เธอจะลองงัดไม้ตายมารยาหญิงออกมาใช้หน่อยแล้วกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเธอกลายเป็นคนพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“รีบไปทานข้าวกันนะคะ อีกเดี๋ยวคุรครูวาดรูปของที่รักก็มาแล้ว ที่รักอยากทานข้าวกับพี่นะคะ” หญิงสาวบอกออกไปน้ำเสียงออดอ้อน ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็นเมื่อโดนหญิงสาวอ้อนใส่ เขายอมขึ้นจากน้ำแต่โดยดี หญิงสาวรีบขยับไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้เขา เขารับมันไปคลุมไหล่แกร่งของตัวเองเอาไว้
“ที่รักรอทานข้าวนะคะ” หญิงสาวบอกออกไปเสียงหวาน
“อืม” คนทำตัวไปถูกรีบผละห่างออกไปทันที ไม่คิดเลยว่าเขาเองก็เริ่มหวั่นไหวกับคนตัวน้อยบ้างแล้ว
หญิงสาวรอไม่นานคนตัวโตก็ลงมายังห้องอาหาร อบเชยและสาวใช้ตั้งโต๊ะไว้รออยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้าของเธอและเขามีแต่ของโปรดของเขาและเธอทั้งนั้น หญิงสาวรู้สึกเจริญอาหารมากๆ เธอสนุกกับการตักอาหารให้เขาจนพูนจาน
“พอก่อนที่รักพี่กินไม่ทันแล้ว”
“แหะๆ ที่รักเพลินไปหน่อยค่ะ”
“หนูที่รักจ้ะ คุณครูมาแล้วนะคะ”
“จริงหรอคะ แต่ว่าพี่ภวินท์ยังทานไม่เสร็จเลย”
“ลุกไปก่อนก็ได้ให้ผู้ใหญ่รอนานมันจะไม่ดี” ชายหนุ่มบอกออกไปด้วยความหวังดี
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรวบช้อนซ้อม แล้วก็ผละห่างไปหาคุณครูทันที เธอยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมจากนั้นก็เริ่มต้นบทเรียนกัน หญิงสาวตั้งใจเรียนเหมือนเช่นเคย คนตัวโตเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วเลยแอบมายืนดูคนตัวน้อย น้ำใสเมื่อเห็นคนตัวโตก็ตื่นเต้นดีใจจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ แต่ในเมื่อคนตัวโตทำท่าทำทางเหมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าของเธอรู้ว่าเขามายืนมอง เธอก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ แต่สายตาเป็นประกาย เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล ดีแล้วที่เขาไม่ค่อยเข้าสังคมเพราะเขาต้องกลายเป็นของเธอคนเดียว เธออยากเข้าไปแนะนำตัวให้คนตัวโตรู้จักซึ่งดูจากรูปการณ์แล้วต้องเข้าทางลูกศิษย์ของเธอนี่แหละ
“คุณครูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“อะ เอ่อเปล่าจ้ะ ที่รักทำต่อเถอะจ้ะ” เมื่อแอบดูจนพอใจคนตัวโตก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตน เวลาอยู่กับตัวเองเมื่อไรความเครียดเรื่องงานก็จะเข้ามาในหัวสมองของเขาทันที บริษัทเติบโตขึ้นทุกวันแน่นอนว่าผลประโยชน์และปัญหาก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดดูจะเป็นเรื่องคน เขาจึงตัดปัญหาด้วยการจ้างงานกับคนที่พร้อมทำงานจริงๆ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆหลังจากเซ็นเอกสารที่เจ้าตัวขนกลับมาบ้านด้วย เลี้ยงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง แค่เห็นว่าเป็นใครโทรมาคิ้วเขาก็ขมวดอัตโนมัติเหมือนเคย และได้รับรายงานว่าอรรถกรมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านของชายหนุ่ม เขามาสังเกตการณ์ว่าลูกเลี้ยงของตนมักจะออกจากบ้านของชายหนุ่มเวลาไหน เพื่อที่จะได้หาโอกาสเหมาะๆ ลักพาตัวหญิงสาวไปให้กับเจ้าหนี้ของตนซึ่งก็คือเมธาสิทธิ์เพราะเวลาที่อีกฝ่ายกำหนดใกล้เข้ามาทุกที
“ผมคิดว่ามันจะลงมือทำอะไรสักอย่างวันสองวันนี้นะครับคุณภวินท์”
“คนอย่างฉันมีแผนสำรองอยู่แล้ว มันอยากทำอะไรให้มันทำไป พวกเราก็แค่ซ้อนแผนมันแค่นั้น”
“ครับ ผมจะเตรียมทีมเก่งๆไว้ให้คุณภวินท์เลย”
“ขอบใจนายมากที่เป็นธุระให้”
“หน้าที่ผมอยู่แล้วครับ” หลังจากกดวางสายชายหนุ่มก็เดินลงไปหาคนที่ทำให้เขายิ้มได้ เวลานี้เธอกำลังพูดคุยเรื่องสนุกกับคุณครูของเธอแน่ๆเพราะสองสาวกำลังหัวเราะเสียงดัง
“อะ อุ้ย”
“พี่ภวินท์!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยความดีใจ
“ลูกศิษย์คนนี้เป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามคุณครูสาวก่อน
“น้องที่รักเรียนรู้ไวมากค่ะ คุณภวินท์จะไม่ผิดหวังแน่นอนที่จากน้ำใสมา อะ เอ่อน้ำใสนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปตรงหน้าหวังจะได้จับมือของเขาตามฉบับการทักทายของต่างประเทศ แต่เขากลับยกมือไหว้ตอบกลับ
“ยินดีเช่นกันครับ ผมฝากที่รักด้วยนะครับ เห็นเขาชอบผมก็พอใจแล้วครับ” ชายหนุ่มมองผลงานบนผืนผ้าใบแล้วก็รู้สึกพึงพอใจ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ รับรองว่าน้องสาวของคุณจะต้องวาดภาพเก่งแน่ๆ”
“น้องสาว?”
“ค่ะ น้องที่รักคือน้องสาวที่คุณภวินท์รักน้ำใสพอจะทราบจากความหวังดีที่คุณมอบให้เธอค่ะ”
“วันนี้ผมกับน้องสาวของผมคงต้องขอตัวก่อน ขอโทษที่เสียมารยาทไม่ได้ไปส่งนะครับ” จบประโยคของคนตรงหน้าชายหนุ่มก็คว้าข้อมือบางของพัทธ์ธีราแน่นตามอารมณ์ส่วนลึก
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ สวัสดีค่ะ แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะที่รัก”
“อะ เอ่อค่ะ”
ภวินท์ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่คว้าข้อมือหญิงสาวให้เดินตามเขาขึ้นมายังห้องนอน เมื่อประตูห้องปิดลงเขาก็หันมาสอบสวนคนที่เวลานี้หน้าเหลือเพียงแค่นิ้วเดียว
“อะไรคือน้องสาว”
“ก็คุณครูเขาถามว่าเราเป็นอะไรกัน ที่รักไม่รู้จะตอบยังไง ที่รักก็เลยบอกว่าเป็นน้องสาว” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา จะบอกว่าเป็นคนรักก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นเมียลับๆก็ยังไม่เคยตกเป็นของเขาเลย
“แล้วไม่รู้หรือไงว่าเขาตั้งใจอ่อยพี่”
“รู้สิคะ”
“รู้แล้วทำไมยังยอมให้เขาทำแบบนั้น” ชายหนุ่มถามกลับเสียงดัง วันนี้คงต้องพูดเรื่องต่างๆให้ชัดเจน