“งั้นมาเลยครับ” ธีรกรดึงมือบัวบูชามากุมเอาไว้
“อุ๊ย!” เธอสะดุ้งตกใจรีบดึงมือหนี
“ดึงมือหนีพี่ทำไมครับ เดี๋ยวเข้าฉากพี่ก็ต้องจับมือน้องบัวนะครับ” ธีรกรรีบบอก เขาหมายตานักแสดงหน้าใหม่คนนี้เอาไว้แล้ว ทั้งสวย ทั้งน่ารักและดูหัวอ่อน ถ้าเขาได้ชิมสักทีสองทีก็คงเลิกสนใจไปเอง
“บัวแค่ตกใจน่ะค่ะ”
“พี่ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ งั้นเอาใหม่นะ” ธีรกรดึงมือหญิงสาวมากุมเอาไว้ ก่อนจะพูดตามบท
‘เลิกทำร้ายคนอื่นสักทีนะครับ ถึงอย่างไรพี่ก็รักป่านเหมือนน้องสาว และเอ็นดูป่านมาตั้งแต่เด็กๆ แพรวพรรณเค้าไม่ได้มาแย่งพี่ไปจากป่าน พี่ยังรักป่านเหมือนเดิม’
ธีรกรเล่นไปตามบท เพราะในบทนี้เขาต้องพูดคุยกับสายป่าน เด็กสาวที่เติบโตมาด้วยกันและแอบรักเขาเกินกว่าพี่ชายให้เข้าใจ เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายผู้หญิงที่เขารัก
‘พี่เคนจะยังรักป่านเหมือนเดิมเหรอคะ ป่านทำอะไรร้ายๆ ตั้งหลายอย่าง’
‘จริงสิครับ’ ธีรกรดึงร่างอรชรมากอด กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอทำให้เขาเผลอสูดดมลามไปถึงกลุ่มผม
‘ป่านรักพี่นะคะ’
“ฮะ แฮ่ม!” เสียงกระแอมกระไอทำให้คนทั้งสองผละออกจากกัน
บัวบูชาตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นพันกร เธอไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ พันกรมาเห็นตอนที่ทั้งสองกอดกัน แค่นั้นเขาก็รู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากกระชากธีรกรมาต่อยให้หายหงุดหงิด
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ” พันกรทำท่าจะหมุนร่างเดินกลับไปยังทางเก่า เขาไม่รู้หรอกว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อะไรกัน โผล่ออกมาก็เห็นว่าทั้งสองกำลังกอดกัน แค่มองแล้วรู้สึกขัดตา แต่ก็ไม่อยากเข้าไปขัดขวาง แค่เผลอกระแอมขัดจังหวะไปเท่านั้น
เขาบอกตัวเองแค่นั้น แต่จริงๆ อยากจะเข้าไปกระชากร่างสูงออกจากร่างบอบบางของเพื่อนน้องสาว เขาหงุดหงิดจนแทบบ้า เห็นเธอกอดกับชายอื่นในจอ คลอเคลียกันยังแทบพังทีวีที่บ้านทิ้ง แต่นี่เห็นจะๆ เขารู้สึกทนไม่ไหวจริงๆ
..นี่เหรอคนดีที่น้องสาวของเขาหลงชื่นชม ที่แท้ก็มาแอบพลอดรักกับผู้ชายอยู่ในที่ลับตาคน!!!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกำลัง...” ธีรกรพูดยังไม่ทันจบ พันกรก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ ไม่อยากขัดจังหวะคนกำลังพลอดรักกันน่ะ”
