เด็กผมช่างร้าย ตอนที่ 12 ความเสียใจ
“อีกสามวันทางคณะของเราจะมีการจัดกิจกรรมค่ายอาสาเป็นเวลาสามวันสองคืน หวังว่าจะมาพร้อมกันทุกคนนะ” เสียงของเฮดว๊ากปี 3 พูดขึ้นมาท่ามกลางนักศึกษาปี 1
“แกๆ ค่ายอาสานี่แม่งต้องทำไรบ้างว่ะ” ไอ้ปังหันหน้ามาถามฉันซึ่งนั่งเข้าแถวอยู่ข้างหลังมัน
“ก็พวกปลูกป่างี้มั้ง แกว่าไงไอ้นาย” ฉันตอบไอ้ปังแล้วถามไอ้นายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“....”
“ไอ้นาย ไอ้นาย !!”
“....”
“ไอ้เชี่ยนาย!!”
“ห๊ะๆ พวกมึงพูดว่าไงนะ”
“ช่วงนี้มึงดูใจลอยนะนาย”
ตั้งแต่ที่ไอ้นายหายไปหลายวันแล้วกลับมามันก็ดูแปลกๆ ไป พอฉันกับไอ้ปังถาม มันก็บอกแค่ไม่มีอะไรที่หยุดเรียนไปหลายวันก็เพราะไม่สบาย
“นายแกโอเคไหม พวกฉันเป็นห่วงแกนะ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
ฉันกับไอ้ปังมองหน้ากันทันทีดูก็รู้ว่าไอ้นายต้องมีอะไรที่ไม่สบายใจอยู่แน่ๆ แต่ทำไมมันไม่ยอมบอกพวกฉัน
“พวกมึงไปหาไรแดกก่อนกลับบ้านกัน”
หลังจากประชุมเชียร์เสร็จไอ้ปังก็ชวนฉันกับไอ้นายไปหาอะไรกิน
“เออ..ฉันก็หิวเหมือนกัน แล้วมึงอะสไมล์”
ไอ้นายถามฉันแล้วลูบท้องตัวเองบอกให้รู้ว่าแม่งหิวสุดๆ ก็แหง่สิข้าวเที่ยงไม่แดกเพราะนั่งปั่นรายงานที่แม่งเสือกหยุดไปตั้งหลายวัน
“ฉันขอโทรบอกพี่เดย์มันแป๊บ”
เมื่อเช้าพี่เขาขับรถมาส่งไง แล้วบอกจะมารับด้วยฉันเลยต้องโทรไปบอกก่อน
“เดี๋ยวนี้ต้องรายงานผัวตลอดเลยนะมึง” ไอ้ปังมันแซวขึ้นมาขำๆ
รอสายอยู่นานพี่เขาก็ไม่ยอมรับสักที
“พวกมึงไปเลย ฉันต้องรอพี่เขา ไว้วันหลังนะมึง”
ใจจริงฉันก็อยากไปกับเพื่อนนะ แต่เมื่อเช้าพี่เขาบอกว่าจะมารับไง โทรไปก็ไม่ยอมรับสายถ้าเกิดพี่เขามาก็กลัวไม่เจอ แบตโทรศัพท์ใกล้หมดแล้วด้วย
“เออๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะมึง”
ฉันโบกมือลาไอ้ปังกับไอ้นาย แล้วเดินไปนั่งรอที่ม้าหินหน้าคณะ
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ ฝนก็จะตกแล้วด้วย”
ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ นี่มันก็ใกล้จะทุ่มแล้วฉันรอพี่เขาตั้งแต่ 6 โมงกว่า จนตอนนี้พี่เขายังไม่มาเลย โทรศัพท์ก็แบตหมดไปตอนไหนไม่รู้
“สไมล์”
ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นทิวกำลังเดินเข้ามาหา
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ ฝนจะตกแล้วนะ”
ทิวถามฉันแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมีเมฆครึ่มๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนต้องตกลงมาแน่ๆ
“เรากำลังจะกลับแล้ว”
ยังไม่ทันที่ฉันจะลุกขึ้นฝนก็เทกระหน่ำลงมาอะไรแม่งจะซวยขนาดนี้ แล้วพี่เขาหายไปไหนนะ....
