หลังจากที่ออกจากมหาวิทยาลัยแอลไปด้วยความโมโห หยินเยว่ก็ตรงกลับบ้านทันที ตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักของเธอคงใกล้จะกลับมาถึงบ้านแล้ว เธอต้องทำอาหารอร่อยๆ ให้ลูกสาวทาน คิดได้ดังนั้นก็อดที่จะนึกโมโหตัวเองไม่ได้ ที่ไม่ได้ขอเงินจากหลิวถิงถิงมาบ้าง ดูมันแต่งตัวนักศึกษาแล้วดูดีมีออร่าขึ้นมาเชียว มันไปเอาเงินที่ไหนมาเรียนต่อกันนะ หรือว่ามันจะไปเป็นเด็กป๋าที่ไหน
ความคิดแย่ๆ ของหยินเยว่เริ่มทำงานเพราะความอิจฉาในตัวของหลิวถิงถิง ที่เกิดมามีรูปงามเป็นดังอาวุธ ที่สำคัญเรียนหนังสือเก่ง สอบได้อันดับหนึ่งของเมืองแอลทั้งๆ ที่ไม่เคยไปเรียนพิเศษจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ ขณะที่กำลังคิดขุ่นเคืองอยู่ภายในใจก็มีผ้าสีขาวมาปิดที่จมูกของเธอ ภาพที่เคยมองเห็นชัดเจนก็จางลงจนสติดับไป
หยินเยว่ถูกพาตัวไปไว้ในโกดังร้างแถวชานเมือง ทางด้านหลิวหยางที่กำลังจะเข้าบ้านหลังจากออกไปหาเพื่อนข้างนอกมา แต่ยังไม่ทันเข้าบ้านเขาก็ถูกผู้ชายร่างใหญ่ใส่ชุดสีดำทั้งชุดเดินชน ผ่านไปไม่นานสติที่มีก็เลือนรางและดับไป เขาไม่รู้ตัวเลยว่าภรรยาตัวดีของตนได้ไปกระตุกหนวดสิงโตเข้าให้เสียแล้ว
ร่างไร้สติของสองสามีภรรยาถูกนำมามัดไว้ที่โกดังร้างนอกชานเมือง ต้าฉินกับลูกน้องอีกสามคนนั่งรอให้ยาสลบหมดฤทธิ์ก่อนที่จะเริ่มสอบสวนนักโทษ คนอย่างหยินเยว่แค่คุกมันยังคงน้อยไป ถ้าได้รู้เรื่องราวในอดีตของนางจิ้งจอกคนนี้ เขาอยากจะรู้นักว่านายหลิวหยางยังจะรักเธอลงอยู่ไหม สายตาคมจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงวัยกลางคน นางผู้นี้ทำบาปมาเยอะถึงว่าชีวิตบั้นปลายจึงได้ตกต่ำเช่นวันนี้
“คุณชายให้จับสองคนนี้มาทำไมอะพี่ฉิน” ลูกน้องหนึ่งในสามเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ยัยนังผู้หญิงแก่คนนี้มันไปรบกวนเด็กในอุปการะของคุณชาย คุณชายเลยอยากให้สั่งสอนสักหน่อย ส่วนตาแก่นั่น พ่อของเด็กสาวคนนั้น เราต้องถามก่อนว่ารู้เห็นเป็นใจกับนังจิ้งจอกนี่หรือเปล่า ถ้ารู้เห็นกันก็สั่งสอนไปทั้งคู่ อย่าให้ไปยุ่งกับเด็กในอุปการะของคุณชายอีก”
ต้าฉินอธิบาย ลูกน้องอีกสามคนจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ สายตาคมทั้งสี่คู่ต่างจดจ้องไปที่นักโทษที่จับมา ก่อนที่จะสังเกตว่าทั้งสองเริ่มที่จะรู้สึกตัวแล้ว
“โอ้ะ! นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ฉันเพิ่งจะเดินออกจากมหาวิทยาลัยแอลมาไม่ใช่หรอ แล้วที่นี่มันที่ไหน”
หยินเยว่บ่นออกมาทั้งๆ ที่สายตายังปรับแสงไม่ได้ เธอค่อยๆ ขยี้ตาก่อนที่จะต้องตกใจที่เห็นชายแปลกหน้ารูปร่างสูงใหญ่สี่คนจ้องมองมายังเธอเขม็ง
“พวกแกเป็นใคร แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน”
หยินเยว่ตวาดขึ้นข่มความกลัว พร้อมกลับมองไปรอบๆ ก่อนที่จะตกใจเมื่อเห็นสามีของตนนั่งจ้องหน้าของตนอยู่ด้วยแววตาน่ากลัวไม่แพ้กับคนแปลกหน้าทั้งสี่คน
“เธอบอกว่าเพิ่งเดินออกจากมหาวิทยาลัยแอลมางั้นหรอ แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่น นี่อย่าบอกนะว่าเธอไปยุ่งกับหลิวถิงถิง”
เสียงกราดเกรี้ยวตวาดใส่หยินเยว่อย่างโมโห เขาสั่งแล้วว่าห้ามไปยุ่งกับลูกสาวของเขาอีก แต่นางหยินเยว่กลับขัดคำสั่ง
“โถ่พี่ ฉันก็แค่หวังดีกับพี่ หวังดีกับลูกซือเยว่” น้ำเสียงอ่อนลงมองหน้าสามีด้วยแววตาอ่อนแสง
“หวังดี หวังดีอะไร ไหนเธอบอกมาสิ ว่าเธอไปทำอะไรที่มหาวิทยาลัยนั่น” หลิวหยางยังคงตวาดใส่หยินเยว่อย่างโมโห
“ฉะ..ฉัน.......”
