...เละ
คำนี้คือคำเดียวที่ฉันบอกตัวเองได้หลังจากที่ลืมตาตื่นในช่วงเช้า สาย หรือบ่ายของวันใหม่ก็ไม่รู้
...เละทั้งสภาพห้อง
...แล้วก็เละทั้งสภาพคน
ฉันค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยความเจ็บปวดและร้าวระบม อาการค่อนข้างหนักเลยค่ะเพราะเมื่อคืนฉันกับคนที่ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ ค่อนข้างจะหนักหน่วงพอตัว
เอ๊ะ! หรือที่จริงจะเรียกว่าเกินตัวดีนะ?
ฉันนั่งมองสภาพห้องช้าๆ แล้วก็มองมาที่เขา คนที่ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป...
ชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อเฟียส นักศึกษาปี 4 พ่วงตำแหน่งคุณหนู ตจว. ผู้ยากไร้มันเริ่มต้นการเสียซิงจากตรงนี้ค่ะเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง...
มันเริ่มต้นจากการที่ครอบครัวโดนมรสุมทางเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจของที่บ้านมันขาดทุน พอขาดทุนก็ต้องเอาเงินที่มีในบัญชีมาหมุนเวียนเพื่อพยุงธุรกิจ แต่หมุนไปสักพักมันก็ยังขาดทุนเหมือนเดิมและสุดท้ายมันก็...เจ๊ง
พอเจ๊งก็นั่นแหละ เงินมันลดน้อยถอยลง จากที่เคยมีกินมีใช้ก็เริ่มไม่มี ที่จริงก็พอมีแต่พ่อแม่ก็ต้องสำรองเอาไว้เพื่อเริ่มสร้างอาชีพใหม่ เพราะถ้าไม่เริ่มใหม่ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นในชีวิตที่กำลังล้ม ฉันในฐานะลูกก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระท่านเลยพยายามออกหางานพาร์ทไทม์
และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างคนที่อยากทำงานให้ได้เงินเยอะๆ แต่ไม่มีเวลาเพราะต้องเรียน ยิ่งเป็นการเรียนในช่วงสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักศึกษามันก็ยิ่งหนักจนแทบไม่มีเวลาทำอะไร จากที่จะหางานพาร์ทไทม์ฉันดันได้ทำงานฟลูไทม์ซะงั้น แถมเงินดีซะด้วยสิคะ งานง่ายๆ ที่เริ่มทำเมื่อเดือนก่อน อย่างงาน...รับจ้างเป็นแฟน
ฉันได้งานแบบงงๆ ก่อนหน้าที่จะมีแฟนหลอกๆ แค่หนึ่งวันจากเพื่อนร่วมคณะที่เห็นหน้าค่าตากันแทบทุกวัน เคยคุยกันแบบไม่มากไม่น้อยก็ตามประสาเพื่อนร่วมคณะที่รู้จักกันนั่นแหละ ไม่ได้สนิทอะไรกันเป็นพิเศษ ข้อเสนอก็แค่เป็นแฟนของเขา งานที่ให้ทำเหมือนเป็นแฟน ให้ฉันชีวิตตามปกติได้แต่ต้องทำตัวเหมือนคนมีแฟน เราไม่ต้องมีอะไรกัน ไม่มีข้อผูกมัด แค่มีเวลาให้เขาควงเวลาที่เขาอยากเรียกใช้แค่นั้นเอง
แต่!
แค่ขึ้นเดือนที่ 2 ข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้ซะดิบดีมันก็ล้ม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเลยเถิดไปไกลจากข้อตกลงที่เคยคุยกันเอาไว้เพราะ...
ความเมา!
ใช่ค่ะเพราะความเมา เมื่อคืนเมาแต่ไม่ถึงขั้นเมาเละหรอกนะ เมาแต่จำได้ทุกอย่างแค่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เรียกง่ายๆ ก็คือเมาจนเสียความเป็นตัวของตัวเอง ขาดสติยับยั้งชั่งใจปล่อยให้อารมณ์ความต้องการที่ไม่รู้ว่ามันโผล่หัวมาจากไหนมาครอบงำ
และสุดท้ายก็จบด้วยคำว่า...เสียตัว
เมื่อวานตอนเช้าฉันปฏิเสธที่จะมางานปาร์ตี้เมื่อคืนแล้วนะคะ ฉันบอกเขาแล้วว่าฉันไม่ว่างฉันต้องทำงานทำการบ้านทำสารพัดงานที่อาจารย์สั่ง ฉันพยายามหาเหตุผลมาอ้างสารพัดแต่เขาไม่รับฟัง เขาบอกง่ายๆ ว่า...
“ฉันเป็นเจ้านายเธอ ฉันสั่งให้มาเธอก็ต้องมา”
นั่นล่ะค่ะ คำพูดเย็นชาของเขาก่อนที่เขาจะให้ชายชุดดำที่ฉันคุ้นหน้าตลอดระยะเวลา 1 เดือนเอาเสื้อผ้ามาให้ แล้วก็รอรับก่อนจะพาฉันมาที่นี่ สถานที่ทำให้ฉันเสียตัว
สถานที่โคตรหรูที่เขาเรียกว่าบ้าน แต่ฉันเรียกมันว่าโคตรพ่อโคตรแม่คฤหาสน์ มีแต่สาวๆ อยากมา แล้วก็อยากมายืนข้างๆ เขาด้วยความเต็มใจ แต่มันไม่ใช่กับคนอย่างอีเฟียสคนนี้ไง
ฉันไม่อยากมาเพราะฉันไม่ได้ชอบการโกหกตบตาคนอื่น ยิ่งในงานปาร์ตี้สำคัญอย่างปาร์ตี้วันเกิดของเขาที่มีเพื่อนกับคนรู้จักมากันตั้งเยอะแบบนี้ ฉันไม่ชินเลยที่ต้องแสดงว่าเป็นแฟนใครทั้งที่ในใจมันบอกมาตลอดว่าไม่ใช่
อีกอย่างเมื่อคืนเขาก็สั่งว่าฉันต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเราสองคนรักกันปานจะกลืนกิน แรกๆ ฉันก็ทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่จนโดนเขาว่า คำพูดของซีเจย์มันน่าตบปากที่สุด
“รับค่าจ้างแล้วก็ทำให้มันดีหน่อยสิวะ ฉันจ้างเธอไม่ใช่แค่เพราะเธอสวย แต่ฉันคิดว่าเธอจะมีสมองด้วย รู้งี้แม่งเลือกคนอื่นดีกว่า”
...ฉันคิดว่าเธอจะมีสมองด้วย โคตรจี๊ดเลยกับคำนี้ พอโดนว่าให้จี๊ดที่ใจฉันก็เลยจัดชุดใหญ่ให้เขาซะเลย ฉันแสดงอาการรักเขาปานจะกลืนกิน มองเหวี่ยงผู้หญิงหลายๆ คนที่ฉันรู้ว่าพวกเขาเคยกินตับกันมาก่อน และพยายามกันท่าแสดงความหึงหวงเวลาที่มิเชลเข้าใกล้
มิเชล ผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ชายอย่างซีเจย์คนที่หล่อรวย ฉลาด เพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่างเลือกใช้วิธีงี่เง่าและโคตรเปลืองเงินในการเรียกร้องความสนใจ!
