“ฟังนะลิสาหลานรักของยาย ครั้งหนึ่งยายเคยฝังไหทองเอาไว้ใต้ต้นองุ่นที่อายุกว่าหนึ่งร้อยปี...”
ดวงตากลมโตของลิสานั้นค่อยๆ เบิกกว้างออกมาเมื่อเธอได้อ่านจดหมายนั้น มือเล็กๆ ที่ถือจดหมายอยู่พลันสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นและตกใจ
“แต่ยายจำไม่ได้ว่ายายฝังทองเอาไว้ที่ใต้ต้นองุ่นเก่าแก่ของไร่เจริญรุ่งหรือว่าที่ไร่พูนสุข..เงินก้อนนั้นคือเงินสินสอดที่ตาของหลานหามาด้วยความยากลำบาก สมัยก่อนยายยังไม่รู้จักวิธีการฝากเงินสักเท่าไหร่ก็เลยเอาไว้ฝังดินเอาไว้..ตามหาเงินจำนวนนั้นให้เจอนะลิสาหลานรักของยาย”
ให้ตายเถอะนี่มัน..เรื่องบ้าบออะไรกันฟะ?
เมื่อก่อนยายกับตาคือเศรษฐีเลยก็ว่าได้ ที่ดินทำไร่องุ่นกว่าพันไร่เป็นของอุดมรักทั้งหมด แต่เมื่อตาล้มป่วยลง เงินทุนทั้งหมดก็ถูกนำไปรักษาตาจนเกือบหมด
ยายก็เลยทยอยแบ่งขายที่ดินออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้จากพันไร่เหลืออยู่ราวๆ สองร้อยไร่เท่านั้น
และเธอ อลิสา อุดมรัก หลานสาวเพียงคนเดียวของยาย..
“คุณลิสาคะ ทางบริษัทที่ผลิตแจ้งมาว่ายังไงก็ไม่ทันค่ะ เราจะเอายังไงกันดีคะ..”
เธอมาอยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่เข้ามหาลัย และพอเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงชีวิตของอลิสาก็เปลี่ยนไป เธอมีความสุขกับการได้เฉิดฉายอยู่บนเส้นทางธุรกิจที่เธอสร้างมาและเกลียดชังการตากแดดทำสวนเป็นที่สุด
เธอไม่ชอบทำสวนเลย แต่ตอนนี้เธอกำลัง..ถังแตกแบบสิ้นเนื้อประดาตัวเลยก็ว่าได้
ธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังทำอยู่คงถึงคราวต้องโบกมือลาเมื่อเธอไม่สามารถทำให้ราคาส่ง ถูกเท่ากับการนำเข้ามาจากต่างประเทศ เศรษฐกิจแบบนี้คนเลือกใช้ของถูกมากกว่าที่จะสนใจคุณภาพอยู่แล้ว
เธอเองก็ยื้อมานานนับปีเพราะคิดว่ามันจะสามารถไปต่อไป แต่ลิสาก็พบว่าเธอถูกโกงจากโรงงานเก่า พอสั่งโรงงานใหม่ก็ปรากฏว่าที่ใหม่ไม่สามารถผลิตให้ทันตามที่ตกลงกันไว้ได้
ปัญหาต่างๆ มันรุมเร้าจนเธอเองก็แทบจะดิ้นไม่หลุดเหมือนกัน คงถึงคราวต้องปล่อยมือจากเส้นทางความฝันที่เคยเดินมาแล้วเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเพื่อกลับไปทำไร่แล้วสินะ..
อลิสาตัดสิ้นใจขายของทั้งหมด คอนโด รถ และบริษัทที่เธอทำมาเพื่อเดินทางกลับไปอยู่กับคุณยาย
“ใจหายชะมัดเลย แกไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ นี่”
สกายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอและตอนนี้เธอมากินเลี้ยงที่ผับของแฟนมันเพื่อแสดงความยินดีที่มันสามารถทำบริษัททัวร์ได้ และถือโอกาสมาบอกลาด้วย
“ครั้งนี้ฝืนไม่ไหวว่ะ เราไม่อยากฝืนด้วย อยากจะกลับไปอยู่กับยาย ลองไปใช้ชีวิตเงียบๆ ดู”
อีกหนึ่งเหตุผลที่อลิสาเลือกที่จะยอมแพ้ง่ายดายขนาดนี้มันเป็นเพราะ..คนที่เธอรักกำลังจะแต่งงาน
พี่จอมทัพกำลังจะแต่งงาน ความสัมพันธ์ของเขาและเธอมันเป็นเพียงแค่พี่น้องมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว และเธอแม่งก็ดันไม่กล้าบอกรักเขา เก็บเงียบมาคนเดียวจนเขาแต่งงาน..
ในตอนนี้เขาก็มองว่าเธอคือน้องสาวคนหนึ่ง เป็นแบบนั้นมาตลอด จนเธอไม่กล้าที่จะเดินข้ามเส้นนั้นไป
“แกจะต้องกลับมายิ้มให้ได้ไวๆ นะ มีอะไรก็โทรมา..”
“รู้แล้วน่า ยินดีด้วยนะสกาย..ขอให้แกประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่แกเลือกด้วย”
หลังจากนั้นอลิสาก็จำไม่ได้ว่าเธอดื่มไปกี่แก้ว พอรู้สึกตัวอีกทีตาก็จะลืมไม่ขึ้นแล้ว
“ไม่น่าขับรถมาเลยว่ะ ทำไงทีนี้”
สกายเองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
“ขึ้นไปข้างบนก่อนดิ ไปนอนกับเราก่อน พรุ่งนี้ค่อยไป”
ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ที่นี่คือผับของแฟนสกาย โชคดีที่มาเมาที่นี่ อลิสายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ กว่าจะจูงมือและพาตัวเองขึ้นมาชั้นบนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
เธอนั่งลงบนพื้นพร้อมๆ กับสกายที่ล้มลงมาทับเธอเช่นกัน
“ดื่มกันหนักแค่ไหนเนี่ยสาวๆ ..”
พี่อาร์มแฟนของสกายเดินเข้ามาหาเราก่อนที่เขาจะอุ้มสกายขึ้นไปแล้วลูบผมเธอเบาๆ เราค่อนข้างสนิทกันเพราะว่าพี่อาร์มคบกับสกายมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
“ตัดใจได้แล้ว สวยขนาดนี้จะไปรอผู้ชายคนเดียวทำไมกันวะ”
“เออ กำลังทำอยู่ พี่อาร์มพาสกายไปเหอะ หนูจะไปนอนแล้ว”
อาร์มยกยิ้มขึ้นมาก่อนที่เขาจะปรายตามองไปยังประตูห้องพักที่กำลังเปิดอยู่
“ไอ้เตมาช่วยพาน้องไปนอนหน่อย”
ถึงแม้ว่าเธอจะเมาแต่ลิสาไม่ได้ไม่รู้ตัวขนาดนั้น เธอรีบลุกขึ้นในทันทีเมื่อพี่อาร์มทำท่าเรียกเพื่อนเขา
“หนูนอนคนเดียวได้พี่ ไม่เป็นไรเลย”
“ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าไอ้เตเป็นเด็กเอ็นคนใหม่..”
อาร์มยกมือขึ้นมาปิดปากที่กำลังขำออกมา
“เด็กเอ็นอะไรของมึงไอ้อาร์ม..”
อลิสาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเด็กเอ็นที่พี่อาร์มว่า..โห หล่ออะไรขนาดนั้นเนี่ย ขนาดเธอเมาแบบไม่ค่อยมีสติเขายังหล่อขนาดนี้แล้วถ้าเธอมีสติจริงๆ เขาจะหล่อขนาดไหนกันนะ
อาร์มตบไหล่ของลิสาเบาๆ
“หากว่ามันดูแลก็ให้ทิปหนักๆ หน่อยนะ”
อลิสากำลังจะหันไปเพื่อปฏิเสธพี่อาร์มแต่ขาที่ไม่มั่นคงของเธอกำลังจะล้มลง ทว่าในจังหวะนั้นมือของเขายื่นออกมาในทันทีเพื่อรอรับตัวเธอ
“....กลิ่นหอมจังเลยค่ะ หอมเหมือนข้าวมันไก่”
เขาถึงกับขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคำที่กล่าวออกมาจากปากของเธอมันคือคำชมหรือว่าอะไร แต่เธอกำลังบอกว่ากลิ่นตัวของเขาเหมือนข้าวมันไก่เหรอวะเนี่ย!
“เมาก็ไปนอน”
เตลองซ์อุ้มเธอขึ้นก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องนอน เดิมทีนี่เป็นห้องที่เขาจะนอนในคืนนี้แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะเสียสละห้องนี้ให้ยัยเด็กขี้เมานี่ แล้วไปนอนกับเพื่อนอีกห้อง ทว่าเมื่อเขาวางเธอลงบนเตียงและกำลังจะลุกขึ้นไปนั้น มือของเธอกลับดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น
“ค่าตัวเท่าไหร่คะ..”
เตลองซ์กลอกตามองบน
“ไม่ได้ขาย แต่ถ้าอยากก็จะสนองให้แบบไม่คิดเงิน”
“ไม่ได้อยากทำแบบนั้น..แต่อยากให้อยู่เป็นเพื่อน เอ็นนี่ไม่ได้ย่อมาจากเอ็นเตอร์เทนเหรอคะ นึกว่าพี่จะทำให้หนูหัวเราะซะอีก”
อะไรของยัยนี่วะเนี่ย มาอยู่ในห้องสองต่อสองแบบนี้ใครมันจะไปทำให้หัวเราะ หากทำให้ร้องครางก็ว่าไปอย่าง
“เอ็นย่อมาจากเอ็นที่มันแข็งๆ อ่ะ”
“....”
อสิลากะพริบตามองหน้าเขาปริบๆ เธอไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง
“พี่ดูอดยากนะคะ ผู้หญิงคนก่อนหน้าหนูเขาไม่ได้...อุ๊บ..”
ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมาในแบบที่เธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย นี่คงเป็นจุมพิตที่มึนงงมากที่สุดเพราะว่าเอไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ว่าเขามาจูบเธอทำไมกัน
“นะ..หนูต้องจ่ายเงินค่าจูบนี่รึเปล่าคะ?”
“จ่ายสิ ต้องจ่ายทั้งค่าจูบและค่าเสียเวลาด้วย”
อ่า..หวังว่าค่าตัวของเขามันคงจะไม่แพงมากจนเกินไปเพราะว่าเธอกำลังถังแตก