ต้าฉินมองดูและพิจารณาเหตุการณ์อยู่สักครู่ก็พอเข้าใจว่านายหลิวหยางนั้นไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับการที่นางหยินเยว่ไปหาหลิวถิงถิงในครั้งนี้ แต่ดูเหมือนจะสั่งห้ามนังจิ้งจอกไม่ให้ไปยุ่งกับบุตรสาวด้วย ในขณะที่นางหยินเยว่กำลังตอบนายหลิวหยางด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอยู่นั้น เสียงเข้มของต้าฉินก็ดังขึ้น
“ทำไมไม่บอกนายหลิวหยางไปล่ะ ว่าเธอไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อบังคับและกดดันให้หลิวถิงถิงลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วมาหาเงินเลี้ยงครอบครัว หึๆ ทีแบบนี้ทำเป็นพูดไม่ออก นี่นายหลิว นายไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ที่เมียนายไปทำเรื่องแบบนี้มากันแน่”
ต้าฉินเอ่ยขึ้นเสียงเย็น หลิวหยางมองไปที่คนแปลกหน้าก่อนที่จะหันไปเค้นเสียงถามหยินเยว่
“เธอ!!! ไปพูดแบบนั้นกับถิงถิงจริงๆ หรอ ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่งกับถิงถิงมันอีก ลูกของฉันมันกำลังไปใช้ชีวิตของมันเอง เธอมีสิทธิ์อะไรไปบอกให้ถิงถิงลาออกมาหาเงินเลี้ยงทุกคน!!!!”
“หึๆ ถ้าพี่เอาไหน ขยันหาเงินมาให้ฉันกับซือเยว่ใช้หน่อย ฉันคงไม่ต้องแบกหน้าไปหาถิงถิงที่มหาวิทยาลัยนั่นหรอก ความผิดก็เพราะพี่ทั้งนั้นแหละ เพราะลูกมีพ่อที่ไม่เอาไหนอย่างพี่ไง ฉันเลยต้องให้พี่สาวมันออกมาดูแลน้องแทนไง อีกอย่างไอ้หลิวตงตง ลูกชายพี่มันก็หายหัวไปเลย ตอนนี้สถานการณ์บ้านเราเป็นยังไงพี่ไม่รู้เลยหรือไง ฮือๆๆๆ”
หยินเยว่แสยะยิ้ม ก่อนที่จะคร่ำครวญร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายคนแปลกหน้าทั้งสี่ ต้าฉินกับลูกน้องนั่งฟังสองสามีภรรยาเถียงกันราวกับกำลังดูละครทีวีเรื่องหนึ่ง
“แล้วเธอ ทำไมไม่ทำงาน มัวงอมืองอเท้าเป็นคนพิการรึยังไง หยินเยว่ ฉันอดทนให้เธอโขกสับลูกสาวฉันมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปอย่าไปยุ่งกับถิงถิงมันอีก!!!” หลิวหยางตวาดใส่ภรรยาของตนอย่างไม่ไว้หน้า หยินเยว่มองเขาตาขวาง
“หึๆ ถ้าฉันจะยุ่งกับมันพี่จะทำไม มันต้องออกมาช่วยดูแลน้องสิ ในเมื่อพ่อมันไม่มีปัญญา มันเป็นลูก มันจะทิ้งให้น้องลำบากแล้วตัวมันมาสุขสบายอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกัน”
หลิวหยางเอือมระอากับหยินเยว่ เขารู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ความหลงครอบงำเขา จนยอมขายสมบัติที่มีทุกอย่างมาปรนเปรอนังจิ้งจอกตัวนี้ ที่วันนี้ได้แว้งกัดจะมาทำร้ายลูกของเขา ก่อนที่หลิวหยางจะได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ต้าฉินก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น
“เมื่อก่อนหลิว ถิงถิงอาจจะโดนป้าโขกสับ หรือใช้ได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้ป้าไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วล่ะ”
“ทำไมยะ แล้วแกเป็นใคร จับพวกฉันมาทำไม!!!”
