WD-WEDDING
ข้อดีของการที่ณิชาไม่ได้ชอบผู้ชายอย่างอัคคีราห์ คือเธอไม่ห่วงสวยเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ผิดถนัดกับตอนอยู่ต่อหน้าเทียนที่เธอจะเคอะเขินจนตัวแทบบิดเป็นเลขแปดอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่แค่เธอที่เป็นแบบนั้น ..อัคคีราห์ก็เช่นกัน
สีหน้าเขาดูไม่ค่อยรับแขกเหมือนถูกบังคับให้แต่งงาน ทว่าสายตากลับตั้งใจเลือกการ์ดเชิญอย่างมุ่งมั่นและใส่ใจในทุกรายละเอียด จนไม่รู้ตัวเองเลยว่ามีสายตาของใครบางคนลอบมองเขาอยู่เป็นระยะ
ความรักของทั้งคู่คงเริ่มต้นด้วยเส้นขนาน.. ให้ตายก็ไม่มีวันมาบรรจบกันแน่นอน
“ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองก็แตกหรอก” ณิชาเปรยขึ้นหลังเห็นอัคคีราห์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ขณะที่กำลังเลือกรูปแบบของการ์ดงานแต่งอย่างเคร่งเครียด
อัคคีราห์แสร้งทำหูทวนลมใส่ ทั้งที่ได้ยินทุกคำเธอพูด
“ตามใจ.. คนเขาหวังดีเหอะ” เธอว่าแล้วกอดอกใส่ “ต้องจริงจังมากขนาดนี้ใช่มั้ยเนี่ย..”
“เธอคิดว่าในงานมีใครบ้างล่ะ” อัคคีราห์เอ่ยบอกเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงคงไว้ซึ่งความจริงจัง “คนสำคัญจะมารวมตัวกัน ถ้าทำแบบลวกๆ ก็แปลว่าไม่ใส่ใจ ถือว่าไม่ให้เกียรติแขกเหมือนกัน”
“จริงด้วย” ณิชาเผลอพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เธอมัวแต่จ้องจะจิกกัดเขาจนลืมไปเลยว่าวันนั้นในงานจะมีแขกเหรื่อที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองตระกูลมาเยอะแค่ไหน
พอคิดแบบนั้นแล้วก็แอบตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ณิชาไม่เคยวาดฝันภาพตัวเองตอนใส่ชุดเจ้าสาวมาก่อน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเจ้าบ่าวจะเป็นผู้ชายที่ชื่ออัคคีราห์
ไม่อยากคิดด้วยนั่นคือประเด็น
“ถึงจะเป็นแค่งานแต่งที่เธอกับฉันไม่ได้เต็มใจ แต่จะทำแบบผักชีโรยหน้าไม่ได้ ต้องรักษาหน้าตาของตระกูลด้วย”
“อ่า นายนี่ก็รอบคอบเหมือนกันนะเนี่ย”
“เละเทะแบบเธออีกคนได้ที่ไหน”
หญิงสาวเผยอปากเตรียมจะสวนกลับทันควัน แต่พอกวาดสายตามองไปรอบบริเวณร้านแล้วพบว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ณิชาก็ปิดริมฝีปากนั่งเงียบแต่ขู่อัคคีราห์ด้วยลมหายใจแทน
“เหอะ”
“อะไร”
“เปล่า” ณิชาไหวไหล่แล้วยิ้มออกมาได้
เผลอด่าในใจจนโล่งแล้วถึงนั่งนิ่งได้ แต่สักพักณิชาก็เริ่มยุกยิกอีกครั้ง เธอหันมองซ้ายขวาที่ภายในร้านเต็มไปด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ โทนสีและการจัดวางทำให้เธอรู้เลยว่าองค์ประกอบของชุดสวยงามแค่ไหน
“หวานกันชะมัดเลย..” เธอพึมพำออกมาเบาๆ หลังสายตาเห็นคู่รักคู่หนึ่งกำลังกระหนุงกระหนิงกันยกใหญ่
“อะไรอีก” อัคคีราห์ตวัดสายตามองเจ้าตัวที่พูดไม่หยุด
“เปล่า ไม่มีอะไร” ณิชาส่ายหน้าปฏิเสธให้กับอัคคีราห์ที่เหลือบหางตามอง เพราะเผลอคิดเสียงดังออกมาเป็นคำพูดกับภาพของคู่รักอีกฝั่งที่สวีทหวานจนน้ำตาลขม
ความสุขของการแต่งงานเป็นแบบนั้นงั้นเหรอ..
ณิชาเบือนหน้าหนีไม่มองลูกค้าของอีกห้องที่มีกระจกใสกั้นเอาไว้ เธอขยับสายตามองเจ้าของสันกรามคมแล้วมุ่ยริมฝีปากเล็กน้อย เพราะอัคคีราห์ดูเย็นชาจนบรรยากาศเย็นยะเยือกราวกับหมอกอย่างบอกไม่ถูก
“ดูการ์ดกับชุดเสร็จแล้ว ฉันกลับเลยได้ใช่มั้ย” ณิชาพูดเชิงเปรยๆ ให้อีกคนที่นั่งหน้านิ่งรับฟัง
“จัดการงานตรงหน้าก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่นทีหลัง” เขาบอกปัดคล้ายว่ารำคาญเธอเต็มที
“เรื่องปากท้องสำคัญสุดนะไม่รู้เหรอ.. หิวจะแย่อยู่แล้ว”
“รอ”
หญิงสาวทำหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาฮึดสู้ไม่ให้ตัวเองวอกแวกไปทางอื่น แค่เคลียร์ตรงนี้ให้เสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกันสักที
“อยากได้สีตีมงานแบบไหน”
“แล้วนายคิดว่าแบบไหนล่ะ”
“ฉันคิดว่าเราควรเน้นสีสัน แต่ก็ต้องไม่สดใสเกินไป ในงานแขกผู้ใหญ่น่าจะเยอะเอาแบบเรียบง่ายก็ดีเหมือนกัน” อัคคีราห์ออกความเห็นนั่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น ก่อนจะส่งสายตารอฟังคำตอบจากเธอเช่นกัน
“ฉันเห็นด้วยกับนาย” สิ้นประโยคนั้นณิชาก็ยู่ปลายจมูกแล้วนั่งเท้าคางเป็นผู้ฟังที่ดีแทน เธอเงยหน้ามองแอร์ของร้านที่เย็นฉ่ำจนต้องยกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองไปพลาง
เจ้าของนัยน์ตาคู่คมเหลือบมองหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งเมินอาการสั่นเทาของเธอมาจดจ่อกับงานตรงหน้าแทน
เขาไม่อยากทำอะไรที่สื่อถึงรักหรือห่วงใย.. ไม่ว่ากับใครก็ตาม
ใช้เวลาสักพักใหญ่อัคคีราห์ก็ให้ณิชาเข้าไปลองชุดที่สั่งตัดไว้พิเศษ มีหลายชุดสำหรับการใส่ผลัดเปลี่ยนในงาน เธอลองจนเริ่มหน้าเง้าหน้างอเพราะท้องไส้มันประท้วงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน
“เหมือนชุดเจ้าหญิงที่เคยดูตอนเด็กๆ เลย” ร่างอรชรเอวบางร่างเล็กแต่มีเนื้อหน้าอกหน้าใจคับใหญ่จนช่วงอกเนินนูนออกมายิ่งทำให้ดูน่าดึงดูด สะโพกผายก้นกลมกลึงยามหมุนซ้ายหันขวาทำให้เรือนร่างเธอในชุดนี้ดูสง่างามราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว
แต่ชื่นชมเรือนร่างตัวเองในชุดสีขาวฟูฟ่องราวกับอยู่ในเทพนิยายได้ไม่เท่าไหร่ ใครบางคนก็ถือวิสาสะเปิดม่านเข้ามา เล่นเอาเธอสะดุ้งผวาไปตามกัน
“เข้ามาทำไม” เธอถามออกไปเสียงแข็ง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าอก ที่แม้จะไม่ได้โป๊แต่ก็ไม่ชินที่อีกฝ่ายพรวดพราดเข้ามาแบบนี้อยู่ดี
“หมุนตัวสิ” อัคคีราห์กอดอกออกคำสั่ง ราวกับเธอเป็นลูกน้องในสังกัดเขาอีกคน
“ฉันถามว่านายเข้ามาทำไม”
“ฉันบอกให้หมุนตัว”
นัยน์ตาคู่คมตวัดมองเชิงกดดันให้เธอทำตาม ไม่ได้ตอบคำถามแต่ย้ำคำสั่งของตัวเองแทน
ณิชาถอนหายใจพรืดยาวแล้วกลอกตามองบนใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวให้เขาดูอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
“ดี” เขาตอบสั้นๆ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์จนอีกคนหมดความมั่นใจในตัวเอง
“ดีนี่คือใช้ได้แล้วใช่มั้ย” ณิชาเลิกคิ้วถาม แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เลือดลมร้อนผ่าวไปหมด
“ก็ดีได้เท่านี้แหละ”
“หมายความว่ายังไง”
