“ก็ลองดูก่อน อาจารย์เสริมศักดิ์ไม่รับศิษย์ง่ายๆ ยันต์ต้องทำยังไงก็ได้ให้ท่านรับเป็นศิษย์ เพราะอาได้ข่าวว่าท่านจะรับศิษย์แค่อีกสองรุ่นเท่านั้น” เกื้ออยากให้สุริยันต์ไปเรียนมวยกับเสริมศักดิ์ ด้วยว่าวิชามวยของเสริมศักดิ์จะทำให้สุริยันต์เอาตัวรอดได้ในภายภาคหน้าและสามารถคุมลูกน้องได้เป็นจำนวนมาก
สุริยันต์ฟังผู้เป็นอาพูดแล้วให้รู้สึกฉงนใจยิ่งนัก ทำไมถึงจะรับศิษย์แค่อีกสองรุ่นเท่านั้น แต่เขาก็ค้นพบว่าผู้เป็นอาพาเขามาทิ้งเอาไว้ที่ค่ายมวยเก่าๆ ที่ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย
เกื้อคุยอะไรกับเสริมศักดิ์ครู่ใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับ สุริยันต์มองท้ายรถของผู้เป็นอาอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันมามองชายสูงวัยที่เขาแอบคิดในใจว่าท่านจะมีแรงอะไรมาสอนเขา
“ท่านอาจารย์” สุริยันต์ก้มลงกราบแทบเท้าของเสริมศักดิ์
“ฉันยังไม่ได้เธอเป็นศิษย์ อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์” ประโยคเรียบเฉยนั้นทำให้สุริยันต์กะพริบตาปริบๆ มองร่างของชายวัยกลางคนที่เดินไปนั่งจิบชาและดูข่าวจากหน้าจอทีวีด้วยความรู้สึกงุนงงระคนกรุ่นโกรธพอสมควร
“ทำไมลุงถึงไม่รับผมเป็นศิษย์ล่ะครับ”
“ฉันจะรับใครเป็นศิษย์นั้นต้องดูก่อนว่าคนคนนั้นเหมาะสมคู่ควรหรือไม่”
“ผมไม่มีคุณสมบัติยังไง ถึงเป็นศิษย์ของลุงไม่ได้”
“เธอไม่เชื่อว่าฉันเก่งพอจะสอนเธอได้” เสริมศักดิ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเด็กชายผงะเล็กน้อย
“รู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไรอยู่”
“ก็สายตาเธอมันฟ้อง”
“ลุงแก่แล้ว จะมีแรงสอนผมเหรอ สมัยหนุ่มๆ ลุงอาจจะเก่งกาจจริงอย่างที่อาเกื้อพูด แต่ตอนนี้ดูสิ ลุงแก่แล้วแถมยังขาเป๋อีกด้วย รอบกายคือค่ายมวยเก่าๆ โทรมๆ ไม่มีลูกศิษย์เลยสักคนเดียว” สุริยันต์คิดตามประสาเด็ก คนแก่ๆ ก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง
“ถ้าคิดแบบนั้นก็กลับไปเถอะ” เสริมศักดิ์พูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก่อนจะเดินขากะเผลกๆ กลับเข้าไปในบ้าน
“โธ่เว้ย! แก่แล้วยังจะเล่นตัวอีก” สุริยันต์ตามไปกระชากมือของเสริมศักดิ์เอาไว้ เสริมศักดิ์บิดข้อมือของสุริยันต์โดยที่ไม่ได้หันมาเสียด้วยซ้ำ ความว่องไวและดุดันนั้นทำให้เด็กชายถึงกับร้องเสียงหลง มันไม่เหมือนแรงมือของผู้ใหญ่ทั่วไป แต่มันเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!” เขาร้องและเซ แต่ไม่ยอมแพ้ หยิบไม้หน้าสามขึ้นมาทุบตีเสริมอย่างแรง ถ้าเจอไม้ต้องสู้ไม่ได้แน่ๆ แต่เด็กชายกลับพบว่าเสริมศักดิ์หลบอย่างว่องไวสวนทางกับอายุของอีกฝ่าย เขาไม่สามารถฟาดโดนตัวของเสริมศักดิ์ได้ มันไม่โดนเลยแม้แต่ปลายก้อย สุริยันต์หอบไปมา มองอย่างเจ็บใจ เขาฟาดอีก ฟาดเสริมศักดิ์จนหมดแรงก็ไม่สามารถฟาดโดนได้
“ลุงหลบทำไม”
“แล้วจะให้ฉันรังแกเด็กเหรอ”
“ถ้าต่อสู้กับคนหนุ่มฉกรรจ์ลุงไม่มีทางสู้ได้หรอก” สุริยันต์พูดขึ้นเพราะอยากเอาชนะ แต่เสริมศกัดิ์เดินลับหายเข้าไปในบ้านเสียแล้ว
“ลุงเปิดประตูสิ จะให้ผมนอนตรงไหน”
“มีปัญญานอนตรงไหนก็นอนไปสิ” เสียงของชายวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ด้านนอกฝนตกหนัก จนฝนสาดเข้ามากระทบผิวกาย สุริยันต์นั่งปักหลักอยู่ตรงมุมหนึ่งหน้าบ้านพัก เขาวิ่งตากฝนไปที่ค่ายมวยเก่าๆ และทิ้งตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก หิวข้าวก็หิวข้าวแถมฝนยังตกหนักอีก อาของเขาให้เงินติดตัวมาพอสมควร พรุ่งนี้พอฝนหยุด เขาจะกลับบ้าน กลับไปเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวกับอาเกื้อก็ยังจะดีเสียกว่ามาเรียนกับตาลุงขี้เก๊กนี่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เป็นอาถึงอยากให้เขามาเรียนมวยกับตาลุงคนนี้นัก อีกฝ่ายประกาศชัดเจนว่าจะไม่รับศิษย์ง่ายๆ อย่างแน่นอน
เสริมศักดิ์เปิดบานเกล็ดดูเด็กชายก่อนจะยกยิ้มตรงมุมปาก เขาปิดบานเกล็ดก่อนจะเข้าไปทำอาหารรับประทาน กลิ่นหอมของอาหารทำให้สุริยันต์ลูบท้องไปมาด้วยความหิว ทั้งหิวทั้งหนาวและเหนียวตัวไปหมด เขาไม่ได้รับการต้อนรับจากเสริมศักดิ์เลยแม้แต่น้อย
ให้ตายดิ้นสิ! เขาอยากเก่ง จะได้จัดการกับสรพงศ์ให้ตายตกตามบิดามารดาของเขาไป เขาไม่รู้ว่าทำไมสรพงศ์มาฆ่าล้างครอบครัวของเขาด้วย แต่เขาคิดว่าอาเกื้อรู้แต่ท่านไม่พร้อมที่จะบอกเขา
โธ่เว้ย! พรุ่งนี้เขาจะไปจากที่นี่ ยิ่งได้กลิ่นอาหารหอมๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย สุริยันต์นอนกอดตัวเองด้วยความหนาวจนหลับไป เขาฝันร้าย ฝันถึงบิดามารดาที่โชกไปด้วยเลือดก่อนจะสะดุ้งตื่นและพบว่าเช้าแล้ว เขาเห็นเสริมศักดิ์ลุกมากวาดค่ายมวดซอมซ่อของตัวเอง
“ฝันร้ายเหรอ” เสริมศักดิ์เอ่ยถาม เด็กชายไม่พูดอะไร เขามองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากที่ที่ขดตัวนอนอยู่เมื่อคืนและเดินออกไปจากค่ายมวย ที่นี่ห่างไกลนัก รอบกายมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร สุริยันต์เดินจนเหงื่อตก ก่อนที่เขาจะหยุดพัก เส้นทางข้างหน้าไร้จุดหมายทำให้เขาต้องหันกลับไปมองทางเดิม ที่นี่เป็นเขา ดีหน่อยที่มีถนนเข้าถึงแต่รอบข้างมีแต่ป่าและป่า ไร้บ้านของผู้คนให้ขอความช่วยเหลือ เด็กชายเริ่มละล้าละลัง จะกลับไปยังเส้นทางเดิมก็รู้สึกเสียหน้าชะมัด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าจะกลับบ้านเองแต่สุดท้ายเขาก็ต้องโทร. ให้ผู้เป็นอามารับ
“อาเกื้อครับ ผมอยากกลับบ้านครับ”
“ทำไม”
“เขาไม่รับผมเป็นศิษย์ครับ”
“ก็พยายามทำให้เขารับสิ”
“แต่เขาไม่รับครับ อีกอย่างผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะเก่งจริง ลุงแก่ๆ ขาเป๋ แบบนั้นจะมาสอนอะไรผมได้ เดินก็ขากะเผลก”
“ถ้าพยายามแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าหวังที่จะแก้แค้เลย” ประโยคของผู้เป็นอาทำให้สุริยันต์อึ้งไป
“ถ้าจะให้ผมเรียนมวยกับตาลุงนั่นอาเกื้อต้องพิสูจน์ให้ผมดูก่อนว่าตาลุงนั่นเก่งจริง เหมาะที่จะเป็นอาจารย์ของผม”
“บะ! ไอ้นี่ เขาต่างหากที่ต้องพูดว่าเราน่ะเหมาะจะไปเป็นลูกศิษย์ของเขาหรือเปล่า ก็ได้ๆ ต้องการให้อาพิสูจน์ยังไงล่ะ”
เกื้อถามกลับ เสริมศักดิ์ไม่รับศิษย์นานแล้ว มีคนมาฝากตัวเป็นศิษย์ มาทำทุกอย่างให้เสริมศักดิ์พอใจแล้วสุดท้ายก็ต้องล่าถอยไปเพราะทำยังไงเสริมศักดิ์ก็ไม่รับ แต่เขามั่นใจว่าสุริยันต์ต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของเสริมศักดิ์ได้อย่างแน่นอน
“ส่งคนมาถล่มค่ายมวยของอีตาลุงนั่นให้ราบเป็นหน้ากลอง ถ้าตาลุงนั่นสู้คนของเราไม่ได้ผมจะไม่ยอมรับเขาเป็นอาจารย์อย่างแน่นอน แต่ถ้าอีตาลุงขี้เก๊กนั่นเอาชนะคนของเราได้ ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ของเขาครับ”
“ก็ได้” หลังจากผู้เป็นอาตอบตกลง เขาก็ส่งคนมาที่ค่ายมวย ในขณะที่สุริยันต์ยืนมองลูกน้องของผู้เป็นอามาอาละวาดอย่างใจจดจ่อ เขาเชื่อสนิทใจว่าอีตาลุงเสริมศักดิ์ไม่มีทางสู้ลูกน้องของผู้เป็นอาได้ เขาเคยเห็นฝีไม้ลายมือการต่อสู้ของทุกคนมาแล้ว ความคิดของเด็กชายสะดุดลงเมื่อลูกน้องของผู้เป็นอายังไม่ทันได้พังข้าวของ หรือแตะอะไรเสียด้วยซ้ำก็โดนบิดข้อมือจนล้มลงไปกองกับพื้น ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโอดโอยน่าเวทนา ทุกคนคลานหนียกมือไหว้ปลกๆ อย่างหวาดกลัว
“ไม่ไหวแล้วครับคุณยันต์ พวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทุกคนสะบักสะบอมกลับไปไม่เป็นท่า สุริยันต์คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหา
“อาจารย์รับผมเป็นศิษย์ด้วยครับ กรุณารับผมเป็นศิษย์ด้วยครับ” สุริยันต์คำนับซ้ำๆ
“กลับไปเถอะ เธอไม่เชื่อไม่ใช่เหรอว่าฉันจะเป็นอาจารย์ของเธอได้”
“ตอนนี้ผมเชื่อแล้วครับ อาจารย์รับผมเป็นศิษย์เถอะครับ” สุริยันต์คลานเข่าตาม
“ฉันไม่รับศิษย์ง่ายๆ หรอกนะ”
“ทำยังไงอาจารย์ถึงจะรับผมเป็นศิษย์ครับ”
“ถึงเวลาฉันจะบอกเธอเอง แต่ถ้าทนไม่ไหวก็กลับไปเถอะ”
“ตกลงว่าจะกลับกับอาหรือจะอยู่นี่ต่อ” เกื้อเอ่ยถามหลานชาย
“ผมจะอยู่นี่ครับ แล้วจะส่งข่าวดีไปให้อาเกื้อแน่นอน”
“เกิดเป็นผู้ชายต้องอดทนนะยันต์ ไม่มีอะไรในชีวิตที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ลงมือทำ” เกื้อตบไหล่ของหลานชายเบาๆ ก่อนจะขอตัวกลับ