ระยะเวลาเก้าเดือนเต็ม คือวันเวลาที่นาวาเอกนภพีท์ ได้เข้าไปฝึกกับหน่วยซีลในประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ต่างแดน ไม่มีวันไหนที่ผู้กองนภพีท์จะไม่คิดถึงคนรัก
ผู้กองหนุ่มอยากโทรหาอชิรญา ทว่าการฝึกฝนที่เข้มงวดทำให้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ระหว่างฝึกอยู่ในหน่วยซีลคือ การนับวันนับคืนเร่งเวลาเพื่อจะได้กลับบ้านมาพบกับยอดดวงใจอีกครั้ง
และวันที่ผู้กองนภพีท์รอคอยก็เดินทางมาถึง ภาระกิจการฝึกร่วมกับหน่วยซีลได้สิ้นสุดลง ลูกราชนาวีไทยได้เดินทางกลับสู่อ้อมกอดของแผ่นดินเกิดอีกครั้ง
เมื่อเครื่องบินแตะสัมผัสกับพื้นดิน ผู้กองนภพีท์ใจเต้นรัวเร็ว อีกไม่กี่นาทีเขาก็จะได้สวมกอด ได้พรมจุมพิตยอดดวงใจตามที่ใจต้องการและเฝ้ารอคอยมานานหลายเดือน
“น้องพรีมรอพี่เมฆหน่อยนะครับ อีกไม่กี่สิบนาที น้องพรีมก็จะได้กอดพี่เมฆแล้ว”
ผู้กองหนุ่มยอมรับว่าตื่นเต้นที่จะได้พบหน้ายอดดวงใจจนแทบระงับอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ เขามั่นใจว่าอชิรญาเองก็คงตื่นเต้นไม่แพ้กัน และหญิงสาวคงมารอรับเขาก่อนเวลาเครื่องบินลงจอดเป็นเวลานานแล้ว
ก่อนจะขึ้นเครื่องบินมาจากอเมริกา ผู้กองได้โทรหาอชิรญาเพื่อแจ้งกำหนดการเดินทางถึงประเทศไทยของเขา ทว่า ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อที่เบอร์มือถือ โทรเข้าเบอร์บ้าน หรือแม้แต่โทรไปยังคอนโดของเขา เขาก็ไม่สามารถติดต่ออชิรญาได้ แม้ออกจะแปลกใจอยู่มากที่อชิรญาเงียบหายไป กระนั้นเขาก็ได้โทรบอกลูกน้องคนสนิทให้ไปบอกอชิรญาและพาเธอมารอรับเขาที่สนามบินด้วย
“พี่เมฆอยากเห็นใบหน้าดีใจของน้องพรีม ตอนเห็นพี่เมฆเดินไปกอดน้องพรีม”
ผู้กองนภพีท์บอกตัวเองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดวงตาประกายแววแห่งรัก ขณะนึกถึงอชิรญา
และเมื่อลากกระเป๋าเดินทางออกมาอาคารผู้โดยสารขาเข้า พอเห็น พลทหารพิรัล ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทยืนรอรับเขาแค่เพียงคนเดียว ก็พยายามกวาดสายตามองหาอชิรญาด้วย
“น้องพรีมล่ะพิรัล น้องพรีมไม่ได้มารับเราด้วยหรือ”
ดวงตาคมกริบกวาดมองทั่วบริเวณจนแน่ใจแล้วว่าไม่เห็นอชิรญา ผู้กองนภพีท์จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก ในใจคิดไปว่าอชิรญาอาจจะเจ็บป่วยจึงไม่สามารถมารับเขาได้
“สวัสดีครับผู้กอง”
แทนที่จะตอบคำถามของผู้เป็นนาย พลทหารพิรัลกลับยกมือไหว้ทำความเคารพ พร้อมกับเดินเข้าไปเข็นกระเป๋าเดินทาง โดยไม่กล้าสบตากับผู้กองนภพีท์
“ไม่ได้ยินที่เราถามหรือยังไงพิรัล”
น้ำหนักเสียงที่เอ่ยถามเริ่มห้วนขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งเริ่มจับสังเกตได้ว่าพลทหารพิรัลไม่ยอมมองสบตากับเขาแม้แต่ครั้งเดียว
“เกิดอะไรขึ้นพิรัล ทำไมน้องพรีมไม่มารับเรา”
“เอ่อ...เอ่อ...” พลทหารพิรัลเหลือบสายตามองเจ้านาย ยังคงอ้ำอึ้งอยู่เช่นเคย
และคราวนี้ผู้กองนภพีท์ก็ตะคอกถามดังลั่น ทำเอาผู้โดยสารที่ยืนอยู่แถวนั้นต้องหันมามองด้วยความสนใจใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เลิกอมพะนำแล้วก็ตอบสักทีสิโว้ย! ว่าน้องพรีมไปไหน”
พลทหารพิรัลถอนหายใจยาว ไม่ช้าก็เร็ว ผู้กองนภพีท์ก็ต้องรู้ความจริงในที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนั้น พลทหารหนุ่มจึงหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นให้เจ้านายรับไปดู
ผู้กองนภพีท์ขมวดคิ้วเข้มหนาเข้าหากันยุ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยอาการงุนงง ขณะจ้องมองซองสีทองที่อยู่ในมือของพลทหารพิรัล ซึ่งแน่นอนว่าซองสีทองที่ว่า เป็นการ์ดแต่งงานอย่างแน่นอน แต่! ใครกันเล่าที่แต่งงาน ใครเป็นเจ้าบ่าว เจ้าสาวที่มีชื่ออยู่ในการ์ดใบนี้เป็นใครกัน
“ผู้กองรับไปดูสิครับ คำตอบทุกอย่างอยู่ในการ์ดใบนี้ทั้งหมดครับ”
พลทหารพิรัลบอกเสียงเครียด พอผู้กองนภพีท์รับการ์ดแต่งงานไปถือไว้ในมือ ก็ได้แต่ถอนหายใจลึกด้วยความหนักใจ และเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ผู้กองนภพีท์คงโกรธจัดพร้อมทำลายทุกอย่างให้พังราบเป็นหน้ากลอง
ผู้กองนภพีท์รับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างขณะค่อยๆ หยิบการ์ดออกมาดู และตัวอักษรสีทองที่ถูกพิมพ์อย่างสละสลวยบนการ์ดใบนี้ ทำเอาเขาต้องสบถลั่น กำหมัดชกไปบนรถเข็นที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่โดยไม่สนใจอาการเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นเป็นริ้วๆ ทั่วข้อมือใหญ่
“นรก!”
โครม!!!
แรงกระแทกจากฝ่ามือใหญ่ก่อให้เกิดเสียงดังจนผู้โดยสารแถวๆ นั้นต้องหันมามองอีกครั้ง ทว่าในนาทีนี้ผู้กองนภพีท์ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!
“การ์ดแต่งงานของน้องพรีม?”
“ครับผู้กอง”
พลทหารพิรัลตอบรับคำอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องอธิบายไปมากกว่านี้แล้ว เหตุผลว่าทำไมอชิรญาไม่เดินทางมารับผู้กองนภพีท์มันปรากฏอยู่บนการ์ดสีทองใบนี้แล้ว
“น้องพรีมจะแต่งงาน เธอจะแต่งงานทั้งๆ ที่สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรอเรากลับบ้าน”
ผู้กองนภพีท์กัดฟันดังกรอดๆ ดวงตาแดงก่ำเพราะความโกรธจัด ขณะจ้องมองชื่อของหญิงที่รัก ซึ่งปรากฏอยู่บนการ์ดสีทอง
“ขอเรียนเชิญเพื่อเป็นเกียรติและร่วมรับประทานอาหาร เนื่องในพิธีมงคลสมรสระหว่างนางสาวอชิรญา รุจิสา กับนายสุรพล อักษา”
ผู้กองหนุ่มเค้นเสียงห้วนจัดขณะอ่านชื่อเจ้าสาว เจ้าบ่าว มือใหญ่ขย้ำการ์ดแต่งงานแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน ก่อนจะเค้นเสียงถามลูกน้องต่อ
“ไอ้สุรพลมันคือใคร!”
“เป็นพ่อค้าที่ดินครับผู้กอง ผมได้ยินว่าเสี่ยสุรพลรวยมาก แต่เงินที่ได้มานั้นส่วนใหญ่เป็นจากการโกงคนอื่นเขามา และบางส่วนก็ได้มาจากการฟอกเงินครับผู้กอง”
“น้องพรีมชอบแบบนี้ยังงั้นหรือ ชอบไอ้พวกผู้ชายที่มีประวัติชั่วติดตัว มากกว่าคนดีๆ อย่างเรา”
ผู้กองนภพีท์เค้นเสียงถามตัวเองมากกว่าจะถามลูกน้อง ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด เวลาผ่านไปแค่เพียงไม่กี่เดือน สามารถเปลี่ยนใจของอชิรญาได้มากถึงเพียงนี้เลยหรือ?
“ผู้กองครับ ผมว่าไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหมครับ มีอีกหลายเรื่องที่ผมคิดว่าผู้กองควรจะรู้ด้วยครับ”
เพราะรู้ว่าหากผู้กองนภพีท์รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับอดีตรัก คงได้อาละวาดหนักมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
และคงไม่ดีแน่ หากผู้กองนภพีท์ต้องขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เพราะโกรธจัดจนเผลอทำลายข้าวของภายในสนามบิน