1 ไอ้เหี้ยกันต์ เฮ้ย ลูกพี่ครับ part 2

2411 คำ
​ ผมพยุงเขาขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของบ้าน ตอนแรกว่าจะทิ้งไว้ที่ห้องรับแขกนั่นแหละ แต่เขาก็ล็อกเอวผมแน่นไม่ยอมปล่อย ตุ้บ “อุ้ก” ผมจงใจทิ้งตัวเขาลงบนเตียงแรง ๆ ใจจริงอยากใช้เท้าถีบเลยด้วยซ้ำ เอาแต่ใจนัก คิดว่าจะข่มเหงผมไปได้ตลอดเหรอ คอยดูเถอะ! “มองไร? กล่องยาอยู่ตรงนู้น” “?” “ยังจะยืนเฉย ๆ อีก” อ๊ะ ไอ้นี่แม่ง! แบกมาก็แล้ว ต้องทายาให้อีกเหรอ ผมเดินกระทืบเท้าปึงปังไปทางหน้ากระจกที่มีกล่องปฐมพยาบาลเปิดฝาไว้เหมือนเจ้าตัวใช้เป็นประจำ หยิบกล่องแล้วเดินกลับมา สงสัยต้องทายาให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าผมทิ้งเขาไว้ไม่แน่อาจจะโดนไถตังค์หนักกว่าเดิม ถึงเขาจะไม่เคยทำร้ายร่างกายผมแม้แต่ปลายเล็บ แต่แค่น้ำเสียงก็ทำเอาผมขาสั่นพั่บ ๆ แล้ว “คุณโดนฟันมาเหรอครับ” “ไม่ใช่เลือดกู เอาลูกประคบเย็นมาก็พอ” “แต่ในกล่องไม่มีลูกประคบเย็น” “ก็ลงไปเอาน้ำแข็งข้างล่างสิวะ” ไอ้เวรนี่! ทำไมถึงเอาแต่ใจแบบนี้ เอาแต่ใจเหมือนลุงข้างบ้านเลยนะมึง “มองหน้ากู ด่ากูในใจเหรอ?” “เปล่าครับ สีผมลูกพี่เท่ดี” ไอ้กันต์ทำหน้าเหมือนรำคาญเลยสะบัดมือไล่แล้วเอนตัวลงบนเตียง ผมเลยเดินออกมาหน้าประตูพลางมองซ้ายมองขวา ไอ้กันต์บอกว่าให้ไปเอาที่ข้างล่างก็น่าจะในครัวละมั้ง คิดได้แบบนั้นผมก็เดินลงบันไดมาแล้วมองสำรวจรอบ ๆ บ้านไปด้วย รวยใช่เล่นเลยนะเนี่ย ถึงแม้ไม่ได้ตกแต่งแบบบ้านลุงเคลวินที่ห้อยโคมไฟสีทองอร่าม แต่นี่ก็เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นที่แพงไม่หยอก บ้านหลังตั้งใหญ่โต มาไถตังค์ผมทำไมก็ไม่รู้ ปึ้ก มัวแต่เดินสำรวจไปมา ผมดันชนกับของแข็งเข้าอย่างจัง เลยยกมือขึ้นลูบจมูกตัวเองป้อย ๆ “เอ้า โทษที” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่สูงกว่าตัวเองอย่างเทียบกันไม่ได้ ร่างกายบึกบึนอย่างกับตึก ท่อนบนของเขาไม่ได้สวมอะไรเลย เผยให้เห็นซิกซ์แพ็กแน่นปั้กชโลมด้วยเหงื่อมันปลาบ ท่อนล่างมีกางเกงมวยยาวประมาณขาอ่อนที่สวมใส่แบบพอดีตัว “เป็นเพื่อนกันต์เหรอ?” พี่คนนั้นถาม “ใช่ครับ คะ...