ตอนที่ 2 หน้าที่ภรรยาในนาม

1449 คำ
ยอมรับเลยว่าคำพูดของณิชาทำเอาอัคคีราห์ของขึ้น แต่เขายังคงควบคุมอารมณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะตอนที่ปู่มาเปรยเรื่องการแต่งงานกับเขา เจ้าตัวก็ลุกพรวดแล้วปฏิเสธอย่างไม่ยอมเช่นกัน แต่สุดท้ายก็เลี่ยงคำสั่งของปู่ไม่ได้อยู่ดี.. “เธอกล้าดีมากนะที่ต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้” “นายกับฉันก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่เราเสียเปรียบกันแม้แต่นิดเดียว” “งั้นก็ดี เพราะงั้นเธอคงจะรู้สินะว่าการแต่งงานระหว่างเราสองคน มีผลประโยชน์ของตระกูลเข้ามาเกี่ยวข้อง” “ฉันไม่สนเรื่องผลประโยชน์ แต่ฉันจะไม่มีทางแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก.. ไม่คิดที่จะรักด้วย” สายตาของณิชาไม่มีวี่แววว่าจะยอมคน เธอเชิดดวงหน้าขึ้นแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ซึ่งอัคคีราห์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอมีความคิดเป็นของตัวเองเด่นชัด อีกทั้งยังไม่ยอมใครง่ายๆ แล้วก็โต้ตอบเขาแบบไม่หลบตาอีกต่างหาก ไม่มีใครกล้าทำแบบนั้นกับเขา ..เธอคนแรก “หลังจากนี้เก่งให้เหมือนปากก็แล้วกัน เพราะเธอกับฉันยังเจอกันอีกนาน” “ฉันไม่เก่งแต่ปากอยู่แล้วค่ะ” “เหอะ” หัวหน้ามาเฟียตระกูลเชียหลงที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะจับปลายคางเธอแล้วออกแรงบีบเพียงเล็กน้อย แต่ความรุนแรงกลับทำให้ณิชาเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ทว่าถึงอย่างนั้นณิชาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อยอมชายหนุ่ม ส่งผลให้คนตัวสูงกว่าถึงกับแยกยิ้มอย่างพอใจ ที่การเกี่ยวดองของทั้งสองตระกูลเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคำสั่งเสียจากพ่อของท่านสาธิต ที่เป็นเพื่อนสนิทปู่ของอัคคีราห์ได้ให้สัญญาไว้ ว่าขอให้ช่วยดูแลตระกูลชีเฟิ่งแทนเขาที ต่างตระกูลแต่มิตรภาพของทั้งคู่นั้นแน่นแฟ้น จนปู่ของอัคคีราห์ไม่สามารถละเลยคำขอนั้นได้ อีกอย่างคนที่อายุมากก็อยากอุ้มหลานเต็มที เพราะหลังจากรักครั้งเก่าของอัคคีราห์ เจ้าหลานคนโปรดก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีรักครั้งใหม่อีกเลย “เก่งแบบนี้กลัวตายหรือเปล่า” “ว่าไงนะ” “ฉันถาม.. ว่าเธอกลัวตายหรือเปล่า” เสียงต่ำเอ่ยถามขึ้นบนใบหน้ามีแต่ความดุดันไร้ซึ่งความอ่อนโยน นัยน์ตาสีรัตติกาลนิ่งลึกจนอ่านไม่ออกว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่ที่สำคัญคือการแสดงออกทางร่างกายของอัคคีราห์ชัดเจน ว่าต้องการข่มเธอให้อยู่เบื้องล่างเขา ซึ่งณิชาไม่ชอบตกอยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร.. “พูดบ้าอะไรของนาย เป็นโรคจิตเหรอ ฉันนัดจิตแพทย์ที่รู้จักให้ได้นะ เผื่อนายจะได้รู้ว่าการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นมันควรทำยังไง” หญิงสาวจับข้อมือเขาให้ปล่อยออกแต่ก็ไม่เป็นผล “งั้นเหรอ ยังไงดีล่ะ” “นี่” “เธอจะปฏิบัติตัวต่อผัวในอนาคตของเธอคนนี้ยังไง” สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ที่ปล่อยให้เธอพยศใส่ก็คว้าปืนที่เหน็บข้างเอวขึ้นมาจ่อศีรษะคนตรงหน้า ทำเอาณิชาถึงกับตัวแข็งทื่อขลึงตามองเขาที่กล้าทำแบบนี้กับเธอ แต่เบื้องลึกที่แท้จริงแล้วคือเขาไม่ได้ตั้งใจจะยิง เพียงแค่ขู่เธอเพื่อดูพฤติกรรมโต้ตอบจากเจ้าตัวก็เท่านั้น อยากรู้ว่าเก่งแค่ปากหรือเปล่า.. อย่างที่บอกว่าอัคคีราห์ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขามีอิทธิพลและอำนาจในมือ ซึ่งการครอบครองสิ่งเหล่านี้ย่อมมีหลายคนที่อยากจะโค่นล้มเขาเช่นกัน เพราะฉะนั้นเจ้าสาวในอนาคตของเขาต้องไม่กลัวปืน ไม่กลัวความตายและต่อสู้อย่างเก่งกาจ โดยเฉพาะเมื่อถูกจ่อหัวก็ต้องไม่เปิดเผยความลับของตระกูลให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตายไปข้าง.. อย่างแน่นอน “นายคิดว่าจะมีคนแต่งงานกับนายเหรอไง เอาปืนจ่อหัวคนอื่นเขาแบบนี้.. หมาตัวเมียยังเมินเหอะ” “เหอะ ฉันชอบนะ เวลามีคนสู้มือขนาดนี้.. ถือว่าเธอสมน้ำสมเนื้อดีเหมือนกัน” “อัคคีราห์” ดวงตาคู่สวยมองขวางเขาไม่ละไปไหน แม้จะมีปลายกระบอกปืนจ่อที่หัว แต่เธอก็ไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย ยิ่งน้ำเสียงของณิชาที่ใช้เรียกชื่ออัคคีราห์ ก็ต้องยอมรับเลยว่าทำให้ชายหนุ่มเริ่มสนใจความห้าวหาญนี้ หากเธอไม่กลัวปืนหรือความตาย ก็เหมาะสมจะได้เข้าตระกูลในฐานะภรรยาแค่ในนามเท่านั้น “ไม่กลัวตายเลยสินะ ใช้ได้นี่” อัคคีราห์แสยะยิ้มเหยียด ก่อนจะลดปืนลงแล้วเก็บเข้าที่เดิม วินาทีที่ปืนถูกเก็บณิชาก็อาศัยจังหวะนี้ในการเหยียบเท้าให้เขาปล่อย แต่แทนที่ชายหนุ่มจะสะทกสะท้อน เขากลับตวัดสายตามองเธอแล้วขมวดคิ้วมุ่น หนำซ้ำแรงเท้าของณิชาที่กระแทกลงบนเท้าของอัคคีราห์ ยังน้อยนิดสำหรับชายหนุ่มที่ผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมามากมาย แทบไม่สะกิดผิวกายเขาด้วยซ้ำ ดวงตาคู่คมหลุบมองเท้าของหญิงสาวที่กระทืบลงมาบนเท้าเขาเต็มแรง ก่อนจะเปลี่ยนจากบีบคางเป็นวาดวงแขนรั้งร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมอกแทน “ลูกไม้ตื้นๆ พวกนี้คงต้องสอนให้ใหม่ มันใช้ไม่ได้ผลถ้าหากเธอเข้ามาในตระกูลเซียหลง รู้เอาไว้” เขาเอ่ยเชิงเตือนด้วยสายตาเอาจริง “เหอะ” ณิชาแค่นหัวเราะอย่างไม่นึกกลัว ก่อนจะดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแกร่งไปมา “ปล่อยฉันนะ” “เหยียบเท้าคนอื่นไม่คิดจะขอโทษหน่อยหรือไง” อัคคีราห์เลิกคิ้วขึ้น “คนที่ปฏิบัติตัวกับผู้หญิงแบบนี้ก็สมควรโดนแล้ว” “แล้วเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนล่ะ” “แบบที่นายเอื้อมไม่ถึงไง” สิ้นเสียงโต้ตอบของเธอเขาก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ณิชา ซึ่งเธอก็เอนตัวหลบแต่เหมือนจะไม่พ้นปลายจมูกโด่งสันทัดที่เฉียดแก้มขาวไปเมื่อครู่ “แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย ฉันคิดว่าเธอจะเป็นพวกน่าเบื่อ ตายซาก ไม่เร้าใจเสียอีก” พูดจบเขาก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่นั่นทำให้ณิชาทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น โดยที่ไม่วายมีสายตาเหยียดหยันกดมองเธอที่อยู่ต่ำกว่า พลางแสยะยิ้มเย้ยแล้วต่อว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เตรียมตัวตัดชุดได้เลย เพราะงานแต่งจะไม่ถูกยกเลิกแน่นอน” “จะไม่มีงานแต่งงาน..” “แล้วรู้มั้ยหน้าที่ของเธอคืออะไร” อัคคีราห์พูดแทรกโดยไม่รอให้เธอได้พูดจบประโยค ณิชาช้อนสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ ทว่าหัวใจกลับเต้นรัวจนจับจังหวะไม่ถูก เพราะเบื้องลึกข้างในเธอก็กลัวจนหัวแทบหดเหมือนกันกับการถูกปืนจ่อหัวแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสือร้ายอย่างเขา เธอก็จะไม่แสดงออกว่าเป็นกระต่ายอ่อนแอ เพราะณิชาเองก็ไม่ชอบความพ่ายแพ้เช่นกัน “มีลูกให้ฉัน” “ว่าไงนะ” “สิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็แค่มีลูกชายให้ตระกูลเซียหลง” เขาไหวไหล่อย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะกระชับเสื้อสูทตัวนอกแล้วหันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง แต่สุดท้ายก็หันกลับไปมองเธออีกครั้ง แล้วทิ้งท้ายประโยคที่ทำเอาเธอเลือดขึ้นหน้า “มีแค่ลูก แล้วตัวเธอจะไปไหนก็ไป.. ไร้ประโยชน์” พูดจบเจ้าของใบหน้าคมคายก็ก้าวขาออกจากห้องรับแขก ทิ้งให้ณิชาโอดครวญกับความวุ่นวายที่หลังจากนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน โดยที่เปิดประตูออกมาด้านหน้าก็มีท่านสาธิตและภรรยายืนรออยู่ก่อนแล้ว “ผมกลับก่อนนะครับคุณอา สวัสดีครับ” อัคคีราห์ยกมือขึ้นไหว้ลาญาติผู้ใหญ่ที่พยักหน้าแล้วรับไหว้ทันที ก่อนเขาจะหันไปส่งสายตาให้การ์ดอย่างชรินทร์และชินกรเดินตาม หลังจากนี้ณิชาคงจะได้พบเจอผู้ชายที่ชื่ออัคคีราห์ไปจนตาย..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม