“เจ็บค่ะแม่”
“นักเรียนหรือนักเลง ทำไมถึงได้ป่าเถื่อนแบบนี้”
“ก็ถามลูกสาวคุณป้าเอาสิคะ ว่านั่นน่ะปากหรือว่าส้วม” คุณป้าบุหงาง้างมือจะตบฉันแต่ถูกพี่ซีเจย์จับเอาไว้ก่อน
“ป้าบุหงาควรฟังความจริงจากทั้งสองฝั่งก่อนนะครับ”
“ที่จริงมันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ” ป้าบุหงาดูหงุดหงิดและไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ฉันเข้าใจ ทำลูกสาวเขาเจ็บนี่เนอะใครบ้างจะไปยอม ขนาดมีคนมาแตะพ่อแม่ฉัน ฉันยังไม่ยอมเลย
“มันจะไม่เกิดขึ้นถ้ามิลล์ไม่ใส่ร้ายหนูก่อน”
“มิลล์เปล่าคะคุณแม่ เรื่องจริงทั้งนั้นที่มิลล์พูด” ฉันกำหมัดแน่น ถ้าไม่มีพี่ซีเจย์อยู่ข้างๆ ฉันก็คงไม่เหลือใครเลย
“ญาริน โทรบอกผู้ปกครองหรือยัง” อาจารย์หันมาถามเพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ปกครองต้องรู้
“ยังค่ะอาจารย์”
“เด็กคนนี้ก็หลานของดิฉัน ไม่ต้องกังวลนะญารินป้าจะโทรบอกแม่หนูให้เอง” ฉันไม่อยากเจอแม่ในสถานการณ์แบบนี้ ป้าบุหงาต้องใส่ร้ายฉันแน่นอนและเรื่องมันก็จะใหญ่มากกว่าเดิม
“ไม่ต้องค่ะ ญารินจัดการเอง ขอเวลาสักครู่นะคะอาจารย์”
ฉันขอตัวออกมาข้างนอกเพื่อใช้มือถือ ลังเลอยู่นานกว่าจะกดโทรออกได้
“นี่มันเวลางานพี่นะ” เขารับสายแล้วทำเสียงเข้มแต่ก็ทำให้ฉันเบาใจได้อย่างบอกไม่ถูก
“หมอ”
“ไปก่อเรื่องอะไรมาอีก”
“หมอรู้ได้ยังไงคะ ยังไม่ได้บอกเลย”
“เห็นพี่เป็นอะไร”
“เป็นหมอไง” ฉันเลิ่กลั่กเพราะรู้ว่ามันเป็นการรบกวนมากเกินไป แต่จะให้ทำยังไง นึกไม่ออกแล้วจริงๆ
“ใช่ เป็นหมอ”
“ขอโทษค่ะที่รบกวน แต่หนูไม่รู้จะหันไปหาใครแล้วจริงๆ” ทำเสียงให้น่าสงสารที่สุดเพราะไม่เหลือใครแล้วจริงๆ
“สรุปเรื่องอะไร”
“ช่วยมาที่มหา’ลัยหนูหน่อยได้มั้ยคะ”
“ต้องไปเป็นผู้ปกครองสินะ” รู้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ
“จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
หมอกดตัดสายไปเลย
ระหว่างนั่งรอคุณป้าบุหงาก็ไม่เคยมองฉันด้วยสายตาที่เป็นมิตรเลยสักครั้ง ทำอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือญาติแท้ๆ เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่กันจะหลุดพ้น
“สวัสดีครับ ผมมาในฐานะผู้ปกครองของญาริน” ไม่เกินครึ่งชั่วโมงชายหนุ่มที่ฉันเฝ้ารอก็โผล่เข้ามา ออร่าความหล่อนั้นทำให้คุณป้าบุหงากับลูกสาวนั่งเงียบไปเลย
“คุณหมอกิตนี่เอง”
“ญารินทำอะไรผิดเหรอครับ” คุณหมอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมเลื่อนเก้าอี้หย่อนตัวลงนั่งขาไขว่ห้างในท่ารอพร้อมฟัง
“คุณไม่ใช่ผู้ปกครองของญารินนี่” ป้าบุหงาค้าน คงอยากให้แม่ฉันมาให้ได้เลยมั้ง
“ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อและแม่เสมอไป ที่จริงคุณป้าก็น่าจะเป็นผู้ปกครองให้ญารินได้นะครับ” หมอไปรู้อะไรมาอีก พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณป้าบุหงาก็คลั่งอีกหรอก
“คงไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องร้ายแรงแบบนี้คนเป็นพ่อแม่ต้องรู้ว่าลูกตัวเองทำตัวอันธพาลมากแค่ไหน”
“ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีชนวนเหตุ”
“คุณกำลังใส่ร้ายว่าลูกสาวดิฉันเป็นคนเริ่มนะคะ”
“ผมหมายความแบบนั้นเหรอครับ” ยัยมิลล์สะกิดแขนแม่ตัวเองใหญ่
“ยังไงก็ต้องเรียกผู้ปกครองมาคุยค่ะ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้”
“คุณป้าต้องการอะไรพูดมาเลยดีกว่าครับ ผมพร้อมรับผิดชอบ”
“หมอ” ฉันเรียกหมอแล้วส่ายหน้ารัวๆ อย่าไปให้ค่าคนพวกนี้
“ว่าไงครับ ผมมีเวลาไม่มาก”
“ลูกฉันตาเขียวขนาดนี้ รับผิดชอบได้เหรอ”
“แล้วต้องการอะไรครับ อยากชกคืนมั้ย”
ทุกคนอึ้ง ไม่ต่างจากฉันที่หันมองหน้าหมอแล้วขมวดคิ้ว ให้มาช่วยนะไม่ได้ให้มาซ้ำ
“หมอกิตครับที่จริงเรื่องไม่ได้ใหญ่มากขนาดนั้นครับ ที่ต้องเรียกผู้ปกครองมาเพราะญารินแล้วก็มิลดาเป็นญาติกัน เราก็เลยต้องเรียกผู้ปกครองให้มาเคลียร์กันครับ” อาจารย์รีบอธิบายเพราะกลัวว่าหมอจะจัดเวทีมวยขนาดย่อมภายในห้องที่เรากำลังนั่งคุยกันตอนนี้
“เหรอครับ ผมก็นึกว่าฝั่งตรงข้ามรู้สึกเสียเปรียบอยากเอาคืนเสียอีก”
“คุณเป็นหมอจริงหรือเปล่า”
“ไม่ต้องเชื่อก็ได้ครับ รู้ไว้ว่าหมอแบบผมพูดตรงและไม่เคยใส่ร้ายใครก็พอ” ยัยมิลล์หน้าเสียไปเลย ทำแบบนี้คงเสื่อมเสียไม่น้อย ว่าที่หมอและความภูมิใจของครอบครัว
“แม่ พอแล้วค่ะ”
“เรื่องแผล เชิญที่โรงพยาบาลได้นะครับ โรงพยาบาลไหนก็ได้ทั่วประเทศ ผมรับผิดชอบเอง วันนี้มีเรียนต่อหรือเปล่า เธอน่ะ” หมอหันมาถาม
“ไม่ค่ะ ไม่เรียนแล้ว”
“งั้นก็กลับพร้อมกันนี่แหละ” ไม่ได้เรียนเลยทั้งวันเพราะมัวแต่มีเรื่อง วันนอะไรวะ โคตรซวย !
___________________________________