ตอนที่ 2 MIRIN

1395 คำ
(มิริน ทอร์ค) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย “ถึงซักที” ฉันผ่านการตรวจความปลอดภัยจนออกมาถึงประตูขาเข้าประเทศ ก่อนจะกดโทรหาคนที่จะมารับ “ลูกแก้วฉันถึงแล้วนะแกอยู่ไหน” “มิริน หันมาทางซ้ายฉันอยู่ตรงนี้” “ยัยลูกแก้วววววว” ฉันรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่ชูไอแพดชื่อฉันอยู่ตรงทางออก การเดินทางเกือบๆยี่สิบสี่ชั่วโมงของฉันสิ้นสุดลงแล้ว ฉันมาถึงประเทศไทยแล้ว “ยังไงย่ะ ไหนแม่แกบอกว่าแกจะไปเรียนต่อที่อังกฤษไงทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้” “แหะๆ รู้แล้วแกอย่าไปบอกใครนะ ฉันหลอกที่บ้านว่าจะไปเรียนคอร์สภาษาสั้นๆที่ลอนดอน เพราะคุณแม่ไม่ยอมให้ฉันมาเรียนที่ไทย” “มิริน!!!” “ลูกแก้ว อย่าเสียงดังสิคนมองหมดแล้ว” “แกบ้าไปแล้วหรอ เกิดป้านาริจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง” ลูกแก้วบ่นฉันยาวเหยียด เพราะการหนีมาเรียนของฉันครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ฉันยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้มาฝึกงานกับเชฟที่ฉันติดตามผลงานเขามานานและชื่นชอบเขามาก ฉันรักการเรียนทำอาหารมาจากคุณพ่อและคุณย่าแต่ก็ขัดใจคุณแม่สุดๆเพราะท่านไม่อยากให้ฉันเกี่ยวกับด้านนี้เพราะมันทั้งเหนื่อยและกดดัน แต่ทำไงได้ฉันชอบไปแล้ว ลูกแก้วพาฉันมาติดต่อที่มหาลัยSCUเพื่อยื่นเอกสารขอย้ายมาเรียนที่นี่ ถือเป็นโชคของฉันจริงๆที่มหาลัยที่ญี่ปุ่นกับมหาลัยนี้เป็นเครือเดียวกัน ทำให้ฉันย้ายมาได้แบบง่ายมากๆ “ฉันขอเตือนแกไว้อย่างนะมิริน ต่อให้แกจะเป็นนักศึกษาของมหาลัยนี้แต่ก็ใช่ว่าจะไปฝึกงานบนเรือนั้นง่ายๆ เพราะตั้งแต่ฉันเรียนมายังไม่มีใครได้ฝึกที่นั่นเลย” “งั้นฉันจะเป็นคนแรก!! ลูกแก้ว ฉันลงทุนขนาดนี้แล้ว ต่อให้ต้องเสียอะไรอีกฉันก็ยอม” เพราะนอกจากฉันจะต้องโกหกที่บ้านแล้ว ฉันยังได้เบี้ยเลี้ยงจากคุณแม่น้อยลงด้วย ดังนั้นการอยู่ที่ไทยของฉันต่อจากนี้ อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เริ่มจากที่นอนก่อนเป็นอันดับแรก แค่ก แค่ก….ฉันกับลูกแก้วถึงกับไอออกมาพร้อมกัน เพราะอพาร์ตเมนต์ที่หาได้ฝุ่นเยอะมาก แต่ราคามันโอเคฉันพอรับได้ ที่ต้องจ่ายทุกเดือน “ไหวไหมมิริน ให้ฉันหาให้ใหม่ไหม” “ไม่เป็นไรแก ฉันอยู่ได้ แค่ต้องทำความสะอาดนิดหน่อย!!!” “ไม่นิดนะมิริน คืนนี้แกจะได้นอนหรือเปล่าก็ไม่รู้” ลูกแก้วตอนแรกจะอยู่ช่วยฉันทำความสะอาดแต่ดันมีเรื่องด่วนให้ต้องกลับบ้าน เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว กว่าสภาพมันจะพอนอนได้ก็เกือบเช้า ดีที่พรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปมหาลัย แต่ฉันก็กะว่าจะออกไปหางานทำ เพราะเงินที่คุณแม่ส่งให้ทุกเดือนคงไม่พอใช้ (วันต่อมา) “งานง่ายรายได้ดี” ฉันพยายามสะกดภาษาไทยตามโพสที่เจอในเน็ต ฉันพูดไทยได้คล่องแต่อ่านไม่ค่อยได้ เพราะตอนอยู่ญี่ปุ่นก็แค่พูดกับคุณแม่เท่านั้นไม่ได้ฝึกอ่านเขียน บางคำเลยพูดได้แต่เขียนไม่ได้ •SC PUB• ฉันออกจากหอไปยังผับที่ฉันยื่นไปสมัครงานไว้ จริงๆลูกแก้วบอกให้ฉันเผื่อใจไว้เพราะแค่ยื่นใบสมัครได้ไม่ได้แปลว่าจะถูกเรียกตัวไปทำงาน แต่ฉันยื่นใบสมัครไปเมื่อคืน บ่ายๆวันต่อมาก็โดนเรียกตัวไปสัมภาษณ์แล้ว ขอให้ได้งานด้วยเถิด!!!