ดารินยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจ ทันทีที่ได้รู้ข่าวว่ากระทิงรถคว่ำก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที
“ดารินลูก กระทิงเป็นไงบ้าง!” พิงค์กับครามเมื่อได้รู้ข่าวก็รีบมาทันทีเช่นกัน
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะน้าพิงค์ คุณหมอยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลยค่ะ”
“ตายจริง รู้ว่าฝนตกหนักทำไมถึงยังขับรถกลับอีกล่ะเนี่ย”
“เป็นเพราะหนูเองค่ะน้าพิงค์ ถ้าหนูกลับมากับคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่แรกพี่กระทิงก็คงไม่ต้องมาส่งหนูที่บ้าน และเรื่องแบบนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้น” เธอพูดอย่างรู้สึกผิด
“อย่าโทษตัวเองเลยลูก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ น้าเข้าใจนะลูกอย่าโทษตัวเองพี่กระทิงต้องไม่เป็นอะไร”
“ค่ะน้าพิงค์”
“มาหาพี่มาน้องดาริน” ฟ้าครามน้องสาวของกระทิงเอ่ยเรียกขึ้น “ไม่เป็นอะไรนะไม่ต้องร้องไห้”
“พี่กระทิงจะเป็นอะไรมั้ยคะพี่ฟ้า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกนะ พี่กระทิงเก่งอยู่แล้ว” ฟ้าครามพูดปลอบโยนคนตรงหน้า
“ฮึกก หนูกลัวจังเลยค่ะ” ดารินกลัวจนตัวสั่น ถึงจะไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของเธอ แต่เธอก็ยังโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กระทิงเกิดอุบัติเหตุแบบนี้
“ไม่เป็นอะไรนะน้องพี่”
แกร้ก~
ผ่านไปไม่นานคุณหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน พิงค์รีบเดินเข้าหาทันที
“ลูกชายของดิฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยดีแล้วนะครับ ยังดีที่คนไข้รัดเข็มขัดนิรภัยเลยไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลภายนอกก็แค่หัวแตกแต่หมอเย็บปิดให้แล้ว ส่วนรอยฟกช้ำขีดข่วนตามตัวหมอได้ทำแผลให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
“เห็นไหมน้องดาริน พี่บอกแล้วว่าพี่กระทิงไม่เป็นอะไรหรอก” ฟ้าครามพูดขึ้นเมื่อคุณหมอเดินออกไป โชคดีจริงๆ ที่พี่ชายของเธอไม่ได้รับอันตรายอะไรมากมาย
“ฮึกค่ะพี่ฟ้าคราม พี่กระทิงปลอดภัยแล้ว พี่กระทิงไม่เป็นอะไรแล้ว”
“กลับบ้านไปก่อนนะ คืนนี้ยังไงคุณหมอก็ไม่ให้เฝ้าอยู่ดี พรุ่งนี้ค่อยมาหาพี่กระทิงใหม่นะ”
“ค่ะพี่ฟ้า”
ดารินยอมกลับบ้านกับพ่อแม่แต่โดยดีเพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากรอมาที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้อีกครั้งหลังจากที่โรงพยาบาลเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมคนไข้ได้แล้ว
“รินลูก…เป็นอะไรไปทำไมถึงนั่งร้องไห้ล่ะ” เดียร์หันไปถามลูกสาว เมื่อเห็นว่าดารินกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ
“ฮึกคุณแม่คะ ถ้าพี่กระทิงฟื้นขึ้นมาแล้ว พี่กระทิงจะโกรธรินมั้ยคะที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่กระทิงเกิดอุบัติเหตุแบบนี้” เธอพูดปนเสียงสะอื้นในลำคอ
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะลูก” เดียร์หันไปโอบกอดลูกสาว พร้อมกับลูบหลังให้กับเธอเบาๆ เป็นการปลอบโยน
“ถ้าพี่กระทิงไม่มาส่งรินที่บ้าน พี่กระทิงก็คงไม่ต้องขับรถฝ่าฝนตกกลับออกไป”
“ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกนะลูก เลิกคิดมากได้แล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมพี่กระทิงที่โรงพยาบาลด้วยกัน”
“ค่ะคุณแม่”
พอกลับมาถึงบ้านดารินก็นอนไม่หลับเลย เพราะเป็นห่วงกระทิงมาก ถึงแม้คุณหมอจะบอกว่ากระทิงนั้นปลอดภัยแล้ว แต่ในใจก็ยังนึกแอบห่วงอยู่ดี
เช้าวันต่อมา
ดารินเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ลืมตาตื่นมาอีกทีก็แดดส่องสว่างเต็มห้องนอนแล้ว แต่พอเธอขยับตัวเท่านั้นแหละก็รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่างกายเลย
“อือ…ปวดหัวจัง” เธอบ่นพึมพำก่อนจะยกมือขึ้นจับที่ศรีษะของตัวเอง “แค่ก ๆ ๆ เป็นไข้เหรอเนี่ย”
ร่างกายร้อนระอุราวกับไฟกำลังโหมไหม้อยู่ในตัว เมื่อวานก็ไม่เห็นจะมีท่าทีว่าจะไม่สบายหรือเป็นไข้เลยนี่นา เพราะเธอก็รีบมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย
“อืม…แค่ก ๆ ๆ” มือเล็กสาวออกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะกดโทรออกไปหาเพื่อนสาวที่ชื่อว่าโดนัท
( เซฮายค่ะเพื่อนสาว มีอะไรหรือเปล่าคะ ) ปลายสายกดรับ
“อือโดนัท ฉันฝากแกลาอาจารย์ให้หน่อยนะ พอดีว่าฉันไม่ค่อยสบายน่ะเมื่อคืนตากฝนมา”
( อ่าว แล้วนี่แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอมายัง )
“ยังเลยอะ แต่เดี๋ยวก็จะไปอยู่เหมือนกัน”
( โอเคๆ เดี๋ยวฉันบอกกับอาจารย์ให้ แล้วจะจดงานส่งไปให้ในเมลนะ )
“ขอบใจมากนะโดนัท”
( จ้าแค่นี้แหละ )
หญิงสาวหยัดกายลุกอย่างงัวเงีย และรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว เธอพยายามทำธุระส่วนตัวทุกอย่างให้เสร็จอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเดินลงบันไดไปหาพ่อกับแม่ของเธอ
“ตายแล้วดาริน ทำไมถึงได้หน้าซีดแบบนั้นล่ะลูก”
“รินเป็นไข้น่ะค่ะ”
“มาๆ มากินข้าวก่อนซักหน่อยนะลูกแล้วค่อยกินยา”
“ค่ะคุณแม่ แล้วเรื่องพี่กระทิงไปถึงไหนแล้วคะฟื้นหรือยัง”
“ฟื้นแล้วลูก ตอนนี้น้าพิงค์กับพี่ฟ้าครามช่วยกันดูแลอยู่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ค่ะคุณแม่ ตอนเย็นรินขอไปเยี่ยมพี่กระทิงที่โรงพยาบาลได้ไหมคะ”
“ได้สิลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่พาไปนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวยอมไปนั่งกินข้าวแล้วก็กินยาจากนั้นก็ไปนอนพักผ่อนเอาแรงต่อ จนกระทั่งถึงตอนเย็น เธอเองที่ยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่ก็ฝืนตัวเองลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะไปเยี่ยมกระทิงที่โรงพยาบาล
เวลาต่อมา
โรงพยาบาล
“ดารินเข้าไปก่อนเลยนะลูก เดี๋ยวแม่รอเข้าไปพร้อมกับพ่อของเราเอง”
“ค่ะคุณแม่”
หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปด้านใน ตรงไปยังห้องพักฟื้นที่กระทิงพักอยู่
ก๊อก ๆ ๆ
“ครับ” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากทางด้านใน ดารินก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทันที “อ่าวริน มากับใครล่ะ”
“รินมากับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เข้ามา พี่กระทิงเป็นยังไงบ้างคะเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
“แค่เส้นยึดน่ะ เลยขัดๆ นิดหน่อย ส่วนอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“รินขะ…”
“กระทิงข้าวต้มมาแล้วจ้า…” เสียงใสๆ ของใครบางคนทำให้ดารินหยุดชะงัก และไม่ยอมพูดต่อ
จนกระทั่งเจ้าของเสียงนั้นเดินออกมา
“อ้าวน้องดาริน มาเยี่ยมกระทิงเหมือนกันเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่รู้ข่าวว่ากระทิงรถคว่ำก็ตกใจมากรีบมาหาที่โรงพยาบาลเลย คืนนี้ก็ว่าจะนอนเฝ้าที่นี่ด้วย”
“อ๋อค่ะ”
“กินข้าวก่อนนะกระทิง จะได้กินยา” แยมวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าของกระทิง ก่อนจะทำท่าเหมือนจะตักป้อน
“ผมกินเองได้”
“เดี๋ยวแยมป้อนนะ ยังขัดๆ ที่แขนไม่ใช่เหรอ”
“อืม..”
ดารินยืนดูทั้งสองคนดูแลกัน เหมือนกับว่าเธอเป็นแค่สายลมที่ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย มันเจ็บดีนะ ไม่รู้ว่าเธอมาขัดจังหวะความสุขของเขาทั้งสองคนหรือเปล่า
“ระ รินขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“อ้าว แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรินบอกกับคุณพ่อคุณแม่เองว่าพี่สบายดีมีคนดูแลแล้ว” พูดจบดารินก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทันที
“อ้าวรินลูก ทำไมกลับออกมาแล้วล่ะ ไม่อยู่คุยกับพี่เขาก่อนเหรอ”
“ไม่ล่ะค่ะคุณแม่ เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ คุณพ่อคุณแม่อย่าเข้าไปเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะลูก”
“คือ พี่กระทิงเค้าหลับไปแล้วน่ะค่ะ รินกลัวว่าจะเข้าไปเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของพี่กระทิง”
“อ้าวเหรอ มาเสียเที่ยวซะได้เนี่ย แต่ไม่เป็นไรเราค่อยมากันใหม่ก็ได้ หรือไม่ก็ค่อยไปเยี่ยมพี่กระทิงที่บ้านเลยหลังจากที่พี่กระทิงออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“ค่ะ”
“ปะกลับบ้านกันนะลูก”