“ครับ” ปากหนาตอบกลับแม่ตัวเอง ก่อนที่ปนัดดาจะเดินเข้าไปสวมกอดลูกชายตัวสูงด้วยความคิดถึง
“แม่คิดถึงโจชัวมากเลย”
“…” เจ้าของใบหน้าหล่อก็เงียบไม่ตอบ ทว่าเคลื่อนมือแกร่งเข้าไปกอดตอบคนเป็นแม่เบา ๆ ตามประสา โดยในตอนนั้นเอง
“คุณท่านอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วค่ะ” เสียงหัวหน้าแม่บ้านเดินเข้ามาเอ่ยบอกสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีนอบน้อม สองคนที่ได้ยินแบบนั้นจึงค่อย ๆ พากันเดินเข้าไปยังห้องอาหารขนาดใหญ่ของบ้าน
“มานานแล้วเหรอ” เจสันมองหน้าถามร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับภรรยาของเขา
“ไม่นานครับ” เสียงทุ้มตอบกลับคนที่นั่งอยู่พร้อมกับนั่งลงยังบริเวณด้านข้างคนเป็นแม่
“พร้อมเข้าเรียนรู้งานแล้วหรือยัง” ชายวัยกลางคนลูกครึ่งเบลเยียมที่เป็นผู้บริหารธนาคารใหญ่ไม่รอช้าที่จะมองหน้าถามลูกชายคนรองวัยยี่หกปี หลังจากที่อีกคนนั้นเรียนจบปริญญาโทคณะบริหารของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ต่างประเทศมาแล้วเกือบปี
“ได้ครับ” คนตัวสูงที่รู้หน้าที่พยักหน้าตอบอย่างไม่คิดขอต่อเวลาพักหรืออะไร
“อืม งั้นพรุ่งนี้ก็เริ่มเข้ามาได้เลย”
“ครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในชุดสุภาพดูดีเอ่ย
“แล้วเจคอปไปไหน” เสียงเจสันหันถามภรรยาคนสวยของตัวเองสีหน้าสงสัย
“ดาก็ไม่รู้เลยค่ะ โทรไป ลูกไม่รับ” หญิงวัยกลางคนตอบกลับเมื่อสามีถามถึงลูกชายคนโตของบ้าน ซึ่งในตอนนั้นเอง เสียงเท้าหนักของคนที่ถูกถามถึงก็เดินเข้ามาพร้อมกับแฟนสาวที่คบหากันมานาน
“ขอโทษที่มาช้า…”
“แกไปไหนมา” เจ้าของธนาคารใหญ่มองหน้าถามลูกชายคนโต
“ผมไปดูที่ดินสำหรับการปลูกเรือนหอมา” ร่างสูงที่มาใหม่ตอบกลับพลางเดินเข้าไปนั่งลงยังโต๊ะอาหารพร้อมกับแฟนสาวของเขาที่นั่งยิ้มยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่เหมือนทุกครั้งด้วยท่าทีนอบน้อม เจสันกับปนัดดาที่ได้ยินก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ดีเลยลูก รีบมีหลานให้แม่นะ แม่อยากเลี้ยงหลาน” หญิงวัยกลางคนยิ้มบอกลูกชายคนโตกับแฟนสาวของเขาด้วยท่าทีเอ็นดู พลางไม่วาย
“แต่ถ้าได้เห็นหน้าแฟนของลูกชายอีกคน ก็คงจะดี”
“…” คนที่ถูกพูดถึงก็นั่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะตั้งแต่โตมา โจชัวไม่เคยมีแฟนหรือพาผู้หญิงคนไหนมาบ้านเลยสักครั้ง
“กินข้าวกันเถอะ” เสียงทุ้มของเจสันดังขึ้น ทำให้ครอบครัวตระกูลคาเวนดีนต่างนั่งรับประทานอาหารร่วมกันในวันหยุดเหมือนทุกครั้ง
ผ่านไปสักพัก
“จะกลับแล้วเหรอลูก” ปนัดดาเอ่ยถามลูกชายคนรองของตัวเองด้วยแววตาอ้อนไม่อยากให้คนเป็นลูกรีบกลับ
“ผมต้องกลับไปเตรียมตัวเข้าเรียนรู้งานวันพรุ่งนี้ครับ”