เพี้ยง!!! “คนนิจิวะ!!” ตอนนี้พึ่งจะบ่ายสองผับยังไม่เปิดฉันเลยเดินเข้ามาแบบงงๆเพราะมันมืดมาก “ใครน่ะ!!” “คนนิจิวะ!! เอ้ยๆสะ สวัสดีค่ะ” ฉันเผลอพูดทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่นตามความเคยชิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทย “เธอมาทำอะไรตอนนี้ผับยังไม่เปิดนะ” “ฉันมาสัมภาษณ์งานตามที่มีคนโทรไปนัด นายรู้ไหมว่าฉันต้องไปตรงไหน” “สัมภาษณ์งาน??” “อื้ม…นายคงเป็นพนักงานเหมือนกันใช่ไหม รู้จักกันไว้ก็ดีนะมีอะไรจะได้ช่วยกัน” นายคนนั้นยืนอยู่ที่ชั้นสอง ดูจากการแต่งตัวแล้วคงรุ่นๆเดียวกับฉันแหละ ตีสนิทเป็นเพื่อนไปเลยแล้วกันถ้าได้ทำงานจริงๆจะได้มีพวก “เหอะ..!! ไอ้กร!! วันนี้แกตามใครมาสัมภาษณ์งานหรือเปล่า” นายคนนั้นไม่สนมิตรภาพที่ฉันมอบให้เลย กลับหันหลังไปตะโดนหาใครก็ไม่รู้ เสียมารยาทชะมัด “ครับบอส!!” ซักพักก็มีผู้ชายอีกคนวิ่งออกมาจากข้างหลัง ตอนนี้ฉันได้แต่ งงๆกับคำที่ผู้มาให้เมื่อกี้เรียกนายคนนั้น บอสหรอ!! “มาแล้วหรอ!! ขึ้นมาข้างบนสิ” “อ่อ..ค่ะ” ฉันเดินไปแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะเผลอทำตัวสนิทกับเจ้านายตั้งแต่ยังไม่ได้งานเลย “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักนะ คนนี้คือคุณแผ่นดินเป็นบอสลำดับที่สาม ถ้าวันนี้เธอผ่านสัมภาษณ์งานก็คงจะได้เจอบอสที่นี่บ่อยๆ” “สะ…สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขาอัตโนมัติ ทั้งๆที่ก็น่าจะอายุใกล้ๆกันแต่เขามีตำแหน่งที่สูงกว่านี่นะ “เดี๋ยวคนนี้ฉันสัมภาษณ์เอง” “ห๊ะ..จะดีหรอครับบอส นั่นมันหน้าที่ผมนะ” “แต่คนที่จ่ายเงินเดือนทุกคนในนี้คือฉัน” “ก็ได้ครับบอส…งั้นผมฝากด้วยนะครับ” นายคนนั้นอยู่ๆก็ยกฉันให้นายคนนี้แล้วก็วิ่งออกไปเลย ทำแบบนี้ก็ได้หรอ “ไปรอฉันที่ห้องทำงานอยู่ชั้นสามห้องซ้ายมือ” “ค่ะ!!” ฉันพยักหน้าแล้วเดินมาตามที่เขาบอก ห้องอยู่ชั้นสามซ้ายมือ ห้องซ้ายมือมันมีตั้งหลายห้องแล้วห้องที่เขาว่ามันคือห้องไหนล่ะ ฉันยืนลังเลจะกลับลงไปถามก็กลัวโดนดุ หน้าเขายิ่งไม่ค่อยดีกับฉันอยู่ เอาว่ะ!!ถ้าไม่รู้ก็เปิดดูทีล่ะห้องเลยแล้วกันเขาบอกว่าห้องทำงานของเขาดังนั้นในห้องก็ต้องมีรูปเขา ก๊อกๆ “ขออนุญาตนะคะ”ฉันเคาะแล้วเปิดห้องแรกแต่ก็ไม่มีใคร ห้องมืดสนิท จนเดินมาห้องสองห้องสามก็ยังไม่มีใคร เหลืออีกสองห้องสุดท้าย!!ดังนั้นต้องเป็นสองห้องนี้แน่ๆแต่ด้วยความที่ฉันเปิดแล้วไม่เจอใครมาสองห้องก็เลยลืมเคาะประตู พั่บ พั่บ พั่บ “อ๊าส์ ธาราขา กระแทกลงมาแรงๆเลยค่ะ อื้อ” ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงแปลกๆเป็นเสียงครางของผู้หญิงที่กำลัง… คือ…ฉันเกิดและโตที่ญี่ปุ่นไงแล้วฉันก็ไม่ได้เด็กขนาดที่จะไม่รู้ว่าเสียงนี้เกิดจากอะไรแต่มันไม่ควรจะมาเจอตอนนี้ไหม!!! ปัง!!! “โรคจิตหรือไงถึงมาแอบดูคนอื่นเขาเอากัน” บอสแผ่นดินดึงฉันให้ออกมาแล้วปิดประตู ก็เขาไม่ใช่หรอที่ให้ฉันมาหาห้องซ้ายมือ “มิรินป่าวนะก็คุณบอกให้มาห้องซ้ายมือ แล้วคุณดูว่ามันมีกี่ห้อง มิรินจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้องไหน” “ฉันไม่ได้บอกเธอหรอว่าห้องฉันคือห้องสุดท้าย” “ไม่ได้บอกค่ะ!!” ฉันกดเสียงหนักๆใส่เขา ตัวเองผิดแท้ๆเลยยังมาว่าฉันเป็นโรคจิตอีกแล้วใครจะไปรู้ว่าห้องนั้นเขากำลังทำกิจกรรมอย่างว่ากันอยู่ ทั้งๆที่ตอนนี้มันพึ่งจะบ่ายโมงเอง “ตามมา” ฉันเดินตามเขามาที่ห้องสุดท้าย ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นห้องทำงานตามที่เขาบอกตอนแรก แต่พอเห็นจริงๆแล้วมันไม่ใช่!!! “คะ…ไหนคุณบอกว่าจะพามาสัมภาษณ์งานไง”…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม