คิมหันต์ขับรถออกมาเรื่อยๆ ด้วยความคิดที่สับสนเขาไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรดี แล้วจะหาเมียที่ไหนไปให้มารดาเขารู้จัก โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจว่าเขาขับรถออกไปทางไหน...
“โครม!”
“กรี๊ด!”
“เอี๊ยด!”
‘มันเกิดอะไรขึ้นวะ’ คิมหันต์จอดรถทันทีแล้วเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเหมือนว่าเขาขับรถชนอะไรเข้าสักอย่าง
“นายขับรถประสาอะไรฮะ”
“มองอะไรอยู่มิทราบ คุณจะไม่ช่วยฉันหน่อยหรือไง” เสียงเล็กๆ ตะโกนออกมาอย่างโมโห
“ผมขอโทษ” หลังจากคิมหันต์ตั้งสติได้เขาก็รีบวิ่งลงไปช่วยเหลือสาวน้อยที่ล้มอยู่ข้างทางจากการหลบรถของเขา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” คิมหันต์ถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว
“เจ็บสิถามมาได้ คุณขับรถเฉี่ยวฉันแล้วมาถามฉันว่าเป็นไงบ้าง กลิ่นเหล้าหึ่งเลย” ปานดาวพูดประชดชายหนุ่มแปลกหน้าออกมา
“คุณเมาขนาดนี้ขับรถได้ยังไงกัน”
“ช่างผมเถอะ! คุณจะมาเป็นห่วงผมทำไม?” คิมหันต์ถามออกไปพร้อมกับก้มหน้าลงมามองสาวน้อยที่เขาพยุงอย่างแปลกใจ
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณสักหน่อย แค่เป็นห่วงสวัสดิภาพของคนอื่นก็เท่านั้นเอง” ปานดาวพูดออกมากลัวว่าชายหนุ่มจะคิดมากไปกว่านี้
“แล้วอีกอย่างนะคุณเมาขนาดนี้ ทำไมไม่ให้ใครขับรถไปส่งบ้านหรือเปิดห้องนอนพักที่ไหนก่อนก็ได้”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ก็เจ็บสิ ถามได้”
“แล้วบ้านคุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมจะไปส่ง”
คิมหันต์ตัดบทถามสาวน้อยตรงหน้านี้ออกไปเพราะรู้สึกว่าเขาจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน สงสัยจะเป็นอย่างที่สาวน้อยคนนี้บอกเขาคงดื่มมากไปจริงๆ
“ฉันว่าอย่าดีกว่า ฉันว่าคุณน่าจะไม่ไหวด้วยซ้ำ ดูสิ ตาแดงก่ำเลย คุณนะไหวแน่เหรอ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว พักสักคงกลับบ้านได้”
ปานดาวพูดออกไปพร้อมกับสังเกตชายหนุ่มตรงหน้าถ้าไม่เมาเขาคงดูดีไม่น้อย
“ว้าย!”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ปานดาวถามออกไปอย่างตกใจ
“เฮ้ย! คุณได้ยินที่ฉันถามหรือเปล่า” หญิงสาวเขย่าร่างของชายหนุ่มเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาจากชายหนุ่มเลย
‘บ้าชิบ! แล้วจะทำยังดีละเนี่ย’
หญิงสาวคิดในใจอย่างปวดหัว เธอจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี เมาจนไม่รู้เรื่องแล้วดันมาพับคาตักอยู่แบบนี้สงสัยต้องพากลับบ้านเธอก่อน จากนั้นก็ตัดสินใจโทรหารุ่นพี่หนุ่ม
“ฮัลโหล พี่คิวยินได้ที่ปานพูดไหมคะ”
“ครับ มีอะไรหรือปาน แล้วทำไมโทรมาหาพี่ดึกดื่นป่านนี้” อดิสรถามรุ่นน้องเขาทันทีดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมปานดาวถึงโทรหาเขาหรือว่าเธอมีอันตรายอะไร ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วง
“มีปัญหานิดหน่อยนะคะ พี่คิวช่วยปานหน่อยได้ไหมค่ะ”
“ได้สิ แล้วจะให้พี่ช่วยอะไรล่ะ”
“ปานอยากให้พี่คิวมาเอารถกลับให้ปานหน่อยนะคะ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยแต่ปานไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่คิวเอารถไปไว้ที่บ้านพี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ปานจะเข้าไปเอานะคะ”
“ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง”
“ขอบคุณค่ะพี่คิว งั้นแค่นี้นะคะ” หญิงสาวบอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้วก็หันมาสนใจชายหนุ่มที่ตอนนี้เมาหลับไม่ได้สติอยู่ข้างๆ เธอ
“คุณๆตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”
“อย่ามายุ่ง คนจะนอน” คนหลับยังละเมอบ่นออกไปอย่างไม่มีสติสักเท่าไร
‘ซวยแล้วไง แล้วนี่ฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย เฮ้ย! ไม่ได้การแล้วพากลับบ้านก่อนดีกว่าไว้สร่างเมาแล้วค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้’
“คุณๆ อ้าว เดินดีๆ สิ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปบ้านฉันก่อน” กว่าหญิงสาวนำร่างสูงเข้าไปนั่งในรถได้ก็เกือบแย่ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเธอดูตัวนิดเดียวเองเมื่อเทียบกับชายหนุ่ม
/////////////////
ปานดาวขับรถชายหนุ่มมาจนถึงบ้าน กว่าหญิงสาวพาร่างสูงใหญ่เข้าไปยังบ้านหลังเล็กของเธอได้ก็แทบแย่ เฮ้อ...แล้วคืนนี้จะให้เขานอนที่ไหน
“โซฟานี่แหละ เหมาะกับนายที่สุดแล้ว นอนนิ่งๆ สิคุณเดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้ บอกให้อยู่เฉยๆ ไง ไม่ได้ยินหรือไง” คนเมายังคงไม่ได้สติ ยังคงไม่เลิกระรานหญิงสาว
“อรจ๋าๆ มาให้ผมกอดหน่อยสิครับ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมอยู่นิ่ง ตอนนี้ใช้แขนที่แข็งแรงของตัวเองกอดหญิงสาวอยู่ ผลที่ตามมาก็คือ
ผลั๊วะ! ผลั๊วะ.!
“ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไม่ชงไม่เช็ดมันแล้ว” ปานดาวก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องนอนไปโดยปล่อยให้ชายหนุ่มนอนหลับอยู่ตรงโซฟาหน้าห้องรับแขก
////////////
“ทำไมมันปวดหัวแบบนี้ แล้วนี่เราอยู่ที่ไหน เมื่อคืนรู้สึกว่าเราไปกินเหล้ากับไอ้วิชมานี่หว่า แล้วนี่มันที่ไหนวะ” ชายหนุ่มยังคงงงและหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ก่อนตัดสินใจลุกจากโซฟา แล้วเดินเซไปยังหน้าบ้าน
“ขอโทษครับ มีใครอยู่ไหม”
คิมหันต์ยังตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลยเขาเห็นรถตัวเองจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วเจ้าของบ้านหายไปไหน เรียกกี่ครั้งก็ไม่ตอบ ชายหนุ่มก็เลยเดินกลับเข้าไปยังห้องรับแขกที่เขาใช้เป็นที่นอนมาทั้งคืนแล้วสายตาก็พลันไปเจอโน้ตเขียนติดเอาไว้หน้าตู้เย็น
‘เดี๋ยวฉันกลับมา ฉันทำข้าวต้มเอาไว้ เผื่อคุณตื่นมาแล้วหิว’
“สงสัยเป็นชื่อเจ้าของบ้าน เอ๊ะ! ยังมีกระดาษอีกใบนี่นา”
‘ฉันลืมบอกคุณไปอีกอย่างหนึ่ง เมื่อคืนฉัน...เอ่อ...เอาเป็นว่าฉันเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้คุณแล้วในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าคุณจะใส่ได้หรือเปล่าแต่กรุณาอาบน้ำเสียด้วยก่อนฉันจะกลับมา...ปานดาว’
เมื่ออ่านข้อความจบ คิมหันต์ก็ยิ้มออกมาในความเจ้ากี้เจ้าการของหญิงสาว แต่ก็ช่างเถอะยังไงเขาก็ต้องขอบคุณหญิงสาวมากกว่าที่ช่วยดูแลเขาแต่เขาเจอเธอได้ยังไงกัน
//////////////
กว่าที่ชายหนุ่มจัดการกับตัวเองเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง เมื่ออาบน้ำและทานอาหารเรียบร้อย คิมหันต์ก็พาตัวเองมานั่งที่โซฟาตัวเดิมที่เขาใช้นอนเมื่อคืน เขานั่งดูทีวีจนเพลินเลยไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวในบ้านหลังน้อยนี้อีกแล้ว
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณ” ปานดาวทักชายหนุ่มขึ้นมาทันที
“ผมตื่นได้สักสองสามชั่วโมงแล้วล่ะ” คิมหันต์ตอบหญิงสาวตรงหน้าอย่างเก้อๆ เขายังไม่รู้จักหญิงสาวเสียด้วยซ้ำ แล้วเขายังมานั่งอยู่ในบ้านเธออีก
“ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลผมเมื่อคืนด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหลังคุณอย่าดื่มหนักแบบนั้นอีก” หญิงสาวตอบออกมาด้วยอาการขุ่นมัวขึ้นมาทันที และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะจับความรู้สึกนั้นได้
“เมื่อคืนผมทำอะไรคุณไปหรือเปล่า” คิมหันต์ตัดสินใจถาม ขณะเหลือบมองคนข้างๆ
“ช่างมันเถอะ” หญิงสาวพูดตัดบทออกไป
“แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ” ปานดาวถามชายหนุ่มออกไป
“ผม...คิมหันต์ เทพสุริยะการณ์ แล้วคุณล่ะ”
“ฉันเหรอ? คุณน่าจะรู้ชื่อฉันแล้วไม่ใช่หรือไง”
ปานดาวตอบออกไปด้วยอาการเรียบเฉย จนคนฟังเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ โดยไม่ได้คิดสักนิดว่านามสกุลของชายหนุ่มเป็นนามสกุลเดียวกับเจ้านายของตัวเอง
/////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...