Melon Talk
หลังเลิกเรียนฉันก็รีบขับรถกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานที่ร้านเหล้า ฉันจอดรถที่ซื้อเงินผ่อนจากพี่แอมแฟนเจ้าของร้านเหล้าที่ฉันทำงานไว้หลังบ้านก่อนจะดับเครื่องและรีบเดินเข้าบ้านเงียบๆ แต่โชคร้ายที่ไอ้ขนุนน้องชายคนเล็กดันอยู่บ้านและที่สำคัญมันกำลังจ้องฉันไม่วางตา
“มองไร”
“ป่าว”
มันตอบพร้อมทำหน้ายียวนใส่ก่อนจะยกเท้าพาดโต๊ะดูทีวีท่าทางสบายใจ ไอ้ขนุนเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านตอนนี้อยู่ปี1คณะนิเทศน์ มันเป็นคนขี้เกียจ ในขณะที่ฉันหางานทำและพี่กล้วยหอมกับแตงโมเปิดร้านอาหารตามสั่งหน้าบ้านตอนเย็น ไอ้เวรนี่กลับมานอนดูทีวีสบายใจแถมยังพูดมาได้หน้าตาเฉยว่าไม่ใช่หน้าที่
“ถามจริงเหอะ มึงไม่คิดจะออกไปช่วยพี่กล้วยกับไอ้โมบ้างรึไง”
“แล้วทำไมพี่เมไม่ไปช่วยเองอ่ะ”
“กูก็มีงานของกูป่ะ”
“งานร้านเหล้านั่นรึไง”
มันสวนเสียงแข็งทำหน้าจริงจังอย่างกับว่าฉันไปทำอะไรผิดมางั้นแหละ ถึงฉันจะทำงานร้านเหล้าแต่งานฉันมันก็สุจริจนะเว้ย
“กูไปเป็นนักร้อง ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี”
มันเบะปากใส่ก่อนจะปิดทีวีและเดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไป ถ้าไม่ติดว่ามันมีแฟนเป็นผู้หญิงฉันคงคิดว่ามันเป็นตุ๊ดเพราะไอ้นี่มันหน้าหล่อออกไปทางหวานๆบางครั้งก็มีท่าทางตุ้งติ้ง บ่อยครั้งฉันก็แอบสงสัยว่ามันเป็นรึป่าว
“อ้าวพี่เม มาแล้วเหรอ”
เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองเห็นแตงโมเดินเข้ามาพร้อมพี่กล้วยหอมในมือทั้งคู่มีถุงกับข้าวพะรุงพะรัง
“จะไปไหนอีก”
พี่กล้วยหอมเอ่ยถามเสียงขุ่นคลายไม่พอใจ อาจเป็นเพราะว่าเมื่อเช้าเราเพิ่งทะเลาะกันเรื่องที่ฉันไปทำงานกลางคืน พี่กล้วยหอมจึงยังโกรธอยู่
“ไปทำงาน”
ฉันเอ่ยตอบกลับไปเสียงห้วนๆไม่ต่างกัน ในเมื่อพี่กล้วยหอมคิดบังคับฉันอย่างไม่มีเหตุผล ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เธอควรรู้ว่าที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อครอบครัวของเรา ฉันพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเข้าบ้านแต่แทนที่เธอจะภูมิใจกลับเอาแต่ดุด่าบังคับฉัน
“ที่พี่พูด เมไม่คิดจะฟังใช่มั๊ย”
“ก็คงงั้น”
ฉันเดินหนีขึ้นบันไดเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่พี่กล้วยหอมยังตามมาพูดนู่นพูดนี่จนฉันรู้สึกรำคาญ
“เมเป็นผู้หญิงไปทำงานกลางคืนมันอันตราย”
“ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น จะซีเรียสไปทำไม”
ฉันถอดเสื้อนักศึกษาออกจนเหลือแค่บราก่อนจะหยิบเสื้อยืดสีดำในตู้เสื้อผ้ามาสวม
“แต่พี่เป็นห่วง”
มือที่กำลังจะหยิบกางเกงยีนส์ชะงักรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าไม่ถูกสักเท่าไหร่ ครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวที่พูดจาดีต่อกันมากนัก พอมาได้ยินอะไรแบบนี้มันก็เลยรู้สึกแปลกๆ
“โตแล้ว ดูแลตัวเองได้”
ฉันเอ่ยเสียงอ่อนลง อีกไม่นานฉันก็จะผ่อนรถคันนี้หมดแล้วยังไงฉันก็ต้องไปทำงาน แม้ไม่อยากมีปัญหากับพี่กล้วยหอมแต่มันก็จำเป็น
ร้านMB
“ทำไมวันนี้มาช้าครับพี่”
เคน บาร์เทนเดอร์ประจำร้านเอ่ยทักทายฉันเป็นคนแรกพร้อมยื่นแก้วไวน์มาให้ ไอ้นี่มันอายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี มันเรียนปี2แต่อยู่คนละมหาลัย ตอนเย็นก็มารับจ็อบชงเหล้าที่ร้าน ฉันกับมันสนิทกันพอสมควรเพราะเข้ามาทำงานที่นี่ไล่เลี่ยกัน
“มีปัญหานิดหน่อย”
“ทะเลาะกับที่บ้านมาเหรอ”
ฉันเคยเล่าให้มันฟังว่าพี่สาวฉันชอบบ่นเรื่องที่กลับบ้านดึกและเรื่องที่มาทำงานในร้านเหล้า มันจึงรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันมาช้าก็เพราะทะเลาะกับที่บ้านอยู่
“อืม ก็รู้ว่าห่วงแต่มันจำเป็น ชีวิตต้องใช้เงินจะอยู่เฉยได้ไงวะ”
“จริงพี่”
ไอ้เคนพยักหน้าเห็นด้วยเพราะตัวมันยังหาเงินใช้เองจึงเข้าใจความจำเป็นของฉันที่ต้องสละเวลานอนมาทำงานกว่าจะได้กลับบ้านพักผ่อนจริงๆก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วแถมบางวันยังต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก
“ว่าแต่เจ๊แอมยังไม่มาเหรอ”
ไอ้เคนยิ้มกรุ้มกริ่มพยักเพยิดหน้าขึ้นไปด้านบนก่อนยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูฉัน
“เมื่อคืนเจ๊แอมทะเลาะกับเฮีย ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย สงสัยเคลียร์กันยาว...ทั้งคืน
“ทะลึ่งนะมึงอ่ะ”
ฉันตบหัวไอ้เคนไปทีนึงเพราะรู้ดีว่ามันจะสื่ออะไร เจ๊แอมกับเฮียก็อย่างนี้แหละเวลาทะเลาะกันก็จะขึ้นไปเคลียร์บนห้องและน่าจะจบลงบนเตียง สุดท้ายก็กลับมาคืนดีกัน แฮปปี้เอนดิ้ง
“เรื่องจริงทั้งนั้น”
“เออ กูรู้ว่าจริงแต่มึงอย่าเที่ยวเอาไปพูด เข้าใจป่ะวะ”
“ครับ เข้าใจแล้ว”
ฉันยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มก่อนจะวางลงและหยิบกีต้าร์ตัวโปรดมาตั้งสายฆ่าเวลารอร้านเปิดเพราะตอนนี้ยังไม่หกโมงเย็น
“เออ พี่เม เมื่อวานหลังจากพี่กลับบ้าน มีคนมาถามหาพี่ด้วยนะ”
จู่ๆไอ้เคนก็เอ่ยบอกฉันเหมือนนึกขึ้นได้ มันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนส่งแผ่นกระดาษเล็กๆให้ฉัน ลายมือที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของกระดาษแผ่นนี้เป็นใคร
“คิดถึง ถุยเหอะ”
ฉันขยำกระดาษเป็นก้อนกลมก่อนปาลงถังขยะอย่างแม่นยำ
“มีหนุ่มมาจีบอ่ะดิ”
ฉันไม่สนใจสีหน้าและน้ำเสียงล้อเลียนของไอ้เคนก้มหนาก้มตาจดจ่อกับกีต้าร์ตัวโปรด บอกตามตรงถึงฉันจะเคยรักมิดไนท์มากแค่ไหน แต่ตอนนี้ฉันกลับเกลียดมันเข้ากระดูกดำ
“หนุ่มมาจีบทำเป็นเล่นตัวนะพี่เม โอ๊ย”
เสียงเพี๊ยะดังขึ้นตามด้วยเสียงร้องโอดโอยของไอ้เด็กปากมาก ฉันถลึงตาดุใส่มันก่อนจะคว้ากีต้าร์และเลี่ยงไปนั่งที่อื่นเพราะรำคาญไอ้เคนที่เอาแต่พูดไม่หยุด
“เจ็บนะพี่”
มันลูบหัวป้อยๆยู่ปากใส่ฉันและหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดแก้วต่อ แต่ฉันก็แอบเห็นมันทำปากขมุบขมิบไม่รู้ว่ากำลังด่าอะไรฉันอยู่รึป่าว...