เจ้าของวันเกิด คุณนายผู้เฒ่านั่งเป็นประธานนั่งรับของขวัญและคำอวยพร สิ่งที่สำคัญจุดเด่นในงานย่อมเป็นของการปะชันการมอบของขวัญวันเกิด ในบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้สิ่งของที่มอบย่อมไม่ใช่แค่ราคาแต่หมายถึงความล้ำค่าและหายาก
“ท่านย่า ของขวัญวันเกิดเล็กๆ จากหลานค่ะ”
อี้เฟยหลิงแม้ไม่สันทัดเรื่องภาพวาดเท่าไรนัก แต่เธอเป็นลูกคุณหนูที่มีรสนิยมพอสมควร เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าภาพนี้คุณย่าต้องชอบ แต่เธอกลับประเมินความชอบในระดับที่ต่ำจนเกินไป
“ฮืม…เป็นภาพที่สวยมาก หลิงหลิงหลานช่างหาของขวัญถูกใจย่า บอกย่ามาสิ ไปได้จากไหนมา ท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหน ย่าอยากได้อีก”
ย่าอี้สอบถามอย่างกระตือรือร้น ภาพวาดที่อี้เฟยหลิงมอบให้คล้ายจะใช้เทคนิคการวาดที่ดูค่อนข้างโบราณ มีมนต์ขลังซ่อนความรู้สึกโรแมนติกอ่อนโยนและอบอุ่น แม้จิตรกรสมัยนี้จะมีฝีมือมากแต่กลับไม่สามารถสื่อความหมายสมัยเก่าๆ ได้อารมณ์เช่นนี้
พอเห็นแววตาที่ฉายความความพอใจของท่านย่าที่จะมีให้เห็นไม่ค่อยจะบ่อยครั้ง อี้เฟยหลิงย่อมยินดีปลื้มใจแต่เธอไม่สามารถบอกคุณย่าได้จริงๆ ว่าซื้อมาจากสาวงามคนหนึ่งจากลานวัฒธรรมเท่านั้น
ท่าทีอ้ำอึ้งของหลานกลายเป็นว่าผู้เป็นย่าเข้าใจ หลิงหลิงไม่อยากบอกกล่าวเพราะมีคนอยู่มาก อาจจะไปก่อกวนท่านอาจารย์ผู้วาดภาพได้ เช่นนั้น…ไว้ค่อยสอบถามอีกที
“คุณท่านค่ะ ภาพวาดนั้นขอพวกเราดูบ้างสิค่ะ”
หลายคนในนี้ ล้วนเป็นผู้ชื่นชอบงานศิลปะ พอได้เห็นภาพวาดนั้น แต่ละคนก็ล้วนตกตะลึง เป็นภาพวาดที่ทรงคุณค่ามาก ผู้วาดได้สลักชื่อลงบนขอบล่างภาพมุมขวา
“ไป๋หรง”
ทุกคนต่างทำหน้าฉงนสลับมองหน้าตากันไปมา หวังจะมีใครสักคนที่รู้จัก
ทว่าสายทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ใครกัน? ทำไมไม่คุ้นหน้าหรือคุ้นชื่อ
อี้เฟยหยาง พี่ชายของอี้เฟยหลิงผู้เป็นประธานบริษัทยักษ์ของตระกูลอี้ หล่อเหล่าแต่ดูร้ายๆ เป็นขวัญใจสาวๆ แม้ไม่ได้เป็นดาราก็มีข่าวของเขาออกหน้าสื่อบันเทิงอยู่เป็นประจำ ดาราสาวคนไหนมีข่าวซุบซิบร่วมกับอี้เฟยหยางล้วนโด่งดังชั่วข้ามคืน เขาแอบจ้องมองของขวัญที่น้องสาวตัวดีจัดหามาแล้วยังข้ามหน้าข้ามตาพี่ชายอีก
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่น้องสาวมีภาพวาดของอาจารย์ท่านนี้ เมื่อวานนี้เขาเองได้เห็นภาพของอาจารย์ลึกลับผู้นี้เมื่อไปห้องประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อย โชคดีที่ได้สอบถามได้ความว่า ขโมยมาจากห้องของบุตรสาว ที่ต้องขโมยมาเพราะคิดว่าบุตรสาวจะไม่ยอมให้ ตอนนั้นติดงานพัวพันทำให้เรื่องนี้ไม่ได้ความใดต่อ ไม่คาดคิดว่าจะมาเจออีกในวันนี้
