“ตอนนี้คุณอย่าพึ่งออกไปไหนมาไหนเลยนะ เก็บตัวอยู่แต่ที่นี่ไปก่อน รอให้ข่าวซาไปก่อน เข้าใจไหม”
รังสิมันต์บอกขึ้นพร้อมกับทำหน้าตาขึงขังเพื่อให้เธอไม่ขัดคำสั่งของเขาอีก ก่อนจะออกไปกองถ่ายเมื่อโอวี่โทรมาบอกเขาตั้งแต่เช้าตรู่เกี่ยวกับข่าวที่ไม่สามารถห้ามพวกนักข่าวไม่ให้เอาลงหนังสือพิมพ์ได้ นอกจากไม่ให้เอาหน้าผู้หญิงที่เป็นข่าวลงได้เพียงเท่านั้นเองที่โอวี่จัดการได้
“ก็ดีนะคะ ฉันจะได้จัดการให้คนเข้ามาเริ่มตกแต่งห้องสักที เพราะแบบเสร็จแล้ว คุณต้องการให้ฉันเปลี่ยนแปลงอะไรอีกก็บอกได้เลยนะคะ”
ลมหนาวบอกออกมาเมื่อแบบที่เธอทำนั้นรังสิมันต์ตรวจเรียบร้อยแล้วว่าผ่าน ต่อแต่นี้เธอคงต้องเริ่มลงมือตกแต่งห้องให้เขาเสียแล้ว เพราะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เธออยู่ที่นี่ เหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับเธอ
“เอกสารส่งมาถึงคุณค่ะ...”
นิชาเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางเอกสารที่มีคนฝากเอาไว้มาให้รามัญ ซึ่งชายหนุ่มก็พอรู้ดีรีบหยิบมาเปิดออกดูทันทีโดยมีนิชายืนมองด้วยความเหนื่อยใจเพราะก่อนหน้านี้ลิตาโทรมาเล่าให้ฟังว่ารามัญมีผู้หญิงอื่นในใจแล้ว และเธอก็อยากรู้ว่าเป็นใครกัน ทั้งๆที่เธอทำงานกับเขามาก็นานแต่กลับไม่เคยรู้ว่าเขามีผู้หญิงในใจนอกจากพวกดาราสาวสวยที่คอยปรนเปรอเขาอยู่ทุกวี่วัน
‘ซัน...เหรอ? สองคนนี้มีเรื่องอะไรกันแน่’
นิชาที่แอบเห็นรูปของรังสิมันต์ตอนที่รามัญเอาเอกสารออกมาจากซองเลยอดคิดไม่ได้ว่าสองหนุ่มนี้มีปัญหาอะไรกัน เพราะข่าวทุกฉบับลงหน้าหนึ่งถึงการทะเลาะวิวาทของทั้งสอง
“ออกไปได้แล้ว แล้วห้ามคนรบกวนผมเด็ดขาด”
รามัญเงยหน้าขึ้นมาบอก ก่อนนิชาจะเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทของตนเองทันที
“ฉันถามอะไรแกหน่อย ซันกับคุณรามัญมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหน้านี้รึเปล่า?”