คือผมมาเอาลูกประคบเย็น” “หืม? กันต์ไม่น่าจะมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้...” หน้าตาแบบนี้คือแบบไหนฟะ! พูดให้มันจบสิ “เดี๋ยวไปหยิบให้ เดินตามมา” ผมพยักหน้า เดินตามร่างสูงใหญ่ไปติด ๆ พี่เขาพาเดินเข้ามาในครัวและเปิดตู้เย็นเล็กที่เป็นตู้สำหรับแช่ครีม หากแต่ในนั้นดันแช่ลูกประคบเรียงเป็นตั้งเหมือนยาสามัญประจำบ้าน “เอ้า” พี่เขาหยิบมาหนึ่งลูกแล้วยื่นให้ “ขอบคุณครับ คุณคือ...” “ชื่อกาย เป็นพี่ชายไอ้กันต์มัน ไม่ต้องเรียกคุณหรอก” เขายิ้มบาง ๆ แล้วส่งขวดน้ำเปล่ามาให้สองขวด คงจะให้ผมขวดนึง กันต์ขวดนึงละมั้ง เป็นคนดีต่างจากน้องชายจริง ๆ “พี่เป็นนักมวยเหรอครับ” โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ เกิดใหม่ทั้งทีผมต้องหัดผูกมิตรไว้บ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่ทำหน้าตาอมทุกข์ หมกตัวดูอนิเมะทุกคืนจนไม่เข้าสังคม “อืม เราสนใจไหมล่ะ แต่...ใช้เวลานานหน่อย” เขาไล่มองผมตั้งแต่หัวจดเท้าแล้วยกขวดน้ำเปล่ามากระดกอึ้ก ๆ “ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ แต่ถ้ามีไว้ป้องกันตัวบ้างก็ดี” “โดนไอ้กันต์บังคับมาเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เห็นมันพาใครเข้าบ้าน” “แหะ ๆ ก็...” “พู มึงไปเอาลูกประคบที่โรงงานหรือไง!!” เสียงตะโกนจากด้านบนทำผมสะดุ้งโหยง ผมหัวเราะแห้ง ๆ ให้พี่กายแล้วรีบสาวเท้าขึ้นห้องทันที ไอ้นี่หัดเอานิสัยดี ๆ จากพี่มาใช้บ้างสิวะ! “มึงนี่...” “เอามาให้แล้วจะเอาอะไรอีก! ทำไมถึงเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลนักวะ กูเป็นทาสมึงหรือไง!” ผมโยนลูกประคบใส่ท้องมันอย่างแรงด้วยความโมโห ความอัดอั้นตลอดสามปีทำให้ผมกล้าตะโกนออกไปจนหมด “มึงว่ายังไงนะ...” ไอ้กันต์พูดเสียงเบาหวิว หน้านี่เหวอไปเลย “ก็บอกว่ากูไม่ยอมมึงอีกแล้ว! นอกจากไม่มีคนคบแล้วยังต้องมาเป็นทาสคนอื่นอีก กูไม่โอเคนะเว้ย ชีวิตกูมีค่ามากกว่านั้น ไม่ได้มีไว้ให้ใครยิงเล่น เข้าใจไหม!” “ยิงอะไรวะ?” ผมโมโหจนพาลไปหมดจนไอ้กันต์งง มันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วถอนหายใจออกมา “โอเค ๆ เข้าใจมึงละ แต่มาประคบให้กูก่อน” “ทำเองไม่เป็นหรือไง” “มือกูเจ็บเนี่ย” ผมหายใจฟึดฟัดแล้วไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับเลิกชายเสื้อนักเรียนขึ้น ผมผงะไปเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงกับรอยช้ำขนาดใหญ่ นี่ต้องโดนอัดขนาดไหนผิวถึงช้ำจนม่วงขนาดนี้ “ไม่ไปโรง’ บาลจริง ๆ เหรอครับ” “มึงนี่โกรธง่ายหายเร็วนะ” “ก็มันชินนี่” “เอางี้ ต่อจากนี้กูจะจัดการพวกที่แกล้งมึงให้ ถือว่าตอบแทนที่ช่วยกูวันนี้” มึงจัดการตัวเองก่อนเถอะ ทั้งโรงเรียนมีมึงคนเดียวเนี่ยที่แกล้งกู = = “ยังไม่พอใจ? โอ๊ย!” ผมลงน้ำหนักมือบนรอยช้ำจนไอ้กันต์นิ่วหน้า “คืนเงินผมมาด้วย” “หืม