ปกเกศกลับมาถึงห้องเวลาก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้วเขาขับรถไปส่งวลิตาที่คอนโดมิเนียมของเธอก่อน พอเปิดประตูเข้ามาอย่างแรกที่เขาเห็นคือคีติกาที่นอนขดอยู่บนโซฟากลางห้อง ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดมองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก หากเธอคิดจะรอเขากลับมาเหมือนภรรยาที่รอสามีกลับบ้านเขาก็เคยบอกเธอไปแล้วว่าไม่ต้องรอ เขาไม่ชอบความรู้สึกเหมือนมีกฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็นกำหนดว่าเขาต้องกลับบ้านตามเวลา มันเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพ เขาจะกลับตอนไหนมันเรื่องของเขา การที่เห็นเธอนอนรอแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด
ร่างสูงพ่นลมหายใจออกอย่างแรงเบนฝีเท้าเดินไปก้าวหนึ่งก็หยุดเหมือนกับคิดไม่ตกว่าถ้าเขาไม่ปลุกเธอก็คงจะนอนอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า ดูท่าว่าจะหลับลึกเสียด้วย ชายหนุ่มตัดสินใจหมุนตัวกลับมา ย่อกายลงตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทใบหน้าข้างหนึ่งของเธอแนบกับหมอนอิงที่ใช้หนุน มือสองข้างกอดหมอนอิงอีกใบแนบอก ลมหายใจสม่ำเสมอ ดวงตาคมถึงกับหยุดมองใบหน้าของเธอนิ่งนานเหมือนกับถูกสะกดไว้ ทั้งที่เห็นกันอยู่ทุกวัน แต่แปลกที่เขายังไม่เคยมองเธอตอนหลับแบบนี้เลยสักครั้ง
ปกติเขาจะส่งข้อความหรือโทร. บอกคีติกาหากไม่กลับมากินมื้อเย็นเพราะเธอจะได้บริหารจัดการตัวเองได้ตามที่ควร ซึ่งเขาถือว่าเป็นเรื่องสมควรและไม่ได้ยุ่งยากหรือลำบากอะไร เป็นการตัดปัญหาจุกจิกของคนอยู่ร่วมกัน และหากเขาไม่กลับมากินมื้อเย็นก็หมายรวมไปถึงว่าเขาจะกลับตอนไหนเธอก็ไม่ต้องรออีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องบอกเธอ วันนี้หลังจากที่ตอบรับไปดินเนอร์กับวลิตาแล้วเขาไม่ได้ส่งข้อความบอกคีติกาเพราะบังเอิญมีงานด่วนเข้ามาจึงลืมไปเสียสนิท นึกได้อีกทีก็เกือบสามทุ่มแล้ว ใจก็คิดว่าผิดเวลาขนาดนี้เธอคงรู้เองว่าเขาไม่กลับไปกินข้าวบ้านแล้ว
เรื่องของวลิตา...หากถามว่าเขาจะกลับไปหาเธอหรือไม่ ในความคิดของปกเกศมