บารมีขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มที่มุมปากออกมา เขาเดินตรงไปหาเธออย่างมั่นใจว่าจะทักไม่ผิดคน เพราะเขามีความสามารถพิเศษที่จดจำผู้หญิงสวยๆ ได้แม้จะเจอกันเพียงหนเดียวก็ตาม
“น้องรินใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ เอ่อ คุณ...”
“พี่บอยไงครับ น้องรินเป็นนางรำของแป๋ม ตอนนั้นพี่จ้างให้รำอวยพรในงานวันเกิดของพ่อพี่”
“อ้อ...สวัสดีค่ะพี่บอย” กีณรินยกมือไหว้รู้สึกโล่งอกขึ้นมา ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานกลางคืนแต่เธอก็ไม่ชอบสถานที่เสียงดังและแสงน้อยแบบนี้เลย แค่เดินเข้ามาไม่กี่นาทีเธอก็เริ่มรู้สึกมึนศีรษะแล้ว
“น้องรินมาทำอะไรแถวนี้ครับ อย่าบอกนะว่ามาเที่ยว”
“เปล่าค่ะ” กีณรินส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสยายพลิ้วไปมา “รินกำลังจะไปร้านของพี่บอยแต่ไปไม่ถูกค่ะ”
“ไปร้านพี่นะเหรอ?” บารมีทำหน้างุนงง ผู้หญิงแบบกีณรินนะเหรอจะไปผับของเขาได้
“รินจะไปตามหาอรค่ะ พี่บอยเห็นอรไหมคะ”
กีณรินเอ่ยถาม วันที่เธอไปรำในงานวันเกิดของพ่อคุณบารมีก็เจออรพิมไปที่งานด้วย แต่ไปในฐานะของเพื่อนคุณบารมี ท่าทางอรพิมจะอายมากที่รู้ว่าเธอมางานเดียวกันแต่คนละสถานะกัน แต่บารมีกลับแสดงความชื่นชมเธอออย่างออกนอกหน้าทำเอาอรพิมไม่พอใจโกรธเธอไปหลายวันทีเดียว
บารมีร้องอ้อ! อยู่ในใจ แล้วพยักหน้ารับ “เห็นซิครับ นั่งอยู่ที่ร้านของพี่นั้นแหละ”
“จริงหรือคะ” กีณรินทำหน้าโล่งอก “ขอบคุณมากค่ะพี่บอย รินขอตัวไปหาอรก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวเข้าไปพร้อมพี่ดีกว่า” เขายิ้มแล้วพากีณรินกลับเข้ามาในร้าน บารมีรู้สึกชอบนิสัยซื่อๆ ของกีณรินและออกจะแปลกใจที่อรพิมกับกีณรินเป็นลูกพี่ลูกน้องทั้งที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว
“อร!” กีณรินเรียกอย่างดีใจแต่ก็ตกใจเมื่อเห็นอรพิมกำลังดื่มเหล้ากับผู้ชายแปลกหน้าแถมคลอเคลียกันอีกด้วย
“ยัยริน!” อรพิมทำหน้าเหม็นเบื่อ “เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ก็มาตามอรนะซิ”
“ตาม...ตามทำไม ถึงเวลาฉันก็กลับเองนั้นแหละ”
“ก็ลุงพงษ์โทรมาให้กลับบ้านด่วน มีเรื่องที่บ้าน”
“เหรอจ๊ะ” อรพิมหัวเสีย แต่พอมองเห็นบารมียืนอยู่ด้านหลังกีณรินก็รีบปรับน้ำเสียงใหม่ “คงไม่มีอะไรหรอก พ่อก็คงแค่คิดถึงพวกเราแล้วหาเรื่องมาอ้างให้เรากลับบ้านนั้นแหละ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” กีณรินรู้สึกปวดหูเพราะเสียงเพลงในผับที่เปิดดังลั่นและยังต้องตะโกนคุยกันอีก “กลับบ้านเถอะ”
“ถ้าไม่มีธุระด่วนพ่อคงไม่โทรมามั่งครับน้องอร” บารมีนึกอยากหัวเราะอรพิมจริงๆ ที่แสร้งตีสองหน้าแบบนี้
“ดีใจจังที่พี่บอยเป็นห่วงอร” เธอปราดเข้ามาเกาะแขนบารมี แต่ส่งสายตาดุๆ ไปที่กีณริน “แต่อรรู้นิสัยพ่อของอรดีค่ะ ก็อรเป็นลูกนี่คะ”
คำพูดของอรพิมกรีดหัวใจของกีณรินนัก เธอรักและเคารพลุงพงษ์พ่อของอรพิมประดุจพ่อแท้ๆ เพราะถ้าไม่มีลุงพงษ์เธอก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร อาจจะถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
“ถ้างั้น รินกลับไปดูลุงพงษ์นะ”
“แหมริน รินไม่ต้องเดือดร้อนกับเรื่องในครอบครัวอรก็ได้” อรพิมหัวเราะเสียงรื่นที่เห็นสีหน้าทุกข์ใจของกีณริน แต่ก็พอนึกได้ว่าอาร์พาเม้นท์จะว่างไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคออีก “แต่ถ้ารินอยากไปก็ได้นะ”
กีณรินพยักหน้ารับเนืองๆ แล้วยกมือไหว้ลาบารมี ที่ไม่ทันรั้งกีณรินไว้ได้ทัน หญิงสาวรีบเดินเร็วๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งออกมาแต่ก็ปะทะเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้า
“ริน”
“นัท” กีณรินเงยหน้ามองแผงอกที่ชนเข้าอย่างแรง นัทธีมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเธอ
“รินมาทำอะไรที่นี่ ผมมางานวันเกิดเพื่อน”
“รินมาตามอรค่ะ” เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นข้างใน
“แล้วเจออรหรือยังครับ”
“เจอแล้วค่ะ รินกำลังจะกลับบ้าน”
“งั้นให้ผมไปส่งรินน่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินกลับเองได้ นัทไปงานวันเกิดเพื่อนเถอะ”
“เพื่อนไม่สนิทไม่เป็นไรหรอก หน้ารินซีดๆ ให้ผมไปส่งดีกว่านะ”
กีณรินรู้สึกย่ำแย่ในใจจึงไม่อยากปฏิเสธนัทธี เขาพาเธอเดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกลนักโดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองผ่านร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
“มองอะไรคะราฟาเอล”
“ก็ไม่มีอะไร”
ราฟาเอลเอ่ยตอบแล้วหันมายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม คาร่าไม่อยากเซ้าซี้จึงได้แต่เบียดประชิดเข้าไปใกล้อีก เธออุตส่าห์ลงทุนตามเขามาถึงเมืองไทยแบบนี้แล้วยังไงต้องจับเขาให้อยู่หมัดให้ได้ แต่ก็ดูเหมือนผู้ชายที่ร้อนแรงยามอยู่บนเตียงจะมีแต่ความเย็นชามอบให้
ช่างเถอะ ขอให้เขารวยพอจะเลี้ยงดูเธอไปตลอดชีวิตก็พอแล้ว”.
..............
ราฟาเอลปลดเนคไทออกอย่างหงุดหงิด อากาศประเทศไทยนี่ช่างร้อนเหลือจะบรรยายขนาดว่ามาเมืองที่ติดทะเลยังรู้สึกร้อนและเหนอะหนะ จะว่าไปเขาไม่ชอบทะเลเลยต่างหากแต่ชอบดูสาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำมากกว่า
“คุณราฟาเอลอยากกลับไปพักบนฝั่งไหมครับ ที่นั่นมีโรงแรมห้าดาวหรูหรากว่านี้”
สุรัตเอ่ยถามขณะขับรถไปที่โรงแรมแห่งเดียวบนเกาะเล็กๆ ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนพลขับจนได้ แถมยังเป็นบอส หนุ่มที่ไม่ชอบให้ใครติดตามเยอะแยะ เขาจึงขับรถจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ระยองพาทั้งรถและคนขึ้นเรือเฟอรี่ข้ามฟากมาที่เกาะ
“ช่างเถอะ พักสักคืนถ้าไม่ไหวค่อยว่ากัน”
ราฟาเอลบ่นพลางมองไปนอกกระจกรถ เกาะนี้เล็กกว่าที่เขาคิดนักขับรถไม่เกินสามชั่วโมงก็น่าจะทั่วเกาะแล้ว แต่สภาพภูมิทัศน์ส่วนใหญ่ยังดำเนินไปตามวิถีชาวบ้านอยู่ คงเพราะเหตุนี้เองที่สภาพทะเลทั่วไปถึงยังคงสวยสดงดงามราวกับเพชรที่ยังไม่ถูกเจียระไน แต่ก็แบบนี้แหละที่นักท่องเที่ยวชอบแค่จัดการอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
“ทีแรกผมคิดว่าคุณราฟาเอลจะพักที่ฝั่งก่อนพรุ่งนี้จะมาที่เกาะไม่คิดว่าจะมาวันนี้เลย”
“แล้วทำไม ไม่มีที่พักหรือไง”
“มีครับ มีแน่นอนอยู่แล้ว”
สุรัตชักใจไม่ค่อยดี เห็นหน้านิ่งๆ แต่เดาอารมณ์ยากน่าดู และที่แน่ๆ ไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาเอาอกเอาใจนักหรอก แต่ชอบให้คนสยบต่างหาก ถึงจะมีเงินสะสมอยู่บ้างแต่ก็ไม่อยากตกงานตอนอายุสี่สิบหรอก
รถเก่งคันหรูแล่นมาถึงโรงแรมแห่งเดียวของเกาะ สุรัตรีบก้าวลงจากรถไปเปิดประตูให้บอสหนุ่มก่อนที่จะขอตัวไปจัดการเรื่องห้องพักที่เขาจองไว้แล้ว ราฟาเอลหยิบแว่นกันแดดมาสวมพลางเหลือบมองรอบๆ กาย แล้วจินตนาการถึงโรงแรมระดับห้าดาวและบริการเต็มรูปแบบ ได้ยินว่าประเทศนี้ไม่อนุญาตให้เปิดบ่อนได้แต่ก็รับรู้ว่าพลเมืองประเทศนี้ชื่นชอบการพนันนัก ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงภาพพจน์ที่มีว่าคนตระกูลซิวีลิอาโน่ ทำงานด้านมืดเท่านั้นแต่ในระยะสิบปีที่ผ่านมา กิจการของซิวีลิอาโน่ไปไกลกว่าแค่จัดตั้งบริษัทฟอกเงินหรือทำตัวเป็นมาเฟียแบบเก่าๆ อีกแล้ว
สุรัตก้าวๆ ยาวๆ จะมาตามราฟาเอลแต่ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับเข้ามาด้านในก่อน ผู้จัดการโรงแรมและพนักงานต้อนรับยกมือไหว้พร้อม เขาโบกมือไล่ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเอาพวงมาลัยมาคล้องคอแล้วเดินตามหลังสุรัตเข้าไปในลิฟต์เพื่อเข้าห้องพักของตนเอง
“ขอผมอยู่คนเดียว”
“ครับ ถ้าต้องการอะไรเรียกใช้ผมได้ทันที”
ราฟาเอลเดินไปลงกลอนประตูเมื่อสุรัตเดินออกไปแล้วชายหนุ่มปลดเสื้อนอกและเนคไทออกแล้วปลดปืนพกออกจากสายรัดวางไว้บนเตียง เขาไม่เคยไว้ใจใครและถูกสอนไม่ให้เชื่อใจใคร เมื่อคืนหลังจากตักตวงความสนุกจากคาร่าแล้วเขาก็บอกสุรัตว่าต้องการมาดูเกาะนี่ ดูท่าทางสุรัตออกจะแปลกใจนิดๆ แต่ก็ไม่ขัดใจยอมทำตามโดยไม่มีคำถาม ผู้หญิงบางคนก็เหมาะที่จะสนุกด้วยกันมากกว่าจะให้เป็นแม่ของลูก แต่ผู้หญิงดีๆ คงไม่หลงทางเข้ามาในชีวิตเขาง่ายๆ แน่ๆ แค่คิดเขาก็หัวเราะนึกขำโชคชะตา สงสัยว่าจะหาแม่ของลูกไม่ได้แน่ๆ ในชีวิตนี้