‘ไม่นี่ เท่าที่รู้สองคนนี้แทบไม่เคยคุยกันเลยนะ เวลาเขามาหาฉันที่กองก็ไม่เคยทักทายกัน มีอะไรรึเปล่า’
เสียงลิตาเอ่ยขึ้น เมื่อตอนนี้คนทั้งประเทศก็คงมีคำถามเดียวกันกับพวกเธอ เมื่อคนที่แทบไม่เคยคุยกันดันมามีข่าวทะเลาะกันใหญ่โตโดยพากันพูดไปในทางเดียวกันว่าแย่งผู้หญิงกัน แต่ไม่มีคนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
ทางด้านรามัญ เขาอ่านข้อมูลที่ให้คนไปสืบมา ก่อนจะยกยิ้มอย่างเป็นต่อ เมื่อรังสิมันต์นั้นเป็นเพียงลูกชายที่โดนตัดขาดจากครอบครัวเพราะความดื้อรันของดาราหนุ่มเอง
“หึหึหึ ทีนี้ฉันก็จัดการแกได้อย่างง่ายดายแล้วสินะเมื่อไม่มีครอบครัวแกคุ้มกะลาหัวอยู่”
รามัญเก็บเอกสารเข้าไว้ในซองเมื่ออ่านจนละเอียดแล้ว เขานี่แหละจะทำให้รังสิมันต์หมดทางทำมาหากิน จนตรอกจนกระทั่งต้องคลานเข่าเข้ามาขอโทษเขาให้ได้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งสะใจ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นโทรออกทันที เมื่อเขาจะมานั่งใจเย็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“อะไรนะคะ!! ยกเลิกโฆษณา...ทำไม...ฉันฟ้องบริษัทคุณได้นะถ้าทำแบบนี้”
เสียงโอวี่ดังขึ้นเมื่อบริษัทที่จ้างให้รังสิมันต์เป็นพรีเซนเตอร์โทรมาขอยกเลิกสัญญา ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่บริษัทแรก แต่เป็นบริษัทที่ห้าแล้วที่ทำแบบนี้โดยไม่สนใจค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเมื่อทำผิดสัญญากันเลยสักนิด
“.........................”
รังสิมันต์ที่นั่งฟังและรับรู้ทุกอย่างได้แต่เงียบ เมื่อเขารู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่แต่ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเล่นงานเขาได้รวดเร็วทันใจในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนแบบนี้
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะน้องซัน พวกนั้นโทรมาขอยกเลิกไม่หยุดแบบนี้ มีหวังได้ว่างงานกันแน่คราวนี้”
โอวี่ที่พึ่งวางสายถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เมื่อคนที่ดาราหนุ่มไปมีปัญหาด้วยนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงอย่างมาก เห็นได้จากตอนนี้ขนาดว่ารังสิมันต์เป็นดาราที่โด่งดังที่สุดในประเทศอยู่ขณะนี้ยังโดนยกเลิกสัญญากลางอากาศ
“ปล่อยให้มันทำไป”
ชายหนุ่มบอกขึ้นก่อนจะลุกเดินออกจากห้องแต่งตัวไปเมื่อตอนนี้ในใจของเขากำลังเดือดดาลด้วยอีกฝ่ายนั้นเล่นไม่ซื่อแบบนี้
“ค่ะ...โอวี่พูด”
‘เกิดอะไรขึ้นบอกฉันมา’
เสียงคนปลายสายเอ่ยถามขึ้นก่อนที่โอวี่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เมื่อตอนนี้คงมีแค่คนนี้คนเดียวที่จะสามารถช่วยรังสิมันต์ได้
“คุณพ่อช่วยซันด้วยนะคะ ถ้าขืนเป็นอย่างนี้...ซันได้จบชีวิตในวงการนี้แน่ค่ะ”
โอวี่บอกขึ้น เพราะลองได้มีปัญหากับรามัญแล้วรับรองโดนกัดไม่ปล่อยแน่ๆ
‘หึ ก็ดีสิ มันจะได้ซมซานกลับมาหาฉัน เป็นไงล่ะ เหมือนอย่างที่พูดไม่มีผิด’
พูดจบคนปลายสายก็วางสายไปทันทีปล่อยให้โอวี่ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อคงหาทางช่วยรังสิมันต์ไม่ได้แล้วถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้
หลังจากวันนั้นรังสิมันต์ที่ก่อนหน้านี้แทบไม่เคยเป็นข่าวเสียหายนั้นตอนนี้ทุกสำนักพิมพ์พากันเล่นข่าวเสียๆหายๆของชายหนุ่มจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก งานที่เคยแน่นขนัดแทบไม่มีเวลานอนตอนนี้กลับถูกยกเลิกไปจนเกือบหมด เหลือแค่ละครไม่กี่เรื่องที่ถ่ายติดพันอยู่ โอวี่ที่พยายามวิ่งเต้นขอความเห็นใจจากพวกบริษัททั้งหลายที่เคยร่วมงานกันกลับถูกปฏิเสธทั้งหมดเพราะได้คนของรามัญมาแทนด้วยค่าจ้างแสนถูกและการสนับสนุนจากรามัญอีกมากมายด้วยข้อเพียงข้อเดียวคือห้ามจ้างงานรังสิมันต์อย่างเด็ดขาด
“น้องซันคะ...พอดีว่า...”