“เราว่าไปหลบใต้อาคารก่อนดีก่อน”
ทิวจับมือฉันแล้ววิ่งฝ่าฝนเข้าไปหลบใต้อาคารของคณะซึ่งมีนักศึกษาบางส่วนกำลังหลบฝนอยู่
“มาตกอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย”
ฉันบ่นเบาๆ แล้วดึงมือทิวที่จับมือฉันออก ไม่รู้สิถ้าตอนนี้คนที่จับมือฉันอยู่เป็นพี่เดย์ก็คงดีกว่านี้
“แล้วนี่ไมล์จะกลับยังไง” ทิวชวนฉันคุยขณะที่รอฝนหยุดตก
“คงนั่งแท็กซี่”
ฉันเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยปากตอบทิว เอาจริงๆ ฉันก็ไม่รู้เหมืิอนกันจะกลับยังไง ปกติก็ขับรถมาเอง แต่ช่วงนี้ก็มีไอ้พี่เดย์คอยมารับมาส่งแต่ตอนนี้สิ....จะให้นั่งแท็กซี่คนเดียวตอนกลางคืนฉันก็ไม่กล้าเพราะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน
“ให้เราไปส่งไหม”
ฉันมองหน้าทิวที่ส่งยิ้มจางๆ มาให้ ฉันไม่รู้ว่าจะไว้ใจเพื่อนใหม่คนนี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้งในเมื่อฉันเองก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะดูแลตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยทิวก็ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนให้ทิวไปส่งก็ดีกว่ากลับแท็กซี่
ฝนเริ่มซาลงฉันเลยให้ทิวขับรถมาส่งที่คอนโดพี่เขา แล้วให้ทิวขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อบนคอนโดด้วยเพราะถ้าขืนใส่แบบนี้นานๆ ได้หวัดกินแน่ๆ ถือว่าตอบแทนที่มาส่งฉันแล้วกัน ไฟในห้องยังคงมือสนิท แสดงว่าพี่เขาคงยังไม่กลับมาสินะ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เขาทำอะไร อยู่ที่ไหน ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วง อีกความรู้สึกมันก็น้อยใจว่าทำไมพี่เขาถึงปล่อยให้ฉันรอ
“สไมล์ ไมล์”
“ห๊ะ” ฉันสะดุ้งเมื่อทิวเขย่าที่แขนฉันเบาๆ
“เราเรียกตั้งนาน”
“โทษที เดี๋ยวเราไปเอาชุดมาให้เปลี่ยนนะ”
ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบชุดพี่เขามาให้ทิวเปลี่ยน
“สไมล์อยู่กับแฟนเหรอ”
“เอ่อ...อือ” ฉันตอบกลับในลำคอ ทิวคงรู้อยู่แล้วก็ในเมื่อพี่เขาเคยพูดไปขนาดนั้น
“แล้วเขาไปในล่ะถึงปล่อยให้ไมล์รอ”
เจอคำถามนี้ไปฉันก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันจะให้พูดยังไงก็ในเมื่อฉันยังไม่รู้เลยว่าพี่เขาไปไหน
“.....”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างฉันกับทิว บรรยากาศตอนนี้ดูอึดอัดไปหมด ทิวค่อยๆ ขยับเข้ามาหาฉัน ยิ่งใกล้มันยิ่งอึดอัดจนฉันก้าวขาถอยข้างทิว
“ทิวจะกลับเลยไหม”
ฉันรู้ว่ามันดูเสียมารยาทที่พูดออกไปแบบนั้นแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้บรรยากาศมันน่าอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก
“ไล่กันเลยเหรอ เราเสียใจนะเนี่ย 555” ทิวพูดขำๆ เพื่อทำลายบรรยากาศเมื่อครู่
“เรากลัวฝนจะตกหนักอีกรอบไง”
“โอเคๆ เดี๋ยวเราเปลี่ยนเสื้อแล้วกลับเลยก็ได้”
ทิวถอดเสื้อนักศึกษาออก ฉันจึงหันหลังให้เขา
“หันหน้ามาได้แล้ว”
ฉันหันหน้ากลับมาตามแรงที่ทิวดึงแขนฉันประทะเข้ากับอก
“ทิวปล่อยเรา” ฉันขืนตัวออกจากอ้อมกอดของทิว ฉันไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนี้กับฉันนอกจากพี่เขาคนเดียว
“เราชอบไมล์” ทิวกอดฉันแน่นกว่าเดิมแล้วประกบปากลงมาจูบฉันอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด
ไม่ ไม่เอาแบบนี้ ฉันไม่ชอบ พี่เดย์...พี่อยู่ไหนช่วยไมล์ด้วย....ฉันพยายามไม่เปิดปากออกแล้วขืนตัวอย่างสุดกำลัง
ผัวะ!!
ทิวถูกกระชากออกจากตัวฉันแล้วตามด้วยหมัดที่ซัดเข้ามาที่หน้าอย่างจังจนล้มลงไปกองที่พื้น
“พะ...พี่เดย์”
ฉันเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก พี่เขามาช่วยฉันแล้ว....
“พวกมึงจะไปสมสู่กันที่ไหนก็ไป แต่ต้องไม่ใช่ห้องฉัน !!”
