เด็กในคำทำนาย

1882 คำ
วาจานั้นของบ่าวรับใช้ส่งผลให้ใบหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่แล้วด้วยความโกรธของฮูหยินผู้เฒ่า ยิ่งทวีความโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก เพราะนางเด็กนั่นคนเดียว เกิดมาไม่มีประโยชน์ยังไม่พอยังเป็นต้นเหตุให้นางสูญเสียสามีไปอีก สมควรตายยิ่งนัก! ฉับพลันที่ได้ยินเสียงร้องของทารกอีกครั้งหลี่หลิงฟางมีสีหน้าถมึงทึง นางเดินดุ่มไปทางห้องคลอดหมายจะสังหารเด็กคนนั้นให้ตายคามือ ให้สาสมกับความโกรธแค้น สามีของนางเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้ากรมอาญาเมื่อไม่นานมานี้ บุตรชายก็กำลังจะได้เป็นรองผู้บัญชาการราชองครักษ์หลวง ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นลูกอนุแต่นางเป็นคนฟูมฟักเลี้ยงดูมาเองกับมือ ชื่อของเขาในทำเนียบตระกูลก็ถือว่ามีตนเป็นมารดา นางจึงมีความผูกพันกับบุตรผู้นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพียงเพราะทั้งคู่อยากเห็นหน้าหลานที่ไร้ประโยชน์นี่ พวกเขาจึงต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถแม้แต่คำลาสักคำก็ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา กาลกิณีโดยแท้ นางเด็กนั่นเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลหม่าโดยแท้ คำทำนายที่หวั่นกลัวมาตลอดในที่สุดก็เป็นจริง ตระกูลหม่าถึงคราวจบสิ้นแล้ว ประกายตาของหลี่หลิงฟางฉายแววอำมหิต นางคิดเพียงว่าหากสังหารเด็กคนนั้นทิ้งก็จะไม่มีเรื่องร้ายใดๆ ตามมาอีก เหมือนในอดีตที่ผู้นำตระกูลหม่าคนอื่นๆ เคยทำ เรื่องนี้ถือเป็นอีกความลับของตระกูลหม่า หากสตรีในตระกูลมีแนวโน้มจะคลอดบุตรสาวทุกคนล้วนถูกกำจัดทิ้ง แม้คำทำนายนั้นจะหมายถึงบุตรคนแรกเป็นหญิงก็ตาม ทว่าต่อให้บุตรคนที่สองสามสี่เป็นหญิงก็ถูกกำจัดทิ้งอยู่ดี นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้คนต่างคิดว่าบุรุษสกุลหม่ามีบุตรยาก หลี่หลิงฟางไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่บุตรชายทั้งสอง ให้พวกเขาเข้าใจว่าบุรุษตระกูลหม่าต่างมีบุตรยาก นางแอบกำจัดสตรีเหล่านั้นของสามีอย่างลับๆ เรื่องนี้นางได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดีจากท่านแม่สามี ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะจากโลกนี้ไปยังกำชับให้นางกำจัดทุกอย่างที่จะเป็นภัยต่อตระกูลให้สิ้นซาก เพื่อให้ตระกูลมั่นคงไปอีกร้อยปี สำหรับจางจิ่วเม่ยนั้นเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยอย่างมหันต์ของตน นางให้หมอมาตรวจชีพจรทั้งยังให้ซินแสชื่อดังตรวจดูดวงชะตา นางเองก็คอยสังเกตลักษณะครรภ์จนมั่นใจแล้วว่าอย่างไรก็ได้หลานชายจึงได้ปล่อยไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ สิ่งที่บรรพบุรุษเคยหวาดหวั่นและกำชับสั่งสอนมาจากรุ่นสู่รุ่นได้เกิดขึ้นแล้ว เกิดเพราะความสะเพร่าของนางจึงส่งผลให้เกิดเหตุร้ายเช่นนี้ หม่าจิ้งซิ่นผวาเข้าไปจับมารดาไว้ เมื่อเห็นนางทำท่าจะบุกเข้าไปในห้องคลอดจริงๆ ข่าวร้ายที่เพิ่งได้รับเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน แค่พลาดหวังจากการได้บุตรชายก็มากพอแล้ว แต่นี่บิดาและน้องชายต้องมาสิ้นลมกะทันหันเพียงเพราะต้องการกลับมาดูหน้าหลาน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็มีโทสะขึ้นมาทว่าเรื่องพิธีศพของคนทั้งคู่ย่อมสำคัญกว่าการไปจัดการกับทารกแรกเกิด เขาเก็บความสงสัยเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในใจ การตายของคนทั้งคู่เกิดจากคำทำนายหรือว่าเป็นอุบัติเหตุกันแน่ “ซิ่นเอ๋อร์ปล่อยแม่ แม่จะไปจัดการกับตัวกาลกิณีนั่น เพราะมัน...