ธีรกรเลิกคิ้วขึ้น เพราะเขาแค่จะบอกว่ากำลังซ้อมบทกับบัวบูชา ซึ่งเห็นว่าพันกรเป็นเจ้าของไร่ เลยอยากพูดคุยตามมารยาทเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น เขาจะไม่สนใจอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่นะคะ” เป็นครั้งแรกที่บัวบูชาอยากอธิบายให้ฟัง
“ฉันโตแล้ว รู้และเห็นอะไรมามาก” พันกรพูดเสียงเย้ยหยัน เบ้ปากอย่างรังเกียจ ก่อนจะหมุนกายเดินกลับไปยังทางเก่าอย่างรวดเร็ว
บัวบูชามองตามไปด้วยสายตาละห้อย
“น้องบัวเป็นอะไรครับ” ธีรกรเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีของคนทั้งสอง
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“เห็นทีมงานเล่าว่าน้องบัวสนิทกับเจ้าของไร่ที่นี่เหรอครับ” ธีรกรเลียบๆ เคียงๆ เอ่ยถาม
“บัวเป็นเพื่อนกับพิมพ์นารา น้องสาวของคุณพันกร เจ้าของไร่ที่นี่น่ะค่ะ”
“อ้อ... แบบนี้นี่เอง แสดงว่าน้องบัวก็ต้องสนิทกับคุณพันกรเจ้าของไร่ด้วยน่ะสิครับ”
“ไม่สนิทหรอกค่ะ”
“เมื่อกี้เขาก็เหมือนมาหาน้องบัว ไม่น่าใช่เดินผ่านมาเฉยๆ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เขาคงเผอิญเดินผ่านมา”
“งั้นเราซ้อมบทกันต่อนะครับ”
“บัวว่าบัวโอเคแล้วนะคะกับบทนี้”
“ดีแล้วครับ ถ้าน้องบัวอยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกนะครับ” ธีรกรรีบคว้ามือของบัวบูชาไปกุมเอาไว้
“ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” บัวบูชาดึงมือออกอย่างสุภาพ ก่อนจะเอ่ยขอตัว ธีรกรมองตามไปอย่างหมายมาด... เล่นตัวแบบนี้แหละดี มันยิ่งท้าทายและตื่นเต้น คอยดูเอาเถอะ เขาจะต้องรวบหัวรวบหางให้จงได้ในเร็ววัน
“อย่านึกนะว่าธีคิดอะไรอยู่แล้ววดีจะไม่รู้” ดาราวดีที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่โผล่ออกมาจากที่ซ่อนตัว
“อะไรกันวดี” ธีรกรแกล้งไขสือ
“อยากได้มันจนตัวสั่นละสิ”
“วดีน่ะ ไม่ใช่สักหน่อย” ธีรกรเข้าสวมกอดนางเอกสาวคนดังที่เขาเองก็เคยได้ลิ้มลองรสชาติของเจ้าหล่อนมาแล้ว ต้องบอกว่าหลายครั้งแล้วด้วย และหลังๆ ก็ชักจะเริ่มเบื่อ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียว
“อย่านึกว่าวดีตามไม่ทันนะ อยากเคลมนังเด็กนั่นก็สารภาพมาตรงๆ เถอะ” ดาราวดีพูดอย่างสะบัดสะบิ้ง ทิ้งมาดนางเอกแสนดีไปโดยสิ้นเชิง
..คอยดูเอาเถอะ เข้าฉากคราวนี้เธอจะจัดการให้หนักเชียว แล้วก็ให้ดูเป็นอุบัติเหตุเหมือนก่อน
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ” ธีรกรผละออกห่าง เบื่อที่จะใส่หน้ากากกับอีกฝ่ายแล้ว เพราะรู้ไส้รู้พุงกันดี
“นี่ธีกล้าพูดกับวดีแบบนี้เหรอ”
“โธ่... วดี คุณเองก็ไม่ได้มีผมคนเดียว ผมเห็นนะ คุณมองเจ้าของไร่ตาเป็นมัน”
“วดี...”
“อย่าปฏิเสธเลยวดี เราก็รู้ใจกันขนาดนี้ จะปั้นปึ่งใส่กันทำไมล่ะ คุณเองก็ไม่ได้หึงผมหรอก แค่หวงก้างไปแบบนั้นเอง” ธีรกรดักคออย่างรู้ทัน ดาราวดีเม้มปากแน่น เธอไม่ได้หึงน่ะใช่ แต่ผู้ชายคนไหนที่เป็นของเธอ ถ้าเธอไม่อนุญาตก็ห้ามไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น
“ผมว่าเรามาทำตามใจตัวเองกันดีกว่า คุณเองก็หมายตานายพันกรนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมเองก็อยากจะลิ้มรสยัยเด็กนั่นเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ได้คิดจริงจังด้วยหรอก”
“คุณจะทำยังไงล่ะ” ดาราวดีเอ่ยถามคนข้างกาย
“เอาน่า ทำตามที่ผมบอกก็พอ” ธีรกรยิ้มร้าย หมดมาดพระเอกขวัญใจมหาชนทันที
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ทนไม่ไหวแล้ว” พิมพ์นาราพูดอย่างโมโห
“อย่านะพิมพ์” บัวบูชารีบปรามเพื่อนเอาไว้
“บัวทนได้ไง ยัยนั่นแกล้งบัวนะ เป็นนางเอกแต่ทำตัวเหมือนนางมารร้าย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ”
“มันจงใจเหยียบเท้าบัวนะ แถมยังผลักให้บัวชนกับโต๊ะอีก อุบัติเหตุอะไรกัน” พิมพ์นาราฉุนจัด
“ช่างเถอะจ้ะ ยังไงก็ปิดกล้องแล้ว” บัวบูชาพูดอย่างไม่ถือสา
“บัว!!!” พิมพ์นาราเรียกเพื่อนเสียงดังอย่างโมโห
“ใจร่มๆ เอาไว้นะพิมพ์ โกรธน่ะไม่ดีนะ ทำให้หน้าแก่รู้ไหม”
“ยังจะมีอารมณ์มาพูดแบบนี้อีก โดนคนอื่นแกล้งแล้วไม่รู้จักตอบโต้” พิมพ์นาราไม่รู้จะพูดอย่างไรดีกับความใจดีของเพื่อน
“บัวไม่อยากมีปัญหาน่ะ”
“เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า”
“เราไปกันเถอะ” บัวบูชาเอ่ยชวนเพื่อน ไม่อยากให้พิมพ์นาราอยู่ตรงนี้อีก อาจจะโกรธแล้วทำอะไรโดยไม่คาดคิดเพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าไม่เคยยอมใครหรือยอมอะไรง่ายๆ
“บัวระวัง!!!” พิมพ์นารากรีดร้องอย่างตกใจเพราะนั่งร้านที่ทีมงานกำลังรื้อเกิดล้มลงมา
“กรี๊ด!!!” ในขณะที่ร่างของบัวบูชากลิ้งไปบนพื้นหญ้าด้วยแรงกระชากของใครคนหนึ่งบัวบูชาหลับตาปี๋ เธอรู้สึกใจหายจนตัวแข็งค้าง แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มีให้ได้ยิน เพราะคิดว่าเหล็กแข็งๆ คงตกลงมาบนร่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าเธอกลับอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน พอลืมตาขึ้นมาคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของเธอและกำลังโอบรัดเธออยู่เต็มอ้อมแขน ปกป้องเธอจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคือพันกร พิมพ์นารารีบวิ่งมาดูคนทั้งสอง
“เฮีย!!! สุดยอดไปเลย” บัวบูชามองคนใต้ร่างอย่างซาบซึ้งใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่พันกรเองก็สบตาหญิงสาวนิ่ง สายตาของเขาเป็นห่วงเธออย่างชัดเจน จนหญิงสาวต้องกะพริบตาปริบๆ แต่พอมองอีกครั้ง สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเฉยเมยเหมือนเดิม
“เป็นยังไงบ้าง” เสียงของพิมพ์นาราที่ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกสติคนทั้งสองให้ผละออกจากกัน
“บัวไม่เป็นอะไร แต่...” เธอหันไปมองคนที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้อย่างนึกขอบคุณ พลางมองสำรวจว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างไหม” พิมพ์นารารีบถามเมื่อมองตามสายตาของเพื่อนรัก