ติ้ง
เสียงข้อความแจ้งว่ามียอดเงินเข้า หลังจากถ่ายทำเสร็จยอดเงินที่หักไว้ 20% ก็คงโอนเข้าบัญชี เมื่อไป๋หรงถอนหายใจโล่งอกเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีมีน้อยเกินทน เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู
“50,000 หยวน” ก็ทำให้เธอหายใจคล่องขึ้น
เงินจำนวนนี้สามารถทำให้เธออยู่ได้อีกประมาณ 2-3 เดือน ใช้ประหยัดหน่อยก็พอ แต่อย่างไรปกติเธอจะมีงานแสดงเข้ามาเรื่อยๆ เพราะแบบนี้เธอจึงไม่คิดจะเรียนและหางานที่มั่นคงทำ เรื่องนั้นคือเมื่อก่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว
ไป๋หรงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอจะต้องไปสมัครเรียน ม.ปลาย นี้ก็ช้ามาแล้ว 3-4 ปี เธอจะช้ากว่านี้ไม่ได้ คิดแล้วก็ตลกตนเองเหตุใดเมื่อก่อนถึงได้โง่เง่าขนาดนี้ ถึงแม้ไม่ได้ระลึกชาติเธอก็ควรรู้สิว่าตัวเองต้องเรียนหนังสือ
เธอไม่มีคนส่งเสียเลี้ยงดูจำเป็นต้องการหารายได้ด้วย จึงตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนการศึกษาภาคพิเศษ เรียนวันเสาร์ - อาทิตย์ อย่างน้อยก็ยังมีเวลาทำงานร่วมได้ เมื่อสมัครเรียนเรียบร้อยก็ไปหาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษต่อ แม้ไป๋หรงเป็นดาราที่ไม่โด่งดังแต่ด้วยผิวพรรณหน้าตาเธอค่อนข้างโดดเด่นและย่อมเป็นสนใจของนักเรียนในนั้นหลายคนต่างส่งสายตาจ้องมองมา และซุบซิบสอบถามกัน
“สวยมากเลยนะ ไม่ใช่ดาราจริงหรอ”
“ถ้าเป็นดาราทำไมเราไม่รู้จักล่ะ”
เจ้าหน้าที่รับสมัครจดจำ ไป๋หรงได้ทันที แต่ไม่ได้แสดงอาการดีที่ได้เจอดารก็แค่ดารานางร้ายคนหนึ่ง แต่มารยาทการต้อนรับการแสดงออกยังคงไม่ขาดตกบกพร่องเพราะเธอเป็นลูกค้าต้องดูแลให้ดีที่สุด ไป๋หรงยิ้มอย่างพอใจ หลังจากสมัครเรียนทุกอย่างเรียบร้อยเธอ เธอพักกินข้าวกลางวันง่ายๆ ขัดกับเมื่อก่อนเธอจะเข้าร้านหรูแต่ เงินทองที่หามาได้จึงไม่ค่อยมีเก็บ
B2H ร้านเครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอี้จง
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน อุปกรณ์เครื่องเขียนก็ยังมีราคาสูงอยู่ ไป๋หรงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายหลังจากที่จ่ายค่าเรียนไปแล้วตอนนี้ก็มีเงินเหลือเพียง 35,000 หยวนเท่านั้น ถ้าใช้ซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดจะเหลือเงินเพียงหมื่นกว่าหยวน ค่าอยู่ค่ากินไม่เท่าไรยังพอประหยัดได้ เพียงแต่ยังมีค่าผ่อนคอนโดเธออีก 5 พันกว่าหยวน อีก 1 เดือนถ้าไม่สามารถหารายได้เพิ่มต้องแย่แน่นอน เธอคำนวณผิดพลาดเพราะไม่รู้ราคาของอุปกรณ์วาดภาพเสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะยังไม่สมัครเรียนภาษาก่อน หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพักก็หาทางออกได้ เธอยังมีสมบัติอยู่บ้าง จึงตัดสินใจก็ซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดเลย
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ อุปกรณ์ทั้งหมดร้านจะจัดส่งให้เธอพรุ่งนี้ ตอนนี้พึ่งจะ 15.00 น. ยังไม่ทันมืดค่ำแวะหญิงสาวจึงตั้งใจไปหอศิลป์ เธออยากเห็นแกลเลอรีสมัยนี้เป็นแนวทาง สร้างสรรค์ผลงานเธอบ้าง
ไป๋หรงเดินชมงานศิลปะจากเหล่าศิลปินอย่างเพลิดเพลิน สมกลับเป็นหอศิลป์ร่วมสมัย ภาพวาดมีหลากหลายรูปแบบ บางจุดนิทรรศการเหมือนเธอได้หลุดเข้าไปสู่โลกเมื่อครั้งเป็นฮองเฮา หญิงสาวเดินจนเวลาล่วงเลยถึงเวลาปิดของหอศิลป์ ปานนั้นไป๋หรงก็รู้สึกว่าเธอยังเสพผลงานศิลปะยังไม่เต็มอิ่่ม หญิงสาวเดินออกมาอย่างเสียดาย
เธอขึ้นรถไฟกลับคอนโดและซื้ออาหารกลับไปทานอย่างเรียบง่าย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เปิดตู้นำกระเป๋าแบรนด์ต่างๆ ออกมาไล่เรียงดูว่าใบไหนสามารถขายได้บ้าง
“Souis Voitton” กระเป๋าสะพายข้างใบๆ เล็กๆ แต่ราคาที่เธอซื้อมาแสนกว่าหยวน ใบนี้เธอรักมากแต่น่าจะไม่เหมาะสมกับฐานะของเธอตอนนี้ ขายใบนี้ล่ะกัน คงจะได้เงินมาต่อทุนไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นหยวน
ตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไรนักลองโทรหาพี่เฟยเฟย ดูก่อน
“ฮืม”
เสียนขานรับโทรศัพท์จากเฟยเฟย แบบขอไปทีไม่ทำให้ไป๋หรงรู้สึกไม่พอใจ แต่กลับถอนใจโล่งอกเพราะอย่างน้อยก็รับโทรศัพท์จากเธอ เพราะก่อนหน้านี้เธอชอบโทรไปวีนและโวยวายตอนดึกหลายครั้งทำให้พี่เขาค่อนข้างเอือมระอา
คงเป็นเพราะยังพอมีผลประโยชน์ร่วมทั้งเธอและพี่เฟยเฟย
จึงได้อดทนกันและกันมา
“สวัสดีค่ะพี่เฟยเฟย ขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ ฉันมีเรื่องจะรบกวนพี่ช่วยขายกระเป๋า Souis Voitton ให้อ่ะค่ะ”
ไป๋หรงรีบบอกในสิ่งที่ต้องการทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะหงุดหงิดวางสายไปก่อน เฟยเฟยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโมโหอดที่จะสั่งสอนไมได้
“ไป๋หรง วันนี้เธอพึ่งได้รับเงินค่าตัวไปนะ เธอก็ประหยัดๆ หน่อย เฮ้อ!! ช่างเถอะ ๆ แล้วรุ่นไหนล่ะถ่ายรูปส่งมาให้ละกันและอุปกรณ์ใบเสร็จยังมีครบนะ”
เรื่องซื้อขายของมือสองแบรนด์เนมในวงการมีมานานแล้วปกติจะแบ่งให้นายหน้า 10% ดังนั้นไป๋หรงจึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกกดราคา เฟยเฟยค่อนข้างเขี้ยวพอสมควร
“ครบค่ะพี่ เดี๋ยวไป๋หรงถ่ายส่งให้ใน WeChat นะคะ” เฟยเฟยรับคำแล้วก็กดวางสายทันที
หลังจากส่งข้อมูลครบแล้ว ก็รู้สึกสบายใจ ถ้าขายกระเป๋าได้เงินมาสักจำนวนหนึ่ง ไปเที่ยวผ่อนคลาย หาวิวสวยๆ สักที่ วาดรูปวิวบรรยากาศดีๆ จิตใจคงจะดีขึ้นไม่น้อย