“…” หญิงวัยกลางคนก็ยังคงแสดงท่าทีไม่อยากให้ลูกกลับ
“แม่ครับ”
“ก็โจชัวไม่ค่อยมาหาแม่เลยนี่ เจคอปยังมาบ่อยกว่าอีก”
“…” คนตัวสูงก็นิ่ง
“มาหาแม่บ้างสิ แม่คิดถึงลูก ๆ นะ”
“ครับ”
“ครับอีกแล้ว ครับแล้วก็ไม่มา”
“ต่อไปผมจะพยายามมาให้บ่อยขึ้น” ปากหนาเอ่ย
“สัญญาแล้วนะ”
“ครับ”
“โอเค” สิ้นเสียงหวานพอใจของหญิงวัยกลางคนตอบกลับมา คนตัวสูงเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรก็สาวเท้าเดินตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูสีเทาดำของตัวเองด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าขณะที่ร่างสูงกำลังขับรถออกจากบ้านหลังใหญ่ของตัวเองไป
ครืดดด~
ข้อความ
ฟอส : อยู่ไหนวะ
ฟอส : แวะมาเจอกันหน่อย มีเรื่องจะปรึกษา
ฟอส : ร้านเดิม
หลังจากที่เห็นข้อความจากเพื่อน มือหนาก็จัดการขับรถตรงไปยังสถานที่นัดหมายที่เพื่อนของเขาส่งมาให้ด้วยท่าทีปกติ
เอี๊ยด!
ใช้เวลาไม่นาน รถสปอร์ตคันหรูก็ขับเข้าไปจอดยังภายในตึกขนาดใหญ่
“คุณโจชัว สวัสดีครับ” คนรักษาความปลอดภัยก้มหน้าลงทักทายชายที่มาใหม่ ซึ่งสายตาคมก็เหลือบมองเล็กน้อยพลางสาวเท้าเดินเข้าไปภายในตึกด้วยสีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเคย ซึ่งมันก็เป็นนิสัยของเขาที่หลายคนต่างรู้สึกชินชา
“มาแล้วเหรอวะ” เสียงคนในห้องดังขึ้นทันทีที่มือหนาเปิดประตูเข้าไป โดยพวกเขาคือกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน
“มีอะไร” เจ้าของใบหน้าหล่อถามพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งด้วยสีหน้าเรียบ
“กูว่าจะลงทุนทำธุรกิจกัน” ฟอส คนที่เป็นคนส่งข้อความตามคนตัวสูงมาเอ่ย ทำให้โจชัวปรายตามองยังกลุ่มชายทั้งสามที่นั่งอยู่
“ทำไมมองแบบนั้นวะ รอบนี้พวกกูจริงจัง” แดนนี่ หวังมองหน้าบอกเพื่อนน้ำเสียงจริงจัง ตามด้วยเสียงของชายอีกคนที่นั่งอยู่
“จริง พวกกูจริงจังมากนะเว้ย” สายฟ้ารีบเสริม
“จะทำอะไรกัน”
“ร้านเหล้า” ทั้งสามต่างตอบกลับคำถามจากเพื่อนตัวสูงที่มาใหม่พร้อมเพรียง
“แล้วจะให้ช่วยอะไร”
“มึงรู้อยู่แล้วนี่ไอ้โจชัว…”
“…บ้านมึงเป็นถึงธนาคารใหญ่เลยนะเว้ย” ฟอสบอก ซึ่งครอบครัวของทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมาจากตระกูลที่ร่ำรวยอยู่ไม่น้อย ทว่า…
“ไปยื่นเอง” โจชัวที่นึกรู้ดีว่าเพื่อนต้องการอะไรเอ่ยบอกเสียงนิ่ง
“ยื่นเอง มันได้เงินลงทุนน้อย”
“ลงเยอะ ความเสี่ยงก็สูง” เจ้าของใบหน้าหล่อหันตอบแดนนี่หวัง ทั้งสามที่รับรู้ได้ถึงท่าทีไม่เห็นด้วยของเพื่อนสนิทจึงถอนหายใจออกมา
“เออ งั้นไว้ก่อนก็ได้” ฟอสเอ่ย ก่อนที่ทั้งสามจะล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างง่ายดายตามประสา โจชัวที่เห็นก็นิ่ง แต่ในตอนนั้นเอง
แอดด!