รวมเป็นกี่บาทล่ะ?” “คุณไถตังค์ผมตั้งแต่มอสี่ ตอนนี้มอหกแล้ว ขอคิดแบบรวบรัดสามปีเพราะถือว่าเป็นค่าดอกเบี้ย รวมเป็นจำนวนเงิน 19,710 บาท” “แหม เก็บทุกเม็ดเชียวนะ กูคืนให้สองเท่าเลย” “จริงเหรอครับ” *0* ผมทำตาเป็นประกาย ช่วงนี้กำลังร้อนเงินพอดี อยากสอยมังงะออกใหม่ด้วย “กูไถวันละ 18 บาท เดี๋ยวคืนวันละ 36 บาท” “อ้าว ทำไมไม่คืนทีเดียวเลยล่ะ” “ก็กูไม่ได้ยืมมึงทีเดียวนี่ ว่าแต่ยืมตั้งแต่มอสี่เลยเหรอวะ” “ใช่ แล้วอย่ามาใช้คำว่ายืม นั่นเรียกว่าไถต่างหาก!” “ไถห่าอะไร กูขอดี ๆ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายมึง” โธ่ถัง! นั่นคือขอดี ๆ ของมึงเหรอ เวลาผมเลิกเรียนจะรีบกระชับกระเป๋าและก้าวขาฉับ ๆ พยายามเดินผ่านซอกนั้นไปให้ไวที่สุด แต่ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ไอ้นี่ชอบเอาแขนทั้งสองข้างมากักตัวผมไว้แล้วยื่นหน้ามาใกล้ ๆ เพื่อกดดัน เป็นแบบนี้ใครมันจะไม่กลัวบ้างวะ! ถึงจะไม่เคยทำร้ายร่างกายก็เถอะ “แล้วเอาไปทำไม 18 บาท” “ซื้อโค้ก” “แค่นี้?” “เออ โอ๊ยยย” ผมกดรอยช้ำบนตัวเขาอีกรอบ รอบนี้ไอ้กันต์ร้องลั่นห้อง ตั้งแต่มอสี่จนวันที่ผมตายเขาก็ยังไม่หยุดไถเงิน ไหน ๆ ก็ได้ชีวิตใหม่มาแล้ว จะไม่ยอมอีกเด็ดขาด! “โอ๊ยยย โอเค ๆ กูขอโทษ กูไม่ไถมึงแล้ว” “คืนเงินด้วย” “เออ เดี๋ยวคืนวันละ 36 บาท แล้วไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนมึงทุกวันเลยเอ้า” “อย่างแรกผมขอรับไว้ แต่อย่างหลังไม่ต้อง” “ประคบดี ๆ สิวะ” กันต์ทำเป็นไม่สนใจคำพูดก่อนหน้าแล้วกุมมือผมไว้แทน เพื่อยั้งไม่ให้ผมกดน้ำหนักไปที่แผลของเขา วะฮ่าฮ่า สะใจโว้ย! “เรียบร้อย ผมกลับละ” ลูกประคบห่อน้ำแข็งละลายหมดแล้ว ผมเลยเอาทิชชูมาเช็ดหน้าท้องให้เลยเสร็จสรรพ อีกนิดจะใส่ผ้าอ้อมตบตูดให้แล้วเนี่ย ทำไมผมต้องมาทำแบบนี้ด้วยวะ มีเรียนแท้ ๆ “นี่เพิ่งสิบเอ็ดโมง อย่าบอกนะว่ามึงจะกลับไปเรียนต่อ?” “ใช่ครับ ไม่ได้เรียนคาบเช้าไม่เป็นไร วันนี้วิชาวิทย์ไม่น่าจะมีอะไรมาก” “มึงนี่นะ เฮ้อ เดี๋ยวกูไปส่ง” “บ้าหรือไง ไปสภาพนี้เดี๋ยวคุณ...” “เลิกเรียกคุณได้แล้ว กูรุ่นเดียวกันกับมึงนะ เลิกกลัวกูด้วย” ไอ้กันต์ขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ “เดี๋ยวมึงตายขึ้นมาใครจะคืนเงินกูวะ นอนไปนั่นแหละ” “...” “ไปละ บาย” ผมชิงวิ่งออกมาจากห้อง ปล่อยให้ไอ้กันต์เหวอรับประทานอยู่คนเดียว “กลับไปเรียนต่อเหรอ?” “อ่า ใช่ครับ” ลงมาจากบันไดก็ป๊ะกับพี่กายพอดี ตอนนี้พี่แกไม่ได้อยู่ในคราบนักมวยแล้ว