ในขณะที่กำลังรอมื้ออาหารกลางวัน ฉีป๋ายฉินก็เอ่ยถามไป๋หรงขึ้น “ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ไป๋หรง เชี่ยวชาญศาสตร์อื่นนอกจากวาดภาพ อาทิ แต่งโคลงกลอน เขียนอักษรหรือเล่นดนตรีได้ไหมคะ” หากมองใจเป็นกลาง ก็เป็นเพียงคำถามทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอ่ยถามถึงความสามารถผู้อื่นต่อหน้าผู้คน ไป๋หรงเองไม่ใช่คนยอมหรือดื้อรั้นเอาชนะคนด้วยคำพูดเชิญชวนเช่นนี้แต่วันนี้เธอพร้อมที่จะโอ้อวดและผงาดขึ้นมาเป็นหงส์ดังเดิม ชาตินี้เธออ่อนน้อมแต่ไม่ถ่อมตน “ฉันขออนุญาตแสดงฝีมือบรรเลงพิณ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าค่ะ” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยเพราะอยากฟังเสียงบรรเลงพิณจากอาจารย์ไป๋หรง ไป๋หรงเดินขึ้นไปนั่งหลังพิณโบราณไม้เงางาม ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ไป๋หรงท่ามกลางความเงียบ เสียงเพลงพิณโบราณก็ค่อยๆ ก้องกังวาลขึ้น ช่างไพเราะเสนาะหูดั่งต้องมนต์สะกดแม้ไม่รู้ชื่อเพลงแต่น้ำเสียงบรรเลงพิณก็สื่ออารมณ์ออกมาถึงควา