู่ในสภาพแบบไหน?” ส้มแป้นส่งยิ้มให้กับคุณหนูของเธอก่อนที่เธอจะตบไหล่ของอลิสาเบาๆ “ไม่ใช่ความผิดคุณหนูหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าไร่ของเราไม่ได้ทำการพัฒนามานานแล้ว ไม่เหมือนกับอีกสองไร่ข้างๆ ที่พวกเขาเริ่มปลูกองุ่นสายพันธ์ุต่างๆ เพิ่มมากขึ้น” “หนูได้รับจดหมายของยายเมื่อไม่กี่วันก่อน จดหมายนั่นพี่แป้นเป็นคนส่งให้ใช่ไหมคะ” พี่ส้มแป้นพยักหน้า “เพราะการขาดทุนสองปีทำให้ไร่เราในตอนนี้กำลังเป็นหนี้อยู่ค่ะ พี่ไปพบเจอจดหมายนั้นในห้องของคุณยายโดยบังเอิญ สารภาพตามตรงว่าพี่ไม่รู้จะทำยังไงให้งานในไร่มันเดินต่อไปได้หากว่าเราไม่มีเงินทุนมาซื้อปุ๋ยหรือว่าจ้างคนงาน เราจะไม่สามารถเก็บองุ่นที่กำลังออกช่อได้ทัน” แสดงว่าตอนนี้ เธอจะต้องหาเงินทุนเพื่อมาจ้างคนงานและซื้อปุ๋ย อีกทั้งยังต้องจ่ายดอกธนาคารและจ่ายเงินต้นคืนทุกเดือนอีกด้วย ตอนแรกเธอคิดว่าชีวิตของตัวเองจะเลิกถังแตก ตอนที่กลับมาที่ไร่ แต่นี่มันยิ่งกว่าถังแตกอีกไม่ใช่เรอะ เรียกได้ว่านี่คือวิกฤตเลยก็ว่าได้.. “อ่า..ตอนนี้เรามีปุ๋ยและยาที่จะใส่อีกกี่เดือนกันคะ” “อีกสิบวันจะครบกำหนดใส่ปุ๋ยแล้วและปุ๋ยของเราใส่ได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น..” อลิสายกมือขึ้นมากุมขมับเบาๆ องุ่นใช่ว่าพอออกลูกแล้วจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เลย แต่ต้องทั้งบำรุงต้นใบ และยังต้องระมัดระวังเรื่องแมลงอีก อีกสามเดือนถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่ตอนนี้จะต้องหาเงินมาซื้อปุ๋ยก่อน “เรา..มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่คะที่เอามาหมุนเวียนภายในไร่” พี่ส้มแป้นกางสมุดบัญชีให้อลิสาดูและยอดเงินในนั้นเหลืออยู่หนึ่งแสนบาท.. เธอหลับตาลงอย่างใช้ความคิด หนึ่งแสนค่าคนงานยังไม่พอเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อปุ๋ยกันฟะ “พี่ช่วยเอารายจ่ายต่อเดือนให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ ว่าในหนึ่งเดือนจะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง แล้วก็รายชื่อจำนวนคนงานทั้งหมดของเรา” “ได้ค่ะคุณหนู ตอนเย็นวันนี้พี่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้คุณหนูด้วยนะคะ เป็นงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อให้คนงานของเรารู้จักคุณหนู” อยู่ในสภาพถังแตกแบบนี้ยังสามารถจัดงานเลี้ยงได้อีกเรอะ “ไม่เสียเงินค่ะงานนี้ พอดีคนงานของเราไปช่วยไร่พูนสุขมาทางนั้นก็เลยล้มวัวให้ตัวหนึ่ง” ล้มวัวเลยเรอะ “วัวตัวนั้นยังมีชีวิตไหมคะ ถ้าเราเลี้ยงเอาไว้..” “อ่า..ตอนนี้กระดูกของมันอยู่ในหม้อต้มซุปแล้วค่ะ ส่วนเนื้อก็กำลังนำไปหมักเพื่อรอย่างเย็นนี้” อลิสาพยักหน้าเบาๆ ไร่พูนสุขอย่างงั้นเหรอ? “จริงสิพี่แป้น แบบนี้เราก็ชวนคนที่ไร่พูนสุขและไร่เจริญรุ่งมาด้วยได้ไหมคะ หนูเองก็อยากจะทำความคุ้นเคยเอาไว้เผื่อเวลาที่ไปหาไหทองที่นั่นจะได้ไม่ต้องเป็นคนแปลกหน้ากัน” พี่ส้มแป้นดีดนิ้วดังเปราะ “ได้เลยค่ะคุณหนู เดี๋ยวพี่จะส่งคนไปชวนเจ้าของไร่ทั้งสองและคนงานมาที่นี่เอง” อลิสาพ่นลมหายใจเบาๆ “หวังว่าเจ้าของไร่จะเป็นคุณลุงที่ใจดีกับหนูนะคะ” พี่ส้มแป้นขมวดคิ้วในทันทีก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณลุงอะไรกันคะคุณหนู เจ้าของไร่พูนสุขเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของปู่สุข รายนั้นหล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีก ส่วนเจ้าของไร่เจริญรุ่งพึ่งได้รับมรดกจากคุณตามาหมาดๆ อันนี้พี่ยังไม่เคยเห็นหน้าแต่คนงานสาวๆ ของเราทุกคนต่างลงความเห็นว่าเขาหล่อเหมือนดาราเกาหลี คนหนึ่งคมเข้มอีกคนหล่อแบบเกาหลี เพราะอย่างนั้นสู้เค้านะคะคุณหนูจะคนไหนก็ได้ คว้ามาให้ได้สักคน” อสิลาส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับพี่ส้มแป้น “ในเมื่อเจ้าของไร่อื่นเขาทั้งหล่อทั้งรวยแบบนั้นเขาจะมาสนใจหนูเหรอพี่ แค่ผูกมิตรกันเอาไว้ก็พอแล้ว” บางทีส้มแป้นก็อยากจะถามคุณหนูเหมือนกันนะว่าคุณหนูของเธอเคยส่องกระจกบ้างรึเปล่า? สวยขนาดนั้นไม่เคยมีใครบอกเลยรึไง “แป้นไปบอกคนงานเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับก่อนดีกว่า หากว่าคุณหนูอยากจะเดินออกไปตรวจงานในไร่ก็อย่าลืมสวมหมวกด้วยนะคะ แดดที่นี่ร้อนมากเลย ตอนเย็นเจอกันที่ท้ายไร่นะคะ” อลิสาปรายตามองไร่องุ่นผ่านทางหน้าต่างกระจก เธอเดินไปหยิบหมวกสานมาสวมเอาไว้บนศีรษะก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อเข้าไปในไร่ กลิ่นดินอ่อนๆ ที่ถูกไถคราดจนพลิกหน้าดินขึ้นมาเจอแสงแดดให้กลิ่นที่หอมสดชื่นอย่างน่าประหลาดเลย ตอนนี้เป็นเวลาเช้าที่แดดยังไม่แรงเท่าไหร่นัก คนงานส่วนมากยังไม่มาทำงานอลิสาจึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงท้ายไร่ เธอเจอสะพานไม้ที่กั้นขวางคลองเล็กๆ เอาไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอลิสาอีกครั้ง ครั้งหนึ่งในตอนเด็กเธอเคยมาเล่นน้ำในคลองนี้เป็นประจำเลยมาเล่นกับพี่ชายคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรและตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่เธอจำได้ว่าเขามีรอยยิ้มที่สวยมากจนเธอละสายตาไปจากรอยยิ้มนั้นไม่ได้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม