"ตา ผมอยากมีลูกเมื่อไหร่คุณจะยอมมีลูกให้ผมสักที" สิงห์ถามเมียสาวที่อยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมมีลูกให้เขาสักที
"เราไม่ต้องมีลูกกันก็ได้นี่คะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ตาว่ามันก็ลงตัวและดีมากๆแล้วนะ" รตาเอ่ยตอบสามีเสียงหวาน
"แต่ผมอยากมีลูก คุณก็รู้ว่าผมอยากมีลูกมากแค่ไหน ทำไมเรื่องแค่นี้คุณถึงไม่เข้าใจ" สิงห์ถามรตาอย่างมีอารมณ์ เขาอดทนรอวันที่เธอจะพร้อมยอมตั้งท้องมีลูกให้เขามานานแล้ว
"ใจเย็นๆสิคะ สิงห์ก็รู้ว่าตากลัวเจ็บ อีกอย่างถ้าตาท้องหุ่นตาก็จะต้องพัง ตารับไม่ได้หรอกค่ะ สิงห์อยากมีเมียไม่สวยเหรอคะ" รตาตอบเสียงหวานเธอพยายามทำให้เขาใจเย็น
"กลัวเจ็บหรอ กลัวไม่สวยเหรอ ผมหมดคำจะพูดกับคุณจริงๆ และผมบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าถ้าคุณมีลูกให้ผมไม่ได้ ผมก็จะไปมีกับคนอื่น" สิงห์พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปทันทีด้วยอารมณ์โมโห สิงห์ต้องการที่จะมีลูกภายในปีนี้ ถึงเขาจะไม่ได้แต่งงานกับรตา แต่ทุกวันนี้ที่เป็นอยู่ เขาก็ให้เธอทุกอย่างตามที่เธออยากได้ ไม่เคยขัดใจอะไรเลย
รตาที่ได้ยินว่าสามีจะไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นก็เกิดความเครียดวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในเมื่อตัวเธอยังทำใจรับกับการที่ตัวเองจะต้องท้องป่องหุ่นพัง และที่สำคัญตอนออกลูกก็แสนจะเจ็บ เธอทำใจไม่ได้หรอก ถึงเธอจะรู้ว่าเขาอยากให้ลูกอยู่ในงานแต่งงาน ถ้าเธอมีลูกให้เขา เขาก็จะแต่งงานกับเธอ แต่ถ้ามันต้องแลกมาด้วยการทำให้เธอต้องทรมานและไม่สวยเธอก็จะขอเลี่ยงให้ถึงที่สุด
'จะทำยังไงดีนะ' รตาพูดกับตัวเองอย่างใช้ความคิด
"ยินดีด้วยนะ มึงโคตรเก่งเลยที่สอบทุนนี้ได้ เพื่อนกูสุดยอดที่สุดเลย" พีมเอ่ยยินดีกับเพื่อน
"ขอบใจมากมึง กูก็ไม่คิดว่ากูจะได้เหมือนกัน" รดาตอบเพื่อนอย่างตื่นเต้น เธอเองก็ไม่คิดว่าจะได้ทุนนี้เหมือนกัน
"งี้มึงก็จะไปเป็นสาวเมืองนอกแล้วดิ กูอยากไปด้วยวะ อยากเรียนต่อโท ยังไม่อยากไปทำงานเลย" พีมร้องโอดครวญ ตอนนี้พวกเธอก็เรียนจบกันแล้ว เหลือแต่รับปริญญาเท่านั้น ซึ่งตัวเธอก็คงต้องกลับไปช่วยกิจการของที่บ้าน ต่างจากเพื่อนสนิทคนเก่งของเธออย่างรดา ที่สอบชิงทุนปริญญาโทได้ไปเรียนต่อถึงต่างประเทศเชียว
"เอาหน่า มึงก็เว่อร์ไป"
"เอ่อว่าแต่มึงจะกลับบ้านวันนี้เลยปะ" พีมถามเพื่อน
"ก็คงวันนี้แหละ" รดาตอบเพื่อนเสียงนิ่งซึ่งต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
"กริ๊ง กริ๊ง"
ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของรดาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"ค่ะคุณแม่"
รดารับสายด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์อะไร"
(เรียนจบแล้วก็รีบกลับบ้าน วันนี้แกต้องถึงบ้านก่อนห้าโมงเย็น ฉันกับรตามีเรื่องจะคุยกับแก) เดือนเพ็ญพูดจบก็กดตัดสายไปทันทีโดยไม่เปิดโอกาสรอให้รดาได้ตอบรับอะไรกลับไปบ้างเลย
"ป้าเพ็ญโทรมาว่าไงวะ" พีมถามเพื่อนเสียงเครียด เพราะร้อยวันพันปีเดือนเพ็ญไม่เคยโทรมาหาลูกสาวอย่างรดาเลย
"ก็ไม่มีไรแค่ให้รีบกลับบ้าน เอ่อ งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ ไว้เจอกันตอนรับปริญญาเลย" รดาบอกเพื่อน
"แล้วมึงจะบินไปเรียนต่อวันไหนวะ" พีมถามเพื่อนอย่างห่วยใย
"ก็หลังรับปริญญาแหละ หรือไม่กูก็อาจจะไม่เข้ารับแล้วบินไปก่อนเลย เดี๋ยวดูอีกที กูไปแล้วนะบาย" รดาตอบเพื่อนก่อนจะรีบบอกลาและขึ้นรถกลับบ้านทันที