เสียงประตูห้องถูกเปิดออกสุดแรงบ่งบอกได้ถึงแรงอารมณ์ของคนที่มาใหม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่หันมอง
“เป็นบ้าอะไรของเธอวะ” ฟอสถามสีหน้าสงสัย ร่างสวยที่ได้ยินก็เงียบไม่ตอบ กลับสาวเท้าเดินเข้าไปล้มตัวนั่งยังโซฟาราคาแพงสีหน้าหงุดหงิด
กึก!
มือสวยกำเข้าหากันแน่นอยู่อย่างนั้นด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจหลายอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในวันนี้
“เป็นไรวะเทีย…” สายฟ้าถามด้วยความสงสัย
“เกลียดอีพวกปากดี…” เรียวปากสวยขยับกดเสียงต่ำเอ่ยพลางยังคงกำมือแน่นด้วยความโกรธที่มี เพราะก่อนจะเลิกซ้อมเดินในรอบสุดท้ายของวันนี้ เธอก็ได้ถูกน้ำหวานพูดจาดูถูกต่อหน้าทีมงานโดยเอาลลินอยู่เหนือกว่าอีกครั้ง
‘น้ำค่ะคุณเทีย…’
‘ไม่มีน้ำแร่เหรอ?’
‘เอ่อ…’
‘พอดีเทียแพ้…’
‘น้องลิน ดื่มน้ำอะไรอยู่คะเนี่ย’
‘คะ?’
‘น้ำเปล่าที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ใช่ไหมคะ’
‘ใช่ค่ะพี่น้ำหวาน’ คนตัวเล็กตอบกลับอย่างคนไม่รู้อะไร ทว่า…
‘ไม่แพ้เหรอคะ’
‘คะ?’
‘คนที่เกิดมาสมฐานะจากตระกูลใหญ่อย่างเรา พี่ก็นึกว่าจะเรื่องมากเหมือนก้อนกรวดที่พยายามทำตัวเป็นเพชรแท้ซะอีก’ สิ้นเสียงไฮโซสาวเอ่ย ทีมงานหลายคนที่ได้ยินคำพูดของเทียริน่าก่อนหน้าก็ต่างลอบหัวเราะออกมาอย่างเห็นด้วยในบางคนจนเธออยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็ทำได้เพียงอดทนให้การซ้อมเดินในวันนี้จบลง แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น
‘ก้อนกรวดอะไรเหรอคะ’
‘โอ๊ย เราไม่เข้าใจหรอก พวกก้อนกรวดนะ เพชรแท้ไม่จำเป็นต้องลดตัวไปสนใจ’
‘เอ่อ…ค่ะ’ ลูกสาวนักการเมืองตระกูลดังได้แต่ยกมือขึ้นเกาเข้าที่หัวเล็กตัวเองสีหน้างุนงง ซึ่งท่าทีพวกนั้นยิ่งสร้างความรู้สึกหมั่นไส้บอกไม่ถูกขึ้นมาให้กับเทียริน่า
“…แล้วก็ หมั่นไส้คน” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยเอ่ย ก่อนจะได้สติหันไปเห็นเพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่
“มาด้วยเหรอ” เทียริน่าถามยังเพื่อนชายที่นั่งอยู่
“อืม” ปากหนาตอบกลับในลำคอด้วยสีหน้าราบเรียบพลางลุกขึ้นจากโซฟาราคาแพง
“อ้าวเฮ้ย จะกลับเลยเหรอ” ฟอสหันถาม
“อืม พรุ่งนี้พ่อให้เข้าเรียนรู้งาน” พูดจบ ลูกชายคนรองของธนาคารใหญ่ก็สาวเท้าเดินออกจากห้องพักประจำของกลุ่มเพื่อนไป ขณะที่เทียริน่าก็นั่งนิ่งกำมือแน่นด้วยความรู้สึกยังคงโกรธไม่ชอบใจกับสิ่งที่เจอ