หยินเยว่เอ่ยถามข่มความกลัว ดวงตาที่เกรี้ยวกราดของผู้ชายตรงหน้า น่ากลัวกว่าสามีของเธอที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก
“เราต้องขอโทษคุณหลิวด้วยนะครับ ที่ต้องเชิญคุณมาด้วยวิธีนี้ นั่นก็เพราะตอนแรกเรายังไม่แน่ใจว่าคุณมีส่วนที่บังคับให้หลิวถิงถิงลาออกจากมหาวิทยาลัยหรือเปล่า เราเลยต้องพามาเพื่อสืบหาความจริง แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าคุณยังคงมีสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ ไม่ได้ร่วมมือกับยังจิ้งจอกนี่”
น้ำเสียงอ่อนลงเอ่ยขึ้นกับชายวัยกลางคน ก่อนที่ลูกน้องคนหนึ่งจะไปแก้มัดให้นายหลิวหยาง ชายวัยกลางคนมองอย่างงงๆ
"ส่วนป้า เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย คุณหลิว ผมคงต้องขอเวลาส่วนตัวคุยกับภรรยาจิ้งจอกของคุณสักหน่อย”
เสียงเข้มหันไปบอกคนที่กำลังนั่งตัวสั่นมองไปที่สามีของตนที่ตอนนี้เป็นอิสระจากการถูกมัดแล้ว
“ไม่นะพี่ อย่าทิ้งฉันนะ ซือเยว่กำลังรอฉันอยู่ ลูกกลับมาบ้านแล้วคงหิวแย่ ฉันต้องกลับบ้าน ปล่อยนะ!!! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกแก!!!”
หยินเยว่อ้อนวอนผู้เป็นสามีที่กำลังลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินจากไป แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อนึกถึงบุตรสาวคนเล็ก
“คุณหลิวกลับไปก่อนนะครับ รับรองว่าผมจะส่งคุณหยินเยว่กลับบ้านอย่างปลอดภัย หลังจากเราทำความเข้าใจกันแล้ว”
ต้าฉินบอกกับหลิวหยาง เขามองไปที่ใบหน้าภรรยาที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนมา ก่อนที่จะมองไปยังคนแปลกหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่น่าจะธรรมดา นี่ลูกเขาไปรู้จักกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน
“ผมหวังว่าพวกคุณจะรับปาก ว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง” หลิวหยางเอ่ย ถึงภรรยาจะเป็นคนไม่ดี แต่เธอก็มีลูกสาวกับเขา ลูกสาวที่อายุเพียงสิบหกปี และตอนนี้น่าจะกำลังรออยู่ที่บ้าน
“มะ..ไม่นะพี่หลิว พี่อย่าทิ้งฉันไปนะ...” หยินเยว่อ้อนวอน
“คุยกับเขาสักหน่อยนะหยินเยว่ เผื่อเธอจะได้ดีขึ้น และเข้าใจอะไรง่ายขึ้น”
หลิวหยางบอกก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับชายแปลกหน้าหนึ่งในสี่ หยินเยว่น้ำตาไหล ก่อนที่จะหันไปถามผู้ชายแปลกหน้าที่คิดว่าเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้อย่างใจกล้า
“พวกแก........เป็นอะไรกับหลิวถิงถิง”
“พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกับเธอหรอก แต่กับนายของเราน่ะเธอเป็น....” ต้าฉินบอกพร้อมรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“ใครเป็นนายพวกแก นังถิงถิงมันไปขายตัวให้นายแกใช่ไหม” ความคิดน่ารังเกียจยังออกมาจากปากของหญิงวัยกลางคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด
“หึๆ สมองอย่างป้าคงคิดได้แค่นี้สินะ ทำไมถ้าคุณหลิวเธอขายจริงๆ ป้าจะไปไถเงินจากเธออีกหรือไง”
ต้าฉินหัวเราะออกมา ก่อนที่จะมองหน้าของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างรู้สึกเอือมระอา
“กะ...ก็ มันยังมีน้องที่ต้องดูแลไง ถ้ามันมีเงินมันก็ต้องแบ่งมาให้น้องบ้างพวกนายว่าจริงไหมล่ะ” หยินเยว่เอาลูกสาวของตนมาอ้าง
“หึๆ น้องที่ไม่ใช่น้องแท้ๆ น่ะหรอ” ต้าฉินแสยะยิ้ม หยินเยว่ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้ความลับเรื่องนี้ คนตรงหน้านี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน
"ถ้าป้ายังไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องนี้ ก็จงใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวอย่างสงบเสงี่ยม อย่าได้เสนอหน้าไปหาหลิวถิงถิงที่มหาวิทยาลัยอีก ถ้าป้าไม่ฟัง ป้าจะมาโอดครวญทีหลังไม่ได้นะ เพราะครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่ป้าเท่านั้นที่โดนจับมา อาจจะมีลูกสาววัยกำลังโตของป้าด้วย" ต้าฉินบอกก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา หยินเยว่รู้สึกหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาทันที