บทที่ ๑ ก่อนจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน
คืนนี้ดวงดาวเต็มฟ้า หากเป็นคนอื่นคงนึกถึงบทเพลงรักที่มีเนื้อหาว่ามองดาวแล้วจิตนาการถึงหน้าคนรักแต่เพลงรักท่อนนี้คงใช้ไม่ได้กับช้องนาง เพราะไม่ว่าคืนไหนดาวเต็มฟ้าหรือดาวลับอับแสงแล้วมีพระจันทร์ดวงใหญ่มาแทนที่ หล่อนก็จินตนาการเป็นหน้าชายอันเป็นที่รักได้เสมอ
ช้องนางละสายตาจากแสงดาวบนท้องฟ้าไปยังเสียงสัญญาณอันคุ้นเคย ที่บอกการกลับมาของพระแสงหลานชายยายมาลัยเจ้าของบ้านติดกัน เรียกว่าเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนยายมาลัยเปลี่ยนบ้านเป็นร้านอาหารช่อม่วง แล้วปลูกเรือนใหม่ติดคลองเพื่ออยู่อาศัยจนถึงปัจจุบัน
ส่วนหล่อนอยู่บ้านไม้สองชั้นหลังเก่าของครอบครัวแต่ซ่อมแซมบำรุงรักษาคงสภาพเดิมมาจนทุกวันนี้ แม้บ้านหล่อนจะมีเนื้อที่ไม่กว้างขวางเท่าที่ของยายมาลัย แต่ก็ไม่น้อยหน้านัก เพียงแต่พ่อแม่ไม่ได้ใช้ที่ดินตรงบริเวณนี้ทำประโยชน์อื่นใดนอกจากปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาภายในบริเวณบ้าน
เมื่อยายมาลัยเปิดร้านอาหาร เคยชักชวนให้แม่เปิดร้านขายขนมเพราะเห็นว่ามีเสน่ห์ปลายจวักตามประสาสาวชาวบ้าน แต่แม่ไม่ชอบงานบริการเพราะรู้ตัวว่าใจร้อนบางทีอาจพาลหาเรื่องทะเลาะกับลูกค้าหากมีคำตำหนิติเตียนเรื่องสินค้าของตน แม่ตามพ่อไปอยู่บ้านกลางสวนอีกฝั่งคลอง ปลูกผักเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่ และสุดท้ายก็นำผลผลิตที่เหลือกินมาขายให้ยายมาลัยนี่เอง
พ่อกับแม่ย้ายไปเมื่อสิบห้าปีก่อน บ้านหลังนี้จึงเหลือสามสาวสามใบเถา ช้องนางเป็นพี่คนโตที่อายุห่างจากช่อม่วงน้องสาวคนรองหกปีและพวงครามน้องสาวคนเล็กเก้าปีจึงกลายเป็นผู้ปกครองบ้านไปโดยปริยายแต่หล่อนคิดว่าที่พ่อแม่วางใจให้ลูกสาวอยู่บ้านกันเองเพราะมียายมาลัยอยู่ใกล้ๆ แล้วเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างๆ กันก็ล้วนแต่เป็นคนเก่าคนแก่สามารถฝากฝังดูแลลูกๆ ได้แม้ไม่ใช่เครือญาติแต่เป็นเพื่อนบ้านที่นับถือกันมานาน จึงไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้าดูอบรมสั่งสองลูกหลาน ส่วนแม่ก็ยังไปมาหาสู่เพราะสวนผักของพ่ออยู่อีกฝากของฝั่งคลองไม่ได้ไกลกันขนาดโพ้นทะเลทั้งยังนำผลผลิตที่เหลือกินในครอบครัวมาขายยายมาลัยอีกด้วย
หลังจากจบการศึกษาแล้วทำงานเป็นครูพละของโรงเรียนมัธยมละแวกบ้านเมื่อมีเวลาว่างมากช้องนางจึงรับสอนศิลปะป้องกันตัวที่ศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมมาจนได้ประกาศนียบัตรและสามารถเปิดการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยใช้พื้นที่ว่างหน้าบ้านที่ยายมาลัยเคยเสนอให้แม่ทำร้านขนมปลูกสร้างเป็นอาคารชั้นเดียวเพื่อสอนมวยไทย
แรกทีเดียวเมื่อบอกทุกคนว่าจะสอนมวยไทยให้เด็กๆ ซึ่งเป็นทั้งการป้องกันตัวและเป็นการออกกำลังอย่างหนึ่ง เสียงค้านก็เริ่มดังขึ้น
‘ทีนี้ก็ได้ขึ้นคานถาวรแน่ ยิ่งคนมองว่าแกไม่ใช่ผู้หญิงอยู่ด้วย’
แต่หล่อนก็ไม่ฟังเพราะเป็นงานที่ชอบ ได้มีรายได้เพิ่มแม้จะเก็บค่าเรียนถูกก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้อยู่กับบ้านที่น้องสาวสองคนไม่ค่อยได้อยู่นัก
ช่อม่วงน้องสาวคนรองเป็นคนสวยและเรียนดี ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อเมืองนอกและกลับมาเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยในตัวเมือง ช่อม่วงจึงเช่าหอพักใกล้มหาวิทยาลัยและจะกลับมาค้างบ้านนี้ในวันหยุด ส่วนพวงครามน้องคนเล็กหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยแบบชนิดที่เรียกว่าพี่ๆ ต้องขู่เข็ญและช่วยทุกทางจนจบมาได้นั้น เวลานี้กลับตามหนุ่มฝรั่งไปอยู่ต่างประเทศเสียแล้ว แต่ดีหน่อยที่ก่อนไปพวงครามพาแฟนมาแนะนำให้รู้จักและสัญญากับพ่อแม่ว่าจะกลับมาแต่งงานให้ทีหลัง จะมาลบล้างคำครหาของคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ว่าบ้านนี้มีส้วมอยู่หน้าบ้าน
แน่นอนไม่มีใครถามว่าทีหลังนั้นกี่วันกี่เดือนกี่ปี เพราะยังอึ้งกับการมีผัวแซงหน้าพี่ๆ ของน้องเล็กไม่หาย
หลังจากพวงครามพาแฟนกลับไป ช้องนางกับช่อม่วงก็ถูกแม่ตำหนิที่ดูแลน้องไม่ดีไม่สมกับที่พ่อแม่ไว้ใจ ปล่อยให้น้องทำตัวนอกลู่นอกทาง แต่แม่ลงท้ายว่าเหมือนแกแล้วจ้องตาช้องนาง
ซวยคนเดียวตลอดอีช้องเอ๊ย
รถยนต์เก๋งสีดำของพระแสงแล่นเรียบรั้วไม้แบ่งอาณาเขตของสองครอบครัวไปจอดใกล้เรือนชั้นเดียวริมน้ำ ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มที่ยายมาลัยปลูกสร้างให้ตั้งแต่วัยเยาว์หลังจากปรับเปลี่ยนบ้านหลังเก่าเป็นร้านอาหารที่ต่อเพิงหลังคาและผนังเปิดโล่งออกไปหน้าบ้าน
ช้องนางเดินเรียบระเบียงชั้นสองมามองในมุมที่เห็นชัดมากขึ้น แน่นอนต้องมืดมากพอจะพรางกายได้ หล่อนเห็นหญิงสาวผมยาวเป็นลอนสีอ่อนส่องประกายยามกระทบแสงไฟนิออนออกมาจากรถฝั่งคนขับ
อย่างนี้นี่เองถึงขับมาเกยถึงหน้าบ้าน เพราะหากพระแสงขับมาเองก็จะจอดไว้ตรงโรงเก็บรถใกล้ร้านอาหารซึ่งมีรถกระบะสำหรับใช้สอยในร้านจอดอยู่เป็นประจำ
แม่สาวคนนั้นเดินวนไปอีกฝากแล้วเปิดประตูรถ ประคองพระแสงออกมา ช้องนางไม่ได้หวังว่าจะเห็นเขาในสภาพคนปกติเพราะเคยชินกับสภาพคนเมามานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเห็นสภาพที่เมาหนักจนหญิงสาวที่พามาต้องเป็นฝ่ายหิ้วเขาเข้าบ้านเสียเอง
“เมาเป็นหมาทุกวันเลยนะคุณพระของพี่ช้อน” ช้องนางอดบ่นพึมพำไม่ได้พลางส่ายหน้าระอา หล่อนชื่อช้องนางแต่พระแสงในวัยเด็กมักเรียกหล่อนว่าพี่ช้อนและมีเด็กอีกหลายคนที่ออกเสียงเรียกหล่อนเช่นนั้น จนอดสงสัยไม่ได้
ช้อง ช้อง ช้อง มันพูดยากตรงไหนวะ
หล่อนเห็นยายมาลัยเดินลิ่วๆ มาจากบ้านสองชั้นของแกพร้อมกับลูกจ้าง
“เสร็จแน่ๆ นังชะนีหวีเหี่ยว” รอยยิ้มมารร้ายบังเกิด เพราะจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่หลานชายพาผู้หญิงมานอนที่บ้าน ช้องนางลอบยิ้มในความมืดและรอดูหญิงเคราะห์ร้ายคนนั้นวิ่งออกจากเรือนในอีกไม่ช้า
ทว่ารอนานกว่าปกติ และเสียงก็เงียบผิดปกติ จะเห็นก็แค่เงาไหวๆ ในบ้านที่มีผ้าม่านกั้น
เกะกะลูกตาเสียจริง
แต่ไม่นานนักยายมาลัยก็เดินกลับเรือนพักไป ส่วนลูกจ้างก็ถอยรถพระแสงไปเก็บที่โรงรถ
“อ้าว! ไหงเป็นงั้น” ช้องนางรอดูอีกพักใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้หญิงคนนั้นจะออกไปจากเรือนริมน้ำของชายหนุ่มเลย
“ไม่ยอม ไม่ยอม”
หล่อนกระทืบเท้าเร่าๆ ขัดใจนัก แต่ก็ทำได้เท่านี้จริงๆ ทั้งๆ ที่ในใจนั้นอยากกระโจมลงไปจากตรงนี้ ตีลังกาข้ามรั้วแล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนของพระแสงเพื่อกระชากลากชะนีนางนั้นให้ออกห่างคุณพระของหล่อน เฮ้อ!