เมื่อการประมูลเครื่องเพชรจบลงต่อไปก็เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์พบปะพูดคุยกันของเหล่าคุณหญิงคุณนาย ไฮโซ เซเลบ ดาราทั้งหลายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม คิณที่ไม่ชอบความวุ่นวายนี้จึงปลีกตัวออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงข้างห้องจัดงานเงียบ ๆ คนเดียวโดยที่มีการ์ดสองคนยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกลในระยะที่สามารถมองเห็นเขาได้
“ว่าไงอิฐ แล้วนี่เราอยู่ไหนทำไมไม่กลับห้องสักทีเรื่องดื่มน่ะเพลา ๆ ลงบ้างเถอะ พี่กลัวโรคตับจะถามหาก่อนได้รับปริญญาเราน่ะสิ”
เสียงอบอุ่นอ่อนโยนของเอย อรนลินถูกส่งไปยังปลายสายพร้อม ๆ กับร่างบางที่ยังอยู่ในชุดเดินแบบในงานเดินออกมาจากมุม ๆ หนึ่งมายืนอยู่ข้าง ๆ คิณ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวตรงนี้ข้าง ๆ กันยังมีผู้ชายที่ตอนนี้สาว ๆ ในงานต่างตามหาเขากันให้ควั่กกำลังยืนพ่นควันสีเทาฟุ้งฟังการสนทนาของคนข้าง ๆ อย่างเพลิดเพลินเขาไม่ได้แอบฟังนะเสียงหวานหูของเธอมันดังเข้ามากระทบโสตประสาทของเขาเองต่างหาก
“แล้วเงินน่ะพอใช้ไหม ถ้าไม่พอให้บอกพี่รู้ไหมอย่าไปทำอะไรที่มันเสี่ยง ๆ พี่มีเราเป็นน้องชายคนเดียวนะพี่เลี้ยงไหว”
เสียงอบอุ่นอ่อนโยนชวนให้คนได้ยินรู้สึกรื่นหูยังคงถูกส่งไปที่ปลายสายเรื่อย ๆ
“ไม่หรอกพี่ไม่เหนื่อยหรอก งานพี่ไม่เห็นเหนื่อยเลยสบายมากสำหรับพี่”
เอยแสร้งทำเสียงร่าเริงสดใสอย่างกลบเกลื่อนเพื่อให้ปลายสายรู้ว่าเธอพูดความจริงทั้ง ๆ ที่บางครั้งถ่ายละครเธอแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ บางงานก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัดเพื่อถ่ายละครหรือถ่ายแบบใครว่าเป็นดาราสบายกันล่ะ เหนื่อยไม่ต่างกับงานทั่วไปหรอกนะ
หึ คิณกระตุกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกขบขันคนข้าง ๆ จะห่วงความรู้สึกน้องอะไรขนาดนั้นเหนื่อยก็แค่บอกว่าเหนื่อยจะโกหกไปทำไม เหมือนเขาเวลาทำงานเหนื่อย ๆ ทีไรเขาก็จะกลับบ้านไปอ้อนคุณหญิงเอมอรตลอดเวลาทุกครั้งที่มีโอกาส
“อืม โอเคดูแลตัวเองด้วยนะ มีอะไรก็บอกพี่ คิดถึงอิฐนะ วันไหนพี่ว่างมากินข้าวด้วยกันนะ”
เมื่อเสียงหวานใสจบบทสนทนากับคนปลายสายลงและกำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในงานก็เจอเข้ากับ ดนัย ไฮโซชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงยืนอยู่ข้างหลังเธอนี่เอง สายตาโลมเลียที่มองมาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบังมือข้างหนึ่งควงแก้วไวน์ราคาแพงเล่นก่อนจะกระดกทีเดียวรวดจนหมดแก้ว
“ว่าไงจ๊ะน้องเอย คืนนี้ไปต่อกับพี่ได้ไหมเอ่ย? จะคิดราคาเท่าไหร่พี่พร้อมจ่ายไม่อั้น สำหรับเอยคนสวยแล้วพี่ยอมทุ่ม”
วาจาหยาบคายถูกส่งออกมาจากปากของผู้ชายที่มีเชื้อผู้ดีและเป็นถึงไฮโซทำเอา เอย อรนลิน รู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนเดี๋ยวนั้น สายตาที่มองตอบกลับไปยังดนัยฉายชัดถึงความรังเกียจไม่ปิดบัง ถึงเธอจะชอบเงินแต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ยอมทำอะไรทุกอย่างเพื่อเงินขนาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้!!!
“เอยว่าคุณดนัยไปหาคนอื่นเถอะค่ะ เอยแค่รับงานมาเดินแบบไม่ได้มาทำอย่างอื่นค่ะ”
เอยตอบกลับปฏิเสธเสียงแข็งดังฟังชัดอย่างต้องการตัดจบให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียที
ในขณะที่คนข้าง ๆ ที่ยังคงพ่นควันสีเทาหม่นมวนที่สองยังคงยืนฟังอยู่เงียบ ๆ โดยที่ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยสักนิด
“ปฏิเสธเพื่อเรียกราคาเพิ่มเหรอ? พี่ให้ได้นะขอแค่เอยยอมไปกับพี่สองล้าน ห้าล้าน สิบล้านพี่ยังไหว ขอแค่ได้ชิมน้องเอยสักครั้งก็พอพี่ก็อยากจะรู้ว่าน้องเอยจะเด็ดสักแค่ไหนกันเชียว”
วาจาดูถูกที่ส่งมาครั้งที่สองทำเอาเอยอยากจะกรี๊ดออกมาเสียงดัง ๆ เหมือนตอนที่เธอเข้าฉากกับนางเอกตอนถ่ายทำละครแล้วยกมือขึ้นตะกุยหน้าหล่อ ๆ ที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยความโมโห
เขาดูถูกเธอมากเกินไปแล้วปกติเธอจะตัวติดกับพี่ซินดี้ตลอดเวลาแต่ตอนนี้ซินดี้ติดคุยงานละครเรื่องใหม่กับรับงานถ่ายแบบอยู่ ทำให้เธอที่มีสายเรียกเข้าต้องขอตัวออกมาคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งเงียบ ๆ คนเดียวโดยที่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนแอบตามมาตอแยเธอแบบนี้
ขณะที่กำลังตัวสั่นด้วยความโกรธแววตาฉายแววรังเกียจคนตรงหน้าไม่ปิดบังเอย อรนลินก็กำลังคิดว่า
เธอจะหนีจากเหตุการณ์บ้า ๆ นี้ไปได้ยังไงดี
คิณที่ยืนหันหลังให้คนทั้งคู่ก็เลือกที่จะหันมาเผชิญหน้ากับทั้งสองคนตรง ๆ เขาไม่ได้เสียมารยาท ที่ตรงนี้เขามาก่อนแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเองต่างหาก
ดวงตาคมนิ่งสุขุมสบเข้ากับดวงตากลมโตของเอยที่กำลังมองมาทางคิณเช่นกัน เขา...ผู้ชายตรงหน้าเธอยังดูน่าไว้ใจกว่าคนหัวงูข้างเธอเป็นไหน ๆ คิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดร่างบางพุ่งเข้ามากอดแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอาไว้แน่นมือที่เกาะไว้สั่นจนคิณรับรู้ได้ว่าเธอกำลังรู้สึกโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน
“ขอโทษนะคะคุณดนัย แต่เอยมีนัดกับคุนคิณก่อนแล้วค่ะ”
เอยพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นก่อนจะบอกคนตรงหน้าที่เบนสายตามายังทิศทางที่เธอพุ่งเข้ามากอดแขนคิณเอาไว้มือบางกระชับกอดแน่นขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่คนข้าง ๆ ก็ไม่ได้สะบัดออกหรือดึงมือออกแต่อย่างใดเขายังคงปล่อยให้เธอใช้เขาเป็นเกราะกำบังโดยที่ไม่คิดจะปฏิเสธดนัยเลยแม้แต่น้อย
เอยขอโทษนะคะคุณคิณเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็จริงแต่ขอร้องได้โปรดช่วยเอยคนนี้ด้วยเถอะนะคะ เอยได้แต่เอ่ยขอโทษและขอร้องคิณในใจเงียบ ๆ
“อ้อ ที่ปฏิเสธพี่เพราะจะไปกับคุณคิณสินะ หึ หัวสูงใช้ได้นี่เรา”
ดนัยลากเสียงยาวอย่างต้องการกวนโทสะเอยลิ้นพลันดันกระพุ้งแก้มด้วยความไม่พอใจที่แม่กวางน้อยเหยื่อของเขากำลังจะหลุดมือไป แต่เมื่อเขาสบตาเข้ากับสายตาคมที่นิ่งและดุดันที่จ้องมองมาเขาก็คิดว่าไม่ควรคิดที่จะเป็นศัตรูกับคนแบบ คิณ อัคนี
คน ๆ นี้นับว่าอายุยังน้อยก็จริงแต่เก่งกาจมากในเรื่องการบริหารธุรกิจจนได้รับรางวัลนักธุรกิจดีเด่นถึงสี่ปีซ้อนและเท่าที่รู้มาใครที่เลือกจะเป็นศัตรูกับ คิณ หมอนี่มันซัดไม่เลือกหน้าสักคน จะเด็กกว่าหรือผู้ใหญ่แก่คราวพ่อ คนแบบคิณ อัคนี ไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้นหรืออีกนัยหนึ่ง...
หมอนี่มันเป็นมาเฟียในคราบนักธุรกิจต่างหากล่ะ
“โอเค โอเค งั้นพี่ไม่กวนละ ขอให้มีความสุขนะจ๊ะน้องเอย”
วาจาจาบจ้วงไม่ให้เกียรติถูกส่งมาตบท้ายก่อนที่ดนัยจะสาวเท้าเดินจากไปอย่างอารมณ์เสียขั้นสุดแต่ก็ต้องทนเก็บอาการเอาไว้
มือเล็กสั่นเทาที่เผลอจิกเล็บลงบนต้นแขนแกร่งของคิณรีบคลายออกจากท่อนแขนแข็งแรงนั้นทันทีราวกับว่ามันเป็นของร้อนที่แตะต้องไม่ได้ (แต่หนูไปกอดแขนพี่เขาก่อนนะลูก)
“เอ่อ เอยขอโทษนะคะที่เอาชื่อคุณคิณมาอ้างแบบนี้ เอยขอโทษจริง ๆ ค่ะ แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ไม่สะบัดแขนเอยออกตอนนั้นเอยคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ”
น้ำเสียงหวานใสเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดก่อนที่ดวงตากลมโตจะสบตากับดวงตาสีนิลของคนตรงหน้าอย่างต้องการจะขอโทษที่ดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
คิณเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยที่ได้ยินประโยคนี้ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มมุมปากนิ้วเรียวสวยขยี้ก้นบุหรี่ลงกับระเบียงอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“หึ งั้นขอค่าตอบแทนหน่อยแล้วกันเธอคงไม่ว่ากันนะ”
พูดจบก็ก้มหน้าลงมาหาคนตรงหน้าทันทีโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ประมวลผล ริมฝีปากสีไวน์ก็ฉกเข้าที่ริมฝีปากสีพีชสวยนั้นโดยที่เอยไม่ทันได้ตั้งตัว ฟันสวยขบเม้มกลีบปากบางเบาจนเธอเผลอเปิดปากลิ้นร้ายก็รีบแทรกเข้าไปฉกชิมความหวานข้างในปากเธอทันที คิณยกมือขึ้นมาบังคับศีรษะของเอยให้อยู่ในทิศทางที่สามารถรับจูบของเขาได้อย่างถนัดถนี่
อืม หวานใช้ได้เลยนี่
ลิ้นร้ายยังคงไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างไม่ยอมรามือในขณะที่เอยตอบสนองคิณด้วยความเงอะงะอย่างคนไม่เคยมีประสบการณ์และยังคงตกใจที่อยู่ ๆ ก็โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัว
“จูบแรก” ของเธอ คุณคิณ อัคนี เอามันไปแล้ว!!
จูบมาราธอนนี้ไม่ได้มีช่องว่างให้เธอได้สูบอากาศเข้าปอดมากนัก เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจจากความตะกละตะกลามของคนตรงหน้า มือเรียวบางทุบลงไปที่อกแกร่งนั้นหนึ่งที ก่อนที่คิณจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งเขานึกเสียดายอยู่ไม่น้อย ดวงตาหวานฉ่ำที่มองสบตากับเขาดูเย้ายวนโดยที่เอยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังทำหน้าแบบนี้ใส่เขาอยู่
“นี่ถือเป็นคำขอบคุณจากเธอก็แล้วกันเพราะฉันไม่รับเป็นคำพูด แต่ขอรับเป็นการกระทำแทนแล้วกันนะสาวน้อย ขอบคุณนะสำหรับจูบแบบเด็กอนุบาลมันก็หวานดี”
คิณพูดจบก็กระตุกยิ้มแบบแบด ๆ ออกมาก่อนจะล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเอื่อย ๆ เดินไปจากตรงนี้ทันที ทิ้งให้เอยยืนนิ่งอึ้งด้วยความเขินอายอยู่เพียงลำพัง กว่าจะรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่เธอโดนพรากจูบแรกไปร่างสูงของคิณก็หายลับไปจากสายตาของเธอแล้ว
“คะ คนบ้า นึกจะจูบก็มาจูบกันดื้อ ๆ แบบนี้เหรอ”
เอยแสดงท่าทีฮึดฮัดฟึดฟัดอย่างขัดใจอยู่คนเดียวมือบางยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากที่ถูกบดจูบเมื่อครู่อย่างแผ่วเบาก่อนรอยยิ้มจะค่อย ๆ เผยออกมา
“จูบแรก” ของเธอถ้าเป็นเขาเธอก็ไม่นึกรังเกียจหรอกมั้ง
“ต๊าย ตาย ลูกสาวมาอยู่ตรงนี้เองแม่ตามหาตั้งนานรู้ไหม กำลังคุยงานอยู่ดีๆหันมาอีกทีลูกสาวหายไปแล้วตกอกตกใจหมดนึกว่าโดนใครคาบไปกินแล้วซะอีก”
เสียงร้องวีดว้ายอย่างตกใจของซินดี้ดังขึ้นทันทีที่เห็นหน้าลูกสาวสุดที่รักของเธอ
“เปล่าหรอกค่ะ พอดีอิฐโทรมาเอยเลยออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอก”
ไม่ได้โดนคาบไปกินหรอกค่ะแค่โดนผู้ชายจูบแบบไม่ทันตั้งตัวเฉย ๆ เธอคิดในใจเพียงเงียบ ๆ คนเดียว
“เฮ้อ แม่ล่ะโล่งอก เราน่ะมันอ่อนต่อโลกกลัวจะโดนใครเขาล่อลวงไปน่ะสิ”
ซินดี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ลูกสาวยังอยู่ดีไม่มีบุบสลายตรงไหน
ซะที่ไหนกันล่ะ!!!
“เรากลับกันเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วเอยเหนื่อยจังเลย ปวดขาด้วยใส่ส้นสูงนาน”
ร่างบางรีบอ้อนซินดี้ทันทีเธออยากพักผ่อนกายและใจมากเธอโดนผู้ชายจูบจนหัวใจดวงน้อย ๆ หวั่นไหวไปหมดใจเธอไม่ไหวแล้วตอนนี้
“กลับก็กลับแต่ต้องเข้าไปลาผู้หลักผู้ใหญ่ในงานกันก่อน ไปลามาไหว้น่ะจำไว้นะเอยนะ ไปงานไหนเราต้องมีสัมมาคาราวะ รู้จักบอกกล่าวผู้หลักผู้ใหญ่นะลูกนะคนเขาจะได้รักเอ็นดูเรา”
ซินดี้เอ่ยปากสอนลูกรักอย่างต้องการให้เอยจำขึ้นใจถึงมารยาทที่ดีงามสังคมที่เธออยู่ยิ่งนอบน้อมมากเท่าไหร่เธอก็จะอยู่ในวงการนี้ได้นานมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อกลับเข้ามาในงานเพื่อร่ำลาผู้ใหญ่เอยกับซินดี้ก็เจอเข้ากับคุณหญิงเอมอรที่กำลังจะกลับเช่นกันข้างกายเธอมีร่างสูงสมส่วน Body เพอร์เฟกต์โครงหน้าหล่อเหลาเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายยืนอยู่เคียงข้างกัน
เอยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงหน้าตาดีขนาดนี้เพราะขนาดคุณหญิงเอมอรผู้เป็นมารดาถึงแม้อายุจะล่วงเข้าวัย 50 กว่าปีแล้ว แต่ยังคงความสวยที่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าสมัยสาว ๆ นั้นคือสวยมาก ๆ แน่นอนว่าหล่อได้แม่มานี่เอง เอยคิดในใจพลางหลบสายตาคมที่มองมาเธอแสร้งมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการหวั่นไหวที่เกิดขึ้นกับเธอ
“ตกลงตามนั้นนะจ๊ะหนูซินดี้ เดี๋ยววันนัดหมายถ่ายงานฉันจะให้เลขาโทรมาแจ้งหนูอีกทีนะ”
คุณหญิงเอมอรยิ้มอย่างดีใจเมื่อเธอดีลงานถ่ายแบบโปรโมตห้างและโรงแรมไว้กับซินดี้ผู้จัดการส่วนตัวของเอย นางแบบสาวที่เธอถูกตาต้องใจอยากให้มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางห้างและโรงแรมโดยตกลงสัญญากันที่หนึ่งปี
“ได้ค่ะคุณหญิงขา ซินดี้กับน้องเอยดีใจมากเลยค่ะที่ได้ร่วมงานกับสุริยวานิชกุลกรุ๊ป”
ซินดี้จีบปากจีบคอชื่นชมบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างดีใจเหมือนบุญหล่นทับมากเลยงานช้างมากงานนี้
“โอเคจ้ะ งั้นฉันกลับก่อนนะหนูดีใจที่จะได้ร่วมงานกันนะหนูเอย”
ยิ้มอย่างใจดีถูกส่งไปให้สาวสวยรุ่นลูกในขณะที่เอยกระพุ่มมือไหว้ลาอย่างนอบน้อม สวยจริง ๆ เลยเด็กคนนี้ทำไมนะทำไมตาคิณถึงไม่สนใจน้องเลย นี่อยากได้เป็นลูกสะใภ้แม่มากเลยถูกใจอยากได้คนนี้แต่ลูกไม่เล่นด้วยเลย (คุณแม่ขาเขาไปจูบกันมาจนปากเปื่อยแล้วค่ะ)
ดวงตาคู่สวยฉายแววเสียดายนิด ๆ ที่ลูกชายเมินเฉยต่อสาวสวยตรงหน้าก่อนที่คุณหญิงเอมอรจะควงแขนลูกชายเดินจากไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าดวงตาสีนิลคู่คมสบตากับสาวสวยจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี ก่อนที่คิณจะยิ้มมุมปากแล้วเดินตามแรงลากของมารดาไปทิ้งให้ร่างบางหัวใจเต้นแรงตึกตักอยู่ข้าง ๆ ซินดี้ ราวกับหัวใจของเธอถูกผู้ชายที่เดินจากไปกระชากติดมือไปด้วยอย่างไรอย่างนั้นเลย