“สวยแบบของประดับ”
“ปากร้ายชะมัด” สิ้นประโยคนั้นณิชาก็ยกยิ้มมุมปาก จ้องคนตัวสูงกว่าที่มองมาด้วยแววตามาดเข้ม แต่บนใบหน้าคาดเดาอารมณ์ได้ยากว่าคิดอะไรอยู่
เงียบใส่กันได้ไม่เท่าไหร่ก็เหมือนจะมีเรื่องให้ปะทะอารมณ์กันอีกแล้ว
“ทำไมของที่จะได้ไปประดับตระกูลนายมันดูไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” ณิชาเริ่มเปิดประเด็นก่อน เพราะไม่ชอบสายตาของเขาที่มองราวกับว่าเย้ยหยันกันตลอดเวลา
ไม่ชอบเวลาสบตาแล้วพบว่ามีแต่ความว่างเปล่าให้เห็น หนำซ้ำยังทำให้บรรยากาศที่มีแดดจ้าทั้งวันแบบนี้ ให้มันอึมครึมเหมือนฝนห่าใหญ่จะถล่มพายุจะคลั่งยังไงยังงั้น
“ก็ไม่เชิง” อัคคีราห์ตอบกลับหน้าตาย ซ้ำยังลอบถอนหายใจทิ้งเบาๆ ใส่อีกต่างหาก “ฉันไม่คิดจะเกี่ยวดองกับครอบครัวเธอ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าปู่เคยให้สัญญาปู่เธอเอาไว้”
“บอกตามตรงนะว่านายเหมือนสารเคมีที่เร่งปฏิกิริยาฉันเลยอัคคีราห์” เธอว่าแล้วยิ้มร้ายบนมุมปากสวย
ใบหน้าคมคายหักงอเรียวคิ้วเข้าหากัน มองอากัปกิริยาของเธอแล้วส่ายหน้าเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย
“ตอนแรกฉันคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้จะมีแค่ฉันที่รู้สึกเหมือนตกนรก พอได้ยินคำตอบของนายแล้วฉันก็ดีใจ.. ที่เราจะได้ลงอเวจีไปด้วยกัน” ไม่พูดเปล่าณิชายังก้าวเท้าตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เชิดดวงหน้าใส่อย่างท้าทาย
เธอรวบรวมความใจกล้าใช้นิ้วเรียวเชยปลายคางคนตัวสูงกว่า ก่อนจะเอียงซ้ายขวาคล้ายว่าพิจารณา แล้วทำหน้าว่าอัคคีราห์เองก็ไม่ได้ดูเหมาะสมกับเธอเลยสักนิด
“ฉันก็หวังว่านายจะมีค่าพอประดับตระกูลฉันเหมือนกัน”
“หึ”
“อ้ะ”
อัคคีราห์ปัดมือของเธอออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้มือบีบปลายคางณิชาพร้อมกับดันร่างเธอจนแผ่นหลังชิดกระจกบานใหญ่
“อัคคีราห์” ณิชาเอ่ยชื่อเขากรอดไรฟัน แววตาฉายชัดความไม่พอใจ
“งั้นก็ดี..” อัคคีราห์แสยะยิ้มมุมปาก รู้อยู่เต็มอกว่าณิชาพยายามยั่วโมโหเขา และก็ผิดที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ดีพอ
ใบหน้าสวยสดไร้ซึ่งความวิตกกังวลในแววตา เธอสบสายตาอัคคีราห์อย่างไม่ลดละ ก่อนจะยกมือขึ้นจับแขนอัคคีราห์เอาไว้
“จับมือกันลงอเวจีด้วยกันไปเลย ..ดีมั้ย”
“ถ้างั้นก็อย่าปล่อยมือกันล่ะคุณอัคคีราห์”
ทั้งคู่ฟาดฟันกันผ่านสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร เหมือนลิ้นกับฟันที่กระทบกระทั่งกันทุกครั้งที่จ้องตา วาจาเปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟให้ติดง่ายไปกับอารมณ์
“ชอบโดนแบบนี้รึไง ชอบแบบซาดิสม์สินะ”
“ก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน”
“ยัย..”
นัยน์ตาสีรัตติกาลวูบไหวเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะกดสายตามองเธอแล้วถูกณิชาปัดมือตนออก หมดคำจะพูดกับเธอแล้วเหมือนกันเมื่อถูกสวนกลับมาแบบนี้
ทว่าแทนที่อัคคีราห์จะหัวเสีย เขากลับเหยียดยิ้มมุมปาก เพราะเหมือนกับว่าจะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับตระกูลเซียหลงเข้าให้เสียแล้ว
“ลองชุดเสร็จแล้ว แยกย้ายค่ะ”