ณ ร้านคาเฟ่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“น้องคะ พี่ขอพบผู้จัดการร้านไม่ทราบว่าจะได้ไหม”
พนักงานชำเลืองมองลูกค้าที่เอ่ยขอผู้จัดการร้าน เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนการแต่งกายและบุคลิกไม่ธรรมดา ใบหน้าดูและน้ำเสียงที่เอ่ยล้วนดูจริงจัง ทำให้พนักงานรู้สึกร้อน ๆ หนาวๆ เกรงว่าตนเองจะบริการผิดพลาดจึงรีบพูดถึง
“หากทางร้านบริการผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยนะคะ ดิฉันจะรีบไปตามผู้จัดการโปรดรอสักครู่ค่ะ”
เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของพนักงาน หญิงสาวผู้นั้นก็พลันได้สติ ใบหน้าจึงผ่อนคลายยิ้มละมุน
“ไม่ต้องรีบค่ะ พี่มีเรื่องอยากจะสอบถามเกี่ยวกับภาพวาด ภาพนั้นสักเล็กน้อย ไม่มีเรื่องแบบที่หนูกังวลหรอก”
“ค่ะลูกค้า โปรดรอสักครู่นะคะ”
บ้านครอบครัวฉี
“อะไรนะคะพ่อ พ่อขายภาพวาดของหนูได้เงิน 500,000 หยวนหรอ”
บุตรสาวเอ่ยถามบิดาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“จริงสิ … นี่ส่วนแบ่งของแก” ผู้เป็นบิดาวางเงิน 100,000 ให้บุตรสาวด้วยท่าทางเป็นคนใจกว้าง
“อะไรกันพ่อ อย่างน้อยก็ต้องคนละ 250,000 สิ”
“ถ้าแกอยากได้อีก แกไปซื้อภาพวาดมาอีก นี่ฉันให้แกเลย 300,000 หยวน”
“พ่อ…..ฉันไม่ได้โกหก ฉันซื้อมาจากลานวัฒนธรรมด้วยราคา 3,000 หยวนจริงๆ” บุตรสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนใจเพราะบิดาไม่ยอมเชื่อเธอสักที คิดว่าเธอมีเพื่อนที่สามารถซื้อภาพวาดเป็นการส่วนตัวได้ หลายวันมานี้เธอเองก็ไปที่ลานวัฒนธรรมทุกวัน ทั้งนั่งรอและเดินไปทั่วบริเวณก็ไม่เจอพี่สาวแสนสวยคนที่มาขายภาพวาดคนนั้นได้ เด็กสาวเหม่อลอยไปชั่วขณะ หรือพี่สาวคนนั้นจะเป็นเทพธิดานะ มาให้โชคและเงินทองเพราะหากเดาไม่ผิด จากสีหน้าของบิดาไม่เพียงแค่ได้เงินจากการขายภาพพ่อน่าจะได้รับการชื่นชมจากคนซื้อด้วย
ภายในไม่กี่วัน ภาพวาดของไป๋หรงก็เปลี่ยนมือไปหลายทอด ราคาขายต่อก็กลายเป็นหลักล้านเรียบร้อย ทว่าเจ้าของภาพกลับไม่มีเวลาวาดภาพช่วงนี้ หลังละครออนแอร์ผู้คนต่างพูดถึงเธอทำให้เกิดเป็นกระแสนางร้ายเกิดใหม่อย่างไป๋หรง ผู้จัดละครจึงติดต่อให้เธอออกงานร่วมโปรโมทกับดาราดังคนอื่นๆ ตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไป๋หรงกลับไม่รู้เลยว่าตอนนี้
มีผู้คนจำนวนหนึ่งมาดักรอเธอที่ลานวัฒนธรรม หนึ่งในนั้นมีคนของอี้เฟยหยางด้วย