เป็นเพราะมันคนเดียวท่านพี่กับซ่งเอ๋อร์ถึงต้องตายแบบนี้” หลี่หลิงฟางพยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมของบุตรชาย “ใจเย็นก่อนขอรับ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถิด ท่านจะปล่อยท่านพ่อกับอาซ่งไว้เช่นนี้หรือ เราต้องจัดพิธีศพให้พวกเขาก่อน” หม่าจิ้งซิ่นพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น ถูกว่าเขาต้องการมีบุตรชายก่อนน้องชายเพื่อตนจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อจากบิดา แต่ก็ไม่เคยปรารถนาให้ผู้เป็นน้องต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ สำหรับเรื่องที่ว่าบุตรสาวของเขาเป็นตัวกาลกิณีอย่างที่มารดากล่าวมาหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องเก็บไว้พิจารณากันอีกที ตัวเขาเองไม่ค่อยเชื่อเรื่องคำทำนายนั่นสักเท่าใดเหมือนกัน ฮูหยินผู้เฒ่าสูดหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับโทสะ สายตาที่มองไปยังประตูห้องคลอดมีเพียงความเกลียดชัง หากเด็กนั่นไม่เกิดมาในวันที่ลมฝนกระหน่ำเช่นนี้ สามีของนางคงไม่ต้องฝ่าฝนกลับจวน ทั้งหมดเป็นความผิดของจางจิ่วเม่ยและลูกของนาง หลี่หลิงฟางโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของทารกน้อย ที่บัดนี้กำลังหลับหูหลับตาร้องลั่นแข่งกับเสียงฝนอยู่ ความเสียใจของนางบดบังทุกอย่างจนมิอาจมองเห็นสิ่งใดได้อีก ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุและปรากฏการธรรมชาติ นางได้กล่าวโทษเด็กน้อยไร้เดียงสาไปเสียแล้ว ด้านนอกห้องคลอดวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมพิธีศพให้นายท่านผู้เฒ่าและคุณชายรอง ทว่าภายในห้องคลอดนั้นบรรยากาศกลับเย็นเยียบ จางจิ่วเม่ยมองทารกน้อยที่หลับหูหลับตาแผดเสียงลั่นเรือนด้วยความเฉยเมย นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ เหตุใดจึงมิใช่บุตรชาย หากนางไม่สามารถคลอดหลานชายให้แม่สามีได้ คนผู้นั้นก็จะหาอนุมาให้สามีของนาง นั่นเป็นสิ่งที่นางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาเกือบสี่ปีที่พยายามมีบุตรจนสุดท้ายก็สำเร็จ นางวาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนต้องคลอดทารกชายสุขภาพแข็งแรงให้สกุลหม่า แต่ไฉนจึงเป็นบุตรีที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้กันเล่า ต่อไปสถานะของนางในจวนนี้จะยังมั่นคงได้อีกหรือ ตระกูลจางของนางก็สิ้นอำนาจและไม่มีผู้ใดเหลือแล้ว ไม่มีใครคอยสนับสนุนนางอีกแล้ว หนทางเดียวที่ทำให้นางมีอำนาจในจวนนี้ได้คือต้องมีบุตรชายมาส่งเสริมบารมีของตนเท่านั้น ทว่าสวรรค์กลับไม่เมตตานางสักนิด “ฮูหยินเจ้าคะ ให้คุณหนูดื่มนมสักหน่อยเถิด ดูท่านางคงจะหิวมากถึงได้ร้องดังเช่นนี้” หมอตำแยยื่นเด็กน้อยในห่อผ้าไปให้ผู้เป็นมารดาของนาง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการ ทำเพียงปรายตามองอย่างเฉยชาแล้วนอนหันหลังให้ ทารกน้อยก็ร้องไห้จนหน้าเขียวหน้าแดง “ทำให้มันหุบปาก ข้าต้องการพักผ่อน” นางตวาดกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด “ส่งมาให้ข้าเถิด ขอบคุณท่านหมอมากที่ช่วยให้คุณหนูคลอดออกมาอย่างปลอดภัย” ถางรั่วเหวยกล่าวพร้อมกับยื่นเงินไปให้ นางอุ้มทารกน้อยมาไว้ในอ้อมอกแล้วป้อนนมของตัวเองให้แก่เด็กน้อย ทันทีที่คุณหนูดื่นนมจากอกนาง ประกายความอบอุ่นสายหนึ่งก็วิ่งผ่านหัวใจไป นางรู้สึกรักเด็กน้อยขึ้นมาทันใดราวกับว่าได้บุตรสาวที่จากไปแล้วกลับคืนมา เดิมทีนางมาทำงานที่จวนหลังนี้เพราะฮูหยินน้อยของจวนใกล้คลอดจึงต้องการแม่นมและหญิงรับใช้เพิ่ม จึงได้มีการคัดเลือกคนเข้ามา นางที่เพิ่งสูญเสียบุตรสาววัยสองเดือนไปมาเข้ารับการคัดเลือกด้วย คิดว่าหากได้เลี้ยงเด็กทารกสักคนคงคลายความคิดถึงบุตรีที่ป่วยตายไปได้บ้าง สำหรับสามีของนางนั้นไม่อาจรู้ได้ว่าอยู่ส่วนใดในใต้หล้านี้ เขาบอกว่าจะไปรับจ้างที่ต่างเมืองทว่าจวบจนนางคลอดบุตรเขาก็ยังไม่กลับมา มีเพียงถ้อยคำที่ฝากคนในหมู่บ้านให้นำมาบอกกล่าวแก่นาง ถ้อยคำนั้นมีเพียงคำสั้นๆ ที่บอกว่าไม่ต้องรอ อันใดคือไม่ต้องรอ เขาทิ้งนางไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อสามีก็ไม่กลับมา บุตรีก็เพิ่งจากไป หนี้สินก็ต้องจ่าย นางจึงขายตัวเองให้แก่สกุลหม่าและคอยเป็นบ่าวรับใช้ของฮูหยินน้อย นางรู้ว่าตัวเองฐานะต่ำต้อยคงมิอาจเป็นแม่นมของคุณหนูได้ แต่ไม่เป็นไร แค่ได้ดูแลเด็กสักคนห่างๆ ก็พอแล้ว ทารกน้อยเมื่อได้ดื่มนมก็หยุดร้องไห้ทันที จางจิ่วเม่ยหันกลับมาดูด้วยความแปลกใจเมื่อเสียงน่ารำคาญเงียบลงไป “นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใด ป้อนนมเช่นนั้นรึ” ถางรั่วเหวยคุกเข่าลงโดยพลัน เอ่ยขออภัยอย่างลนลาน “ฮูหยินโปรดเมตตา บ่าวมิได้อาจหาญอยากเป็นแม่นมของคุณหนู แต่บ่าวเห็นคุณหนูร้องไห้เพราะหิวจึงถือวิสาสะให้คุณหนูดื่มนมตัวเองเจ้าค่ะ” “ต่อไปเจ้าก็รับหน้าที่ดูแลเด็กนี่ก็แล้วกัน หากไม่จำเป็นอย่าได้พามันมาให้ข้าเห็นหน้าอีก” จางจิ่วเม่ยมองบุตรีของตนอย่างเกลียดชัง ต้องเป็นเพราะนางคลอดบุตรสาวเป็นแน่หม่าจิ้งซิ่นจึงไม่เข้ามาหานางเสียที ถางรั่วเหวยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นมารดากล่าวออกมาเช่นนั้นหรือ เด็กน้อยไร้เดียงสาหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้แต่กลับถูกผู้เป็นมารดาเรียกขานราวกับสิ่งของ ซ้ำยังมีท่าทีรังเกียจอีกต่างหาก “ข้างนอกเอะอะอะไรกัน ข้าเพิ่งคลอดลูกต้องการพักผ่อนไปบอกให้เงียบๆ สิ” ฉับพลันที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นนายสาวใช้คนสนิทของฮูหยินน้อยก็ออกไปด้านนอก เพียงครู่ก็กลับเข้ามารายงานด้วยสีหน้าแตกตื่น เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจางจิ่วเม่ยมองทารกน้อยด้วยสายตาเกลียดชังมากกว่าเดิม “เอามันออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่อยากเห็นตัวซวยที่ทำให้ทุกคนขุ่นเคืองในตัวข้า ไสหัวไป!” เด็กน้อยเมื่อกินอิ่มก็หลับปุ๋ยไม่ได้รับรู้ถึงความขุ่นเคืองใจของมารดาเลยสักนิด ถางรั่วเหวยอุ้มคุณหนูออกมาจากห้องนั้นทันที นางมองทารกน้อยในอ้อมแขนด้วยความสงสาร ถูกทุกคนในจวนเกลียดชังเช่นนี้ต่อไปคุณหนูของนางจะใช้ชีวิตอยู่ในจวนได้อย่างไร แม้แต่ผู้เป็นมารดายังมองว่าบุตรเป็นเพียงเครื่องมือแสวงอำนาจของตน ทว่าคุณหนูกลับไร้ประโยชน์ต่อฮูหยิน หนำซ้ำยังถูกปรักปรำว่าเป็นตัวซวยทำให้นายท่านผู้เฒ่าและคุณชายรองตายอีก “บ่าวจะดูแลคุณหนูเองเจ้าค่ะ บ่าวจะปกป้องท่านเอง” ทารกน้อยทำเพียงขยับแขนเล็กน้อย พร้อมกับครางแผ่วเบาราวกับจะตอบรับคำของหญิงสาว นางหลับพริ้มด้วยใบหน้าไร้เดียงสา โดยไม่ได้รู้เลยว่ามีคนจ้องจะนำเรื่องการมีตัวตนของนางไปใช้หาประโยชน์ให้แก่ตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม