เด็กผมช่างร้าย ตอนที่ 14 ค่ายอาสา
PART สไมล์
ตั้งแต่เมื่อวานที่พี่เขาเดินออกจากห้องสโมสรไปนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วฉันก็ไม่ได้เจอหน้าพี่เขาอีกเลย ไอ้ปังก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพี่เดย์ให้ฉันฟัง ตอนนี้ฉันคงกลับมาใช้ชีวิตตัวคนเดียว ไม่มีคนคอยไปรับไปส่ง ไม่มีคนคอยตามใจอีกแล้วสินะ
“ไอ้ไมล์รถจะออกแล้ว” ไอ้ปังชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถบัส แล้วตะโกนเรียกฉันให้ขึ้นรถ
“รู้แล้วๆ”
ฉันเดินขึ้นรถไปนั่งข้างๆ ไอ้ปัง ส่วนไอ้นายนู้นนน นั่งอยู่กับพี่อัศวิน ไม่รู้ว่าฉันตกข่าวตอนไหน เพราะว่าตอนนี้ไอ้นายคบกับพี่อัศวินเฮดว๊าก ปี 3 เรียบร้อย ไอ้นี่มันร้ายยนะคะ 5555
“นั่งรถกี่ชั่วโมงว่ะ” ฉันถามไอ้ปังแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาใส่
“ประมาน 3 ชั่วโมงมั้ง”
ฉันพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ สามชั่วโมงนอนยาวๆ เลยล่ะกัน เสียงดนตรีช้าๆ เพลงโปรดของฉัน มันกล่อมให้ฉันเข้าสู่นิทราได้ไม่ยาก
เสียงเครื่องยนต์ดับลงแทนที่ด้วยเสียงของคลื่นทะเลกลิ่นไอ้เค็มๆ จากน้ำทะเลลอยมาตามลมปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้นมา
“ถึงแล้วเหรอ” ฉันพึมพำบาๆ แล้วสะกิดปลุกไอ้ปังที่นอนซบไหล่ฉันอยู่”ไอ้ปังตื่นๆ ถึงแล้ว” ฉันเขย่าแขนไอ้ปังเบาๆ แม่งเอ๊ยย...ปากแม่งมีคาบน้ำลายด้วย ซกมกฉิบหายเพื่อนฉัน
“อืออ..ฉันตื่นแล้ว”
“ถ้าตื่นแล้วก็ลุกสิ”
“แกนี่บ่นเก่งกว่าพี่ฉันอีก”
ฉันกับไอ้ปังรับกระเป๋ามาถือไว้แล้วเดินไปหาไอ้นายเพื่อรวมตัวกับนักศึกษาปี 1 ที่ยืนเข้าแถวกันอยู่ตรงชายหาดหน้าที่พัก
“ปี 1 เงียบๆ หน่อยนะคะ” เสียงพี่ปีสองพูดเตือนนักศึกษา ปี 1 ให้เบาเสียงลง
“กิจกรรมค่ายอาสาปีนี้เราจะอยู่ที่นี่กันสามวันสองคืน พี่จะให้น้องๆ จับคู่กันสองคนแล้วมารับกุญแจห้องที่พี่ปีสองด้านนู้นเลยนะคะ แล้วตอน 6โมงเย็นเราจะมารวมกันใต้อาคารอีกที” พี่อัศวินพูดแจกแจงรายละเอียดสำหรับค่ายปีนี้
“พวกแก แต่เรามีกันอยู่ 3 คนเอาไงดีวะ”
ฉันกับไอ้ปังหันหน้าไปมองไอ้นาย นั่นสิ พี่เขาให้จับคู่กันสองคนแต่พวกฉันมีสามคนคงต้องมีหนึ่งคนที่แยก
“เดี๋ยวฉันแยกเอง” ฉันเสียสละแยกห้องกับพวกมัน แค่แยกห้องนอนสองคืนเอง เวลากิจกรรมยังไงก็ต้องมาเจอกันอยู่ดี
“ไม่ได้!!” ไอ้ปังกับไอ้นายพูดขึ้นมาพร้อมกันทันทีที่ฉันบอกว่าจะเป็นคนแยกออกมา
“น้องสไมล์คะ” เสียงของพี่ปีสองเรียกฉันให้เดินเข้าไปหา
“พี่มีอะไรรึเปล่าคะ”
“นี่กุญแจของน้องค่ะ”
พี่เขายื่นกุญแจมาตรงหน้า ฉันเลยรับไว้แบบงงๆ
“แต่ฉันยังไม่มีคู่เลยนะคะ”
ฉันส่งสายตาเป็นคำถามให้พี่เขาไป แต่กลับไม่ได้คำตอบแถมพี่เขายังเดินไปหาไอ้ปังกับไอ้นายแล้วยื่นกุญแจให้อีก
“ไอ้ไมล์ งั้นเดี๋ยวฉันไปเก็บของก่อนนะ ส่วนแกรีบเข้าห้องไปอาบน้ำได้แล้ว”
ฉันแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้วเดินตามทางเพื่อหาห้องหมายเลข 167 คิดว่าห้องนี้พวกรุ่นพี่น่าจะส่งคนไม่มีคู่มาอยู่กับฉันนั่นแหละ ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าประตูแล้วไขกุญแจเข้าไปในห้อง ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวมีกุหลาบโรยอยู่บนเตียงซึ่งเป็นเตียงสวีท!!
แต่เดี๋ยวนะ ฉันมาผิดห้องรึเปล่า? ฉันก้มมองที่กุญแจในมืออีกครั้ง ถ้าเกิดเข้าผิดจริงๆ คงไขเข้ามาไม่ได้แน่ๆ
เสียงสายน้ำไหลกระทบพื้นดังออกมาจากในห้องน้ำ เอาว่ะไอ้ไมล์ แค่สองคืน จะใครก็ช่างแม่งเถอะ ฉันคิดอย่างปลงๆ แล้วลงมือจัดกระเป๋าเข้าที่ให้เรียบร้อย
“เชี่ย!!” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันหน้ามาแล้วชนเข้ากลับแผงอกกว้างที่มีหยดน้ำเกาะตามตัว
“พูดไม่เพราะ”
เหมือนกำลังตกลงไปในเหวลึก แล้วมีคนมาฉุดมือฉันไว้ให้กลับขึ้นมา พี่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง....
“พะ..พี่” เสียงที่เปล่งออกมามันเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลม ตลอดเวลาสองวันที่ไม่เจอ....พี่เขาไปอยู่ที่ไหนมา....
“ขี้แยอีกแล้วนะ” มือหนาบรรจงเช็ดน้ำตาให้ร่างบางตรงหน้าอย่างอ่อนโยน เธอคิดถึงโหยหาอยากกอดคนตรงหน้าแทบใจจะขาด
“พี่...เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
ฉันค่อยๆ เอ่ยถามออกมาอย่างยากลำบาก เสียงที่สั่นของฉันมันบ่งบอกได้ดีว่าคิดถึงผู้ชายตรงหน้านี้มากแค่ไหน แม้จะอยากโกรธ อยากที่จะถอยออกมาให้ห่าง แต่ใจมันกลับไม่รักดีคอยแต่คิดถึงอยู่ตลอด
“หื้มม...ใครกันแน่ที่เข้ามาในห้องคนอื่น”
เออว่ะ!! ฉันเดินเข้ามาในห้องพี่เขานี่หว่า เอ้า!! แต่กุญแจห้องมันคือห้องนี่นะ
“งั้นฉันขอตัว” ฉันเดินเบี่ยงตัวหลบพี่เขาออกมาเพื่อที่จะเดินไปขอให้พี่เปลี่ยนห้องให้ แต่กุญแจในมือฉันกับถูกพี่ยึดไว้
“พี่เดย์!! ฉันขอกุญแจคืนด้วย”
ฉันพยายามกระโดดแย่งกุญแจในมือจากพี่เขาที่ชูขึ้นเหนือหัว โอ๊ยยย....ทำไมต้องเกิดมาเตี้ยด้วยว่ะ !! ชักจะโมโหแล้วนะ
“ถ้าอยากได้คืนก็มาแย่งไปเองสิ”
ฉันยื้อยุดฉุดกระชากแขนพี่เขา จนเราทั้งคู่ต่างล้มลงไปที่พื้นโดยที่ฉันล้มทับตัวของพี่เขาไว้
“พี่จะแกล้งฉันทำไมเนี่ย”
“หึ”
What ??? หึ นี่หมายความว่าไง?
จบประโยคสั้นๆ พี่เขาก็พลิกตัวกลับมาขึ้นคร่อมตัวฉันแทน เชี่ยยย!! ท่าล่อแหลมเกินไปแล้ว แม่งเอ๊ย เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ ทั้งตัวพี่เขามีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว บรรยากาศก็ชวนให้เสียตัวสุดๆ
ไม่ได้ๆ ไอ้ไมล์ แกกำลังโกรธเขาอยู่นะอย่าใจอ่อนเด็ดขาด ฉันพูดเตือนสติตัวเองในใจ
“ลุกออกไปมันหนัก” ฉันผลักอกพี่เขาเบาให้ลุกออกไป
“ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ” น้ำเสียงตัดพ้อถูกส่งออกมาจากผู้ขายตัวโตที่คร่อมร่างฉันอยู่
คิดถึงเหรอ....ทำไมฉันจะไม่คิดถึงล่ะ....แต่ฉันไม่กล้าที่จะพูดออกไปแบบนั้น ถ้อยคำรุนแรงที่พี่เขาเคยพูดกับฉันยังคงย้ำเตือนได้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ฉันไม่อยากให้ตัวเองต้องมานอนร้องไห้อีกแล้ว
“ในเมื่อฉันมันร่าน พี่ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำแบบนี้กับฉันหรอก”
“ขอโทษ”
คำขอโทษถูกเปล่งออกมาพร้อมกับสายตาอ้อนวอนที่ถูกส่งออกมาจากคนตัวโต ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี....
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ” ฉันเมินหน้าหนีสายตาคมที่ยังคงมองมาไม่หยุด
“ฉันรู้ว่าฉันผิด ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี”
“พี่แม่งเหี้ย”
“แต่เธอก็ได้เหี้ยเป็นผัว”
พี่พูดแล้วไม่ต้องยิ้มหวานขนาดนี้ก็ได้ไหม!! เชี่ยยยย....คือฉันด่าพี่อยู่นะ มายิ้มหวานทำอะไร แม่งเอ๊ยย....จะใจแข็งกับพี่เขาได้นานแค่ไหนเนี่ย
“พี่มายุ่งกับฉันทำไมเนี่ยยยย”
“ก็เธอเมียฉัน”
ฮือออ......ฉันใจอ่อนแล้ววววว.....หยุดทำหน้าทำตาแบบนั้นได้แล้ววว....ในที่สุดฉันก็แพ้ทางพี่เขาจนได้
“หนัก ลุกไปได้แล้ว !!” โมโหกลบเกลื่อนแม่งง
“คิดถึงนะครับ ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
พี่เขาทิ้งน้ำหนักลงมาแล้วซบหน้าที่อกฉัน ตอนแรกก็ไม่หนักเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มหนักจริงๆ แล้วนะ
“เธอรู้ไหมว่าฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ยอมให้อภัย กลัวว่าเธอจะทิ้งฉันไปแล้วจริงๆ” เสียงอู้อี้ถูกเปล่งออกมาจากคนตัวโตที่ซบอยู่บนอกของร่างบาง
“....” ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่เขากลับไป แต่ใช้มือลูบหัวพี่เขาเบาๆ ให้รู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้ ฉันไม่ได้ทิ้งพี่เขาไปไหน
“ขอโทษที่ฉันงี่เง่า ขอโทษที่ฉันไม่มีเหตุผล ไม่รู้ทำไมพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอทีไรฉันกลับคิดอะไรไม่ออก รู้แค่หวงทุกอย่างที่เป็นเธอ ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ โดยเฉพาะไอ้เด็กที่ชื่อทิวนั้น”
ใช่สิ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ฉันก็แทบไม่เห็นหน้าทิวอีกเลย ถามว่าโกรธไหม ก็ต้องมีบ้าง ทิวบอกว่ารักฉัน แต่สิ่งที่เขาทำมันกลับลดความเชื่อใจที่ฉันมีต่อเขาลงไปเกือบหมด ทั้งที่คิดว่าเป็นเพื่อน แต่มันกลับไม่ใช่
“ไม่ยอมให้ไปไหนแล้วนะ”
พี่เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แล้วโน้มคอลงมากดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก สัมผัสที่คุ้นเคยกลับมาหาฉันแล้ว
“ใครกันแน่ที่หายไป” ฉันพูดเชิงติดงอนๆ หายหน้าหายตาไปตั้ง สองวันแล้วอยู่ๆ ก็โผล่มาที่ค่ายอาสาแถมยังมาอยู่ในห้องเดียวกับฉันอีก
“ไปสะสางเรื่องที่ค้างคามา”
ฉันมองหน้าพี่เขาอย่างสงสัย เรื่องอะไรที่ค้างคา?
“ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว มีนัดรวมตอน 6 โมงไม่ใช่เหรอไง”
“พี่รู้ได้ไงอะ”
“เรื่องของเมียทั้งคนจะไม่รู้ได้ไง”
ตู้มมม!! วาปได้
ใครก็ได้บอกฉันที ว่าเมื่อกี้ฉันกับพี่เขาทะเลาะกันจริงรึเปล่า ทำไมอยู่ๆ เปลี่ยนมาหยอดไวขนาดนี้
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับพี่”
“ว่ามาสิ”
พี่เขาฉุดมือฉันให้เดินตามมานั่งบนเตียง คือพี่ไม่คิดจะไปแต่งตัวก่อนจริงดิ
“เรื่องวันนั้น ฉันกะ...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือไอ้เด็กเวรนั่น วันหลังอย่าไว้ใจใครง่ายๆ อีกรู้ไหม”
“ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว หรือจะให้ฉันอาบให้”
“ฉันอาบเอง!!” ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ก่อนที่พี่เขาจะเปลี่ยนใจเข้ามาอาบน้ำให้
*****
“สำหรับกิจกรรมคืนนี้ พวกพี่จะให้น้องๆ ส่งตัวแทนออกมาเล่นเกมกันนะคะ กติกาง่ายๆ แค่ต้องใช้ปากให้เก่ง”
“เกมเชี่ยไรว่ะ ใช้แค่ปาก” ฉันบ่นเบาๆ กับตัวเอง แค่กติกาเกมแม่งก็ไม่น่าออกไปเล่นเลย ใครออกไปเล่นก็บ้าแล้ว
“น้องๆ เสนอตัวแทนมาเลยค่ะ”
“สไมล์ครับ!!”
ไอ้สัส!! ใครเรียกชื่อฉัน งานงอกอีกแล้ว ฉันหันหน้าไปมองไอ้เพื่อนตัวดีสองคนที่ส่งยิ้มแฉ่งมาให้ฉัน
“น้องสไมล์ลุกออกมาเลยค่ะ”
“ฮิ้วววว”
“สไมล์สู้เขาา” เสียงของเพื่อนๆ ในคณะร้องเชียร์ บางคนก็ผิวปากแซวขำๆ
“พี่จะมีโพสอิทให้น้องสไมล์ 10 แผ่นนะคะ ให้น้องสไมล์เลือกมา 5 แผ่น แล้วนำไปแปะที่ร่างกายของผู้เล่นอีกคน ต้องแปะตามจุดชื่อที่จับได้ด้วยนะคะ”
ฉันเลือกโพสอิทมา 5 แผ่นตามรุ่นพี่บอก ในนั้นเขียนว่าหน้าผาก แก้ม หน้าอก ต้นคอ แล้วก็อันสุดท้ายใต้สะดือ !! เชี่ย ใต้สะดือนี่แม่งตรงไหนกันนะ แปะตีนงี้ได้ป่ะ อยู่ใต้สะดือเหมือนกัน
“ที่นี้ก็ขาดผู้เล่นอีกคน พี่เดย์คะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ”
ฉันหันหน้าไปหาพี่เขาที่ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินยิ้มมุมปากเข้ามายืนใกล้ๆ ขนกันมาทั้งทีมเลยนี่หว่า พี่ฟิวส์ พี่เปอร์ พี่อิท ก็นั่งอยู่ด้วย
“พี่เดย์ช่วยเป็นคู่เล่นเกมกับน้องสไมล์ให้หน่อยนะคะ”
“เอาสิ”
พี่จะใจดีไปไหนคะ ฉันว่าพี่เขาต้องมีแผนแกล้งฉันอีกแน่ๆ
“ฮิ้ววว”
“ไอ้เดย์จัดเลยเว้ยย”
“อย่าอ่อนข้อนะมึงง”
และนี่คือบรรดาเสียงของพวกกลุ่ม ปี 4 ค่ะ
“เราจะจับเวลา 1 นาทีนะคะ นำโพสอิทแปะลงบนตัวพี่เดย์ตามจุดที่จับได้ แล้วให้น้องสไมล์ใช้ปากคาบโพสอิทออกให้หมด โดยต้องปิดตาเล่น ที่สำคัญห้ามใช้มือเด็ดขาด”
เกมเชี่ยไรว่ะเนี่ยยย...ใช้มือหยิบออกก็จบแล้วไหม
“3 2 1 เริ่มได้ค่ะ”
ตอนนี้ฉันโดยพี่ปีสองใช้ผ้าปิดตาไว้ แม่งเอ้ยย แล้วฉันจะรู้ไหมเนี่ยว่าพี่เขาแปะโพสอิทฝั่งไหน
ฉันค่อยๆ ใช้จมูกไถไปกับอกพี่เขาก่อนเพื่อหาโพสอิทอันแรก เชี่ยแปะ ตรงหัวนมเลยนะ เมื่อถึงเป้าหมายก็ใช้ปากคาบโพสอิทให้หลุดออกมา แล้วขยับหน้าไปที่ต้นคอของพี่เขา เชี่ยยอยู่ไหนว่ะ พี่แม่งก็ไม่คิดจะช่วยฉันเลย ยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่ไก่ให้ฉันใช้หน้าไถไปไถมาอยู่นั่นแหละ ข้างขวาไม่เจอเลยเลื่อนหน้าไปฝั่งซ้ายมือแทน ในที่สุด็เจอแผ่นที่2 แผ่นที่ 3 ตรงแก้มสินะ ฉันใช้จมูกไถไปตามแก้มของพี่เขา
“ถ้ายังไม่หยุดไถ ฉันจะจับเธอกดตรงนี้แล้วนะ”
เอ้า !! ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้จะตรัสรู้ไหมล่ะว่าพี่แม่งไปแปะโพสอิทไว้ตรงไหน”ฉันมองไม่เห็น พี่ก็บอกตำแหน่งมาสิ”
“ไม่!!”
เป็นอันว่าจบข่าว ถ้าไม่บอกก็ไถต่อแบบนี้แหละ จะว่าไปก็เหมือนฉันกำลังหอมแก้มพี่เขาเลยว่ะ แล้วฉันจะมาเขินอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ยย....
ฉันคาบโพสอิทแผ่นที่ 3 ออกมาจากแก้มพี่เขา แต่ปัญหาอยู่ที่โพสอิทอันที่ 4 กับ 5 คือตัวฉันเตี้ยไง พี่เขาก็ไม่ย่อให้ ฉันเลยต้องเขย่งเท้าขึ้นแล้วคาบโพสอิทอันที่ 4 ออกมา
“เตี้ย”
สัส คำนี้เจ็บบบ!! ไม่ช่วยแล้วยังมาด่าคนอื่นว่าเตี้ยอีกนะ
อันสุดท้ายแล้ว.....ใต้สะดือ พี่เขาคงไม่เล่นพิเรนหรอกใช่ไหม
ฉันคุกเข่าลงตรงหน้าพี่เขาแล้วใช้มือทั้งสองข้างยืดขาพี่เขาไว้ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปตรงสะดือพี่เขาแล้วใช้คางค่อยๆ ขยับเลื่อนสัมผัสขึ้นลงหาโพสอิท โดยเว้นส่วนกลางลำตัวไว้
“อือออ....”
ฮืออ...พี่มึงจะครางออกมาแบบนี้ ไม่ได้นะเว้ยยยย....
ฉันคาบโพสอิทชิ้นสุดท้ายออกมาแล้วเปิดผ้าปิดตาออกทันที เสียงครางเมื่อกี้ยังดังอยู่ในหัวฉันอยู่เลย ไอ้พี่บ้าไม่ต้องมายิ้มให้เลยนะ !!
กิจกรรมในค่ำคืนนี้ยังคงดำเนินต่อไป เสียงร้องเพลงเล่นกีต้าของพวกพี่ๆ สร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้แก่นักศึกษาชั้นปี 1 อย่างพวกเรา ใครบอกว่าค่ายอาสามันน่าเบื่อ ขอบอกเลยว่าแม่งโคตรสนุก
__________________________________