เหมือนค้อนหนักๆ ทุบเข้าที่หัวฉัน เมื่อกี้พี่เขาพูดว่าอะไร ฉันมองหน้าพี่เขาด้วยแววตาที่ผิดหวังสุดๆ
“พี่พูดอะไรออกมา”
ฉันถามพี่เขาไปเสียงสั่น รู้นะคะว่าตอนนี้น้ำตาฉันคงไหลอยู่แน่ๆ แต่ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะเช็ดมันออกหรอกนะ ปล่อยให้มันไหลลงมาแบบนั้นแหละให้มันตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือความจริง
“หึ เธอยังกล้าถามอีกเหรอ”
พี่เขาปรายตามองฉันด้วยสายตารังเกียจเหมือนฉันเป็นตัวเชื้อโรคหรืออะไรสักอย่าง
“พี่จะไม่ฟังฉันอธิบายหน่อยเหรอ”
“จะให้ฉันฟังอะไรในเมื่อฉันเห็นกับตาว่าเธอจูบอยู่กับไอ้เหี้ยนี่ ลับหลังฉันคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วสินะ ทำไมเหรอ หรือว่าฉันเอาไม่ถึงใจเธอ เลยต้องร่านไปหาคนอื่น”
เพี้ยะ!!
หน้าพี่เขาสะบัดไปตามแรงตบ ฉันเช็ดน้ำตาที่นองหน้าตัวเองออก ความผิดหวังเสียใจมันกำลังเกิดขึ้นกับตัวฉัน
“ผมว่าพี่พูดกับไมล์เกินไปแล้วนะ” ทิวลุกขึ้นมาผลักอกพี่เขาแล้วเอื้อมมือมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ฉัน
“หึ !! เหมาะสมกันดีนิ งั้นก็เชิญออกไปสมสู่กันให้พอ!!”
พี่เขามองฉันกับทิวเหยียดๆ ทิวจึงจับมือฉันแล้วเดินออกจากห้องมา
“ไมล์เราขอโทษนะ ไมล์เป็นอะไรไหม”
ทิวพาฉันขึ้นมาบนรถแล้วเอ่ยขอโทษ ตอนแรกฉันก็โกรธทิวนะ แต่ตอนนี้ความผิดหวังเสียใจที่มีต่อพี่เขามีมากกว่าความโกรธตอนนี้เสียอีก
“เราไม่เป็นไรหรอก”
ฉันตอบยิ้มๆ เพื่อให้ทิวได้รู้ว่าฉันยังโอเคทั้งที่ในใจมันกลับพังไปหมด คุณเคยรู้สึกผิดหวังกับอะไรมากๆ กันไหม นั่นแหละคือความรู้สึกของฉันตอนนี้
ฉันกลับมาคอนโดตัวเองในรอบหลายวันที่ผ่านมาทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีข้าวของบางส่วนที่ย้ายไปไว้คอนโดพี่เขาบ้าง ฉันหยิบโทรศัพท์ไปชาร์แบตแล้วเดินไปอาบน้ำปล่อยให้สายน้ำชำระหยดน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้อยู่คนเดียวความเสียใจก็กลับมาอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกแย่แค่ไหนที่คนที่ตัวเองรักกลับไม่เคยเชื่อใจเราเลย แม้แต่คำอธิบายเขายังไม่อยากที่จะฟัง เขาตัดสินฉันทั้งๆ ที่ยังไม่ถามความจริง แล้วเขาก็คือคนเดียวกันกับคนที่บอกรักฉันทุกวัน.....
ค่ำคืนนี้ยังคงยาวนานเหมือนกับความเจ็บปวดของฉันที่ยังคงดำเนินต่อไป ฉันล้มตัวลงนอนพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล ทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วเสียงสะอื้นที่เปล่งออกมามันแหบจนน่าตกใจ นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ใกล้จะตี 5 แล้ว ฉันจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปมหาลัย ใช่ค่ะ ฉันยังไม่นอน น้ำตาฉันมันคงไหลจนไม่มีจะไหลแล้วล่ะ ฉันส่องกระจกดูขอบตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก โง่ นี่คือคำที่โผล่ขึ้นมาในหัวฉัน ในเมื่อเขาคนนั้นไม่ได้คิดที่จะสนใจความรู้สึกของฉันเลย คำพูดแรงๆ ที่กระแทกย้ำลงมาว่าฉันมันร่านยังคงก้องอยู่ในหัว สีหน้าและแววตาที่รังเกียจยามเมื่อมองมา ถูกส่งออกมาจากคนที่เคยบอกว่ารักฉัน ในเมื่อเขาไม่ฟังฉันก็จะไม่พูด ในเมื่อเขาไม่แคร์ แล้วทำไมฉันต้องไปสนใจด้วยล่ะจริงไหม
รอยยิ้มจางๆ ปรากฎบนใบหน้าหวานอีกครั้ง
ฉันจะไม่ให้เขามีผลต่อความรู้สึกของฉันอีกแล้ว
__________________________________