คิดแล้วก็หมั่นไส้ หมั่นไส้ทั้งคู่นั่นล่ะค่ะ ผู้ชายก็นะรักเขาก็แทนที่จะบอกรักแล้วตื้อให้คบกันดีๆ กลับเลือกวิธีมีแฟนเพื่อประชดเรียกร้องความสนใจให้เขาเสียดายตัวเอง ส่วนผู้หญิงมองตาก็รู้ว่ามีใจแต่กลับไม่ยอมคบกับเขาให้มันจบๆ ไป
เหมือนต่างฝ่ายต่างเรียกร้องความสนใจกันและกันเลยค่ะ มองแล้วหมั่นไส้บวกน่ารำคาญ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นความนหมั่นไส้บวกน่ารำคาญที่น่ายินดีเพราะทำให้คุณหนูบ้านนอกที่กำลังตกอับอย่างฉันได้พอต่อลมหายใจตัวเองด้วยเงินค่าจ้างหลักแสนต่อเดือน
ถึงแม้สุดท้ายมันจะจบลงแบบนี้ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ฉันก็คงเลือกงานนี้เหมือนเดิม เพราะงานนี้มันไม่ได้ต่อแค่ลมหายใจของฉัน แต่มันหมายถึงครอบครัวของฉันด้วย ฉันมีงานมีเงินมันก็ลดภาระที่จะทำให้พ่อแม่ไม่ต้องมากังวลว่าเดือนนี้จะเอาเงินที่ไหนส่งให้ฉันใช้ เงินที่ได้มาก็เยอะมากพอให้แบ่งเก็บไว้เป็นทุนสำรองเพื่อทำอะไรในอนาคตเพราะฉันใกล้เรียนจบแล้ว
แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะนะคะ อย่าเพิ่งไปสนใจชีวิตดราม่าของคุณหนูบ้านนอกตกอับอย่างฉันเลย กลับมาโฟกัสที่ปัจจุบันดีกว่าว่าตรงนี้ ตอนนี้ เวลานี้ฉันจะทำยังไงดี!
ชิ่งตอนนี้เลยดีไหมวะเฟียส เพราะไม่รู้ว่าเขาตื่นมาฉันจะทำหน้ายังไง เราจะมองหน้ากันยังไง แบบไหน จะมองหน้ากันเหมือนเดิมได้ไหมทั้งที่เราเพิ่งกินตับกันจนสนั่นลั่นห้อง กินกันสนั่นทั้งที่ความสัมพันธ์แค่แฟนปลอมๆ และมีสถานะเจ้านายกับลูกจ้างค้ำคออยู่
ถ้ารักกันชอบกันก็ไม่คิดมากหรอกค่ะ แต่มันไม่ได้รักกันเลยไง ไม่มีความรู้สึกรักเลยสักนิด ลองให้ฉันทบทวนความรู้สึกของฉันตอนนี้กี่ครั้งก็เหมือนเดิมนั่นแหละคือไม่มีความรู้สึกใดๆ ในหัวใจและสมองนอกจากคำว่าเพื่อน แถมยังเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ไม่มีความพิเศษใดๆ ต่อกันเท่านั้นเอง
เฮ้อ! คิดไม่ออกและคิดไม่ตก มันไม่ชอบก็จริงค่ะแต่มันเสียตัวไปแล้ว เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันเอง เราเล่นบทแฟนกันแบบที่ไม่ให้มันค้านสายตาใคร ฉันกับเขาคลอเคลียกันพองามแต่พอเริ่มเมาเท่านั้นแหละจากคลอเคลียก็เลยนัวเนีย นัวเนียท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ และคนรู้จักที่เข้าใจว่าเราสองคนคบกันจริงๆ นัวเนียมากๆ เข้ามันก็นัวไงคะ พอนัวก็มาจบกันบนเตียงของเขาอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
เห็นไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นโทษเขาไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษฉันด้วยที่ทำหน้าที่ได้ดีเกินไป แต่จะหลบหน้าก็คงไม่ได้เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ฉันไม่ได้หวังให้เขามารับผิดชอบ แต่ก็อยากเคลียร์ให้มันจบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเราสองคนจะเอายังไงต่อ
“อืมมมมมม~” ระหว่างที่ฉันกำลังคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอยู่คนเดียว เสียงของคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น เขาขยับตัวบิดขี้เกียจนิดหน่อยแต่ฉันนี่สิคะที่ใจเต้นแรงมาก มันตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่เราตื่นมาสบตากันแล้วเราจะทำยังไงต่อ เขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้ จะจัดการยังไงกับการที่เขาเอาซิงของผู้หญิงคนหนึ่งไป
“...ไง หลับสบายไหมที่รัก”