โอวี่เอ่ยขึ้นเมื่อรังสิมันต์ที่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะออกไปถ่ายละครเดินเข้ามาหา ทำเอารังสิมันต์ที่รู้ได้ทันทีจากสีหน้าของผู้จัดการส่วนตัวหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนไป โดยมีสายตาสงสารจากโอวี่มองตามหลังไป
“พี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว...เห็นทีคงได้กลับบ้านแน่ๆน้องซัน”
โอวี่เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องพักของรังสิมันต์ไป ส่วนชายหนุ่มนั้น ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองออกนอกกระจกห้องไปไกลสุดลูกหูลูกตา เขาเคยคิดว่าเตรียมตัวเตรียมใจมามากพอแล้วสำหรับวงการนี้แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับคิดว่ามันยังเร็วไปที่เขาจะเดินออกมาจากมัน แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย งานเกือบทุกงานถูกยกเลิก เดินไปไหนก็มีพวกนักข่าวมายืนรอทำข่าวจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว และนี่ก็เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอลมหนาว เมื่อนักข่าวพวกนั้นตามเขาไปทุกที่แม้กระทั่งที่นี่ก็พากันมายืนรอด้านล่างเต็มไปหมด ถ้าเกิดเขาไปหาเธอพวกนักข่าวก็ต้องรู้และคอยติดตามเธอเหมือนที่ทำกับเขาตอนนี้แน่เมื่อทุกคนนั้นอยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขากับรามัญทะเลาะกันจนเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
ขณะที่ยืนคิดถึงลมหนาวอยู่นั้น เสียงออดหน้าห้องของเขาก็ดังขึ้น รังสิมันต์เดินออกไปดูอย่างแปลกใจเมื่อมีแค่โอวี่ที่รู้ว่านี่คือห้องของเขาและโอวี่ก็มีรหัสเข้า แล้วใครกันที่มาหาเขา คงไม่ใช่พวกนักข่าวหรอกนะ
“อื้อออ คิดถึงจังเลย”
พอเปิดประตูร่างบางก็วิ่งเข้ามากอดทันที ทำเอาชายหนุ่มต้องถอยหลังเมื่อเธอโถมมาใส่เขาทั้งร่างอย่างนี้ก่อนที่แขนใหญ่จะยกขึ้นโอบกอดอย่างคิดถึงไม่แพ้กัน
“มาได้ยังไง”
รังสิมันต์ถามขึ้น ก่อนจะสูดดมกลิ่นกายหอมหวานที่เขาแสนคิดถึงเข้าไปจนเต็มปอด
“ถามจากพี่โอวี่”
ลมหนาวบอกขึ้นก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าออกมามองคนที่เธอคิดถึงจนทนไม่ไหวแอบฝ่าดงนักข่าวเดินเข้ามาหาเขาที่นี่
“ทำไมดูซูบไปล่ะ...เพราะข่าวนั้นใช่ไหม”
“งานเยอะน่ะ เลยไม่ค่อยได้กินอะไร แล้วมีอะไรรึเปล่ามาหาผมถึงที่นี่ รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน”
รังสิมันต์โกหกออกมา เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาเครียดไปกับเขาด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ลมหนาวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาทั้งหมดแล้ว จากรามัญที่พยายามติดต่อมาหาเธอและเล่าทุกอย่างให้เธอฟังแถมยังขอให้เธอเลิกยุ่งกับชายหนุ่มอีกแล้วเขาถึงจะยอมปล่อยมือจากเรื่องของรังสิมันต์
ทั้งสองมองจ้องหน้ากันและกันอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าหากันเหมือนถูกมนต์สะกดเมื่อความคิดถึงบวกกับความโหยหา สองปากประกบกันในที่สุดก่อนจะตามาด้วยจูบอันเร่าร้อนเมื่อสองเรียวลิ้นกวัดแกว่งเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร รังสิมันต์ใช้แขนโอบกอดร่างบางแน่นขึ้นก่อนจะพาเดินเข้าไปนั่งลงที่โซฟารับแขกโดยที่ยังคงแลกจูบดูดดื่มให้แก่กันและกัน ลมหนาวนั่งคร่อมลงไปที่ตักของเขาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดลำคอหนาเพื่อความสะดวกในการจูบ จากนั้นไม่มีคำพูดใดใดออกมาอีกเมื่อตอนนี้ได้สลัดความกังวลทั้งหมดทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รังสิมันต์ร้อนรนถอดชุดที่หญิงสาวใส่อยู่ออกก่อนจะตามมาด้วยของตนเอง เขาดันร่างเล็กให้นอนราบบนโซฟาใหญ่ก่อนจะตามมาทาบทับ ปากหยักเริ่มสำรวจอย่างกับเป็นเจ้าของเรือนร่างสวยที่เขานั้นหลงใหลมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“อื้อ ใจเย็น อ๊ะ อ๊า ซัน อ๊า อื้ม อ๊า อื้อออ”
เสียงลมหนาวบอกขึ้นเมื่อเขาช่างเรียกร้องเอาแต่ใจ ด้วยปากร้อนแทบไม่หยุดพัก เขาเอาแต่จูบซับไปตามร่างกายเธอก่อนจะหยุดตรงที่ที่เขาชื่นชอบที่สุด และไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่ที่ร่องรักสาวแดงฉ่ำที่กำลังรอให้เขาเชยชิมด้วยการหลั่งรินน้ำหวานใสอาบไล้จนน่าลิ้มลอง
ชายหนุ่มเฝ้าชื่นชมกายสาวที่เขาไม่ได้เจอมาหลายวันอย่างไม่ยอมหยุดพัก ก่อนจะตามมาด้วยการสอดใส่แก่นกายรักแข็งขึงเข้าไป เมื่อส่งเธอไปเยือนสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็กระหน่ำรักเธอให้สมกับความคิดถึงที่มีแต่ไม่สามรถทำอะไรได้ เมื่อแค่เดินลงไปชั้นล่างเขาก็โดนพวกนักข่าวตามติดเหมือนเงาตามตัว ซึ่งก็ไม่ต่างกับลมหนาว เมื่อเธอได้แต่อ่านความเคลื่อนไหวของเขาจากข่าวในอินเตอร์เน็ต หลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามติดต่อ แต่ทั้งโอวี่และชายหนุ่มต่างปิดกั้นมันทั้งหมด ทำให้เธอได้แต่รออย่างกระวนกระวายจนสุด้ายเป็นโอวี่ที่โทรบอกให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเขาในวันนี้
ทั้งสองเฝ้ารักและมอบความคิดถึงให้กันครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อความทุกข์ถูกพับเก็บเอาไว้ชั่วคราว ลมหนาวอยากบอกเขาเหลือเกินว่าถึงแม้เขาจะไม่มีอะไร ชื่อเสียง เงินทอง เธอจะรับผิดชอบทุกอย่างเองถ้าหากเขาเลือกเธอ เลือกที่จะอยู่กับเธอ...ตลอดไป