เขาใส่ชุดเครื่องแบบมหา’ ลัยแล้วปัดผมไปข้างหลังดูเท่ขึ้นมาก “เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “เอ่อ แต่ผมเกรงใจ เดี๋ยวเรียกแกร็บก็ได้ครับ” “ทางผ่านพอดี ขึ้นมา” แหม อยากจะบอกว่าผมปฏิเสธเป็นมารยาทเฉย ๆ นั่นแหละ ใจจริงคือไม่อยากเสียตังค์โคตร ๆ เพราะกำลังเก็บตังค์ซื้อมังงะชุดล่าสุดที่ออกมาอยู่ “ครับ ๆ” ผมวิ่งตามหลังเขาไปติด ๆ หน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ที่พวกผู้ชายเขาชอบขี่กัน นั่นก็คือ ‘บิ๊กไบค์’ ที่ไม่ว่าใครขี่ก็เท่ ถ้าผมขี่จะเท่แบบนั้นหรือเปล่าหว่า... “ขึ้นไม่ได้เหรอ?” ผมพยายามกางขาขึ้นคร่อมเบาะอยู่นานแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกางเกงนักเรียนมันรัดแน่นจนตึงไปหมด ไหนจะขาของผมที่ไม่ได้ยาวมากนัก แต่ยืนยันว่าน่าจะเป็นเพราะกางเกง กางเกงแน่ ๆ! “อ่า พอดีตึงนิดหน่อย...เหวอ” พี่แกลงมาเพราะทนท่าทางน่าสมเพชของผมไม่ไหว เขาจับเอวผมไว้แล้วอุ้มขึ้นนั่งเบาะเหมือนอุ้มลูกลิง “โทษที พี่จะสายแล้ว” ผมอยากจะกราบเท้าพี่ต่างหาก ช่างเป็นคนดีกระไรเยี่ยงนี้ แต่ผมก็รู้สึกขายหน้าอยู่นิด ๆ โดนอุ้มเป็นตุ๊กตาเลย ผมเป็นผู้ชายอกสามศอกนะ! จะมาโดนอุ้มง่าย ๆ เหมือนตุ๊กตาแบบนี้ก็ไม่ใช่ ต้องหัดออกกำลังกายแล้วเรา ผมเกาะเสื้อพี่เขาแน่นเพราะกลัวตก ท่ามกลางแดดจากขุมนรกของประเทศไทย กว่าจะถึงก็ทำเอาผมหน้ามืด รถบิ๊กไบค์สีดำจอดหน้าประตูโรงเรียนเวลาเที่ยงตรงพอดิบพอดี ผมยกมือไหว้พี่เขาด้วยความซาบซึ้ง หากเป็นชีวิตก่อนหน้านี้ผมไม่มีทางได้เจอคนดี ๆ แบบนี้หรอก จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาในโรงเรียน ซึ่งอาจารย์ที่เฝ้าประตูแกก็นั่งเมาท์มอยหอยสังข์ไม่ได้สนอะไร มือก็จกส้มตำปูปลาร้าไปด้วย ผมตรงดิ่งขึ้นตึกเรียนเลยทันทีเพราะในกระเป๋ามีห่อข้าวกลางวันมาด้วย อย่างที่บอกนั่นแหละว่าผมกำลังเก็บเงิน! คาบบ่ายไม่ได้มีอะไรมากนอกจากวิชาแนะแนวที่นั่งดูโพรเจกเตอร์สามชั่วโมงรวด รู้แบบนี้ผมชิงกลับบ้านเลยดีกว่า ตอนนี้เวลาสี่โมงตรง ผมมายืนหน้าประตูเพื่อรอคนขับรถของลุงเคลวินมารับ พูดถึงก็มาเลย “ลุงต๋อย สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ลุงคนขับแล้วเข้าไปนั่งเบาะหลัง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอนิเมะที่ดูค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเปิดเน็ตปุ๊บไลน์ก็เด้งขึ้นมาทันที ข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน 12.03 GUN : ถึงโรงเรียนยัง 13.00 GUN :??? อิหยังของเขาวะ? มันใช่ธุระกงการอะไรของแกเรอะ แล้วอีกอย่างมีไลน์ผมได้ไง! ผมกดปิดหน้าจอเพราะหมดอารมณ์ดูแล้วหลับตาลงเบา ๆ อยากงีบสักหน่อย วันนี้ใช้พลังงานไปเยอะเหลือเกิน “คุณหนูครับ ถึงบ้านแล้ว” เสียงปลุกของลุงต๋อยทำให้ผมค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาแบบสะลึมสะลือ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ยังหลับได้ไม่ถึงสิบนาทีเลยมั้งเนี่ย ผมยกมือไหว้ขอบคุณลุงเขาแล้วลงจากรถ เดินเข้ามาในบ้านพลางลูบท้องตัวเองป้อย ๆ ทำไมวันนี้ไม่มีคนเลยนะ ปกติจะต้องตั้งโต๊ะอาหารกันแล้วนี่ ผมอุ้มกระเป๋าเดินเข้าไปในครัวอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาสองเท้าของผมหยุดชะงัก “อืม...ดูดแรง ๆ” คนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา กดหัวผู้หญิงผมบลอนด์ที่สวมชุดเครื่องแบบมหาวิทยาลัยรัดติ้วจนหน้าอกแตงโมแทบทะลัก เธอนั่งผงกหัวตรงกลางหว่างขาเขาอยู่นาน จนดวงตาสองข้างเหลือบมาสบตากับผมพอดี “อ๊ะ” เธอชะงักแล้วถอนริมฝีปากออกจากแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่จนน้ำลายยืดออกมาเป็นสาย “น้องชายเหรอคะ?” คนถูกถามหันมามองตัวขัดจังหวะอย่างผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาคมไล่มองผมตั้งแต่หัวจดเท้าแล้วแค่นยิ้มออกมา “อืม ใช่ เธอกลับไปก่อน” “เอ๊ะ แต่วีวี่เพิ่งมาเองนะคะ” “กลับ” แม่นางวีวี่ทำหน้าไม่พอใจ หยิบกระเป๋าชาแนลบนโต๊ะแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปทันที ก่อนออกไปก็ไม่วายหันมาถลึงตาใส่ผม แหม่ พี่สาวครับ ผมขอโทษษษ ผมไม่รู้นี่ว่าพวกพี่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ ผมมองตามหลังเธอไปจนลับตาแล้วหันกลับมาสนใจคนบนโซฟาแทน แล้วก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของเขาที่กำลังจ้องผมอยู่เหมือนกัน ‘เฮียไคน์’ แม้จะไม่เคยคุยกันเลย แต่ผมก็จำเขาได้เพราะเคยร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันสองสามครั้ง นี่เป็นโอกาสดีเลยไม่ใช่เหรอที่จะทำความรู้จักกับเขา หน้าตาเขาก็ไม่ดุเท่าไหร่ด้วย เพราะภายใต้ใบหน้าคมนั้น ดวงตาของเขาดันแพรวพราวตลอดเวลาเหมือนพวกเสือผู้หญิง “ยังไม่รู้จักกันเลย มานั่งคุกเข่าคุยกับเฮียตรงนี้สิคะ” วอต เดอะ ฟัก!! อย่างน้อยก็ช่วยเก็บไอ้จ้อนของพี่เข้าในกางเกงก่อนเถอะ! ​ ​

เริ่มอ่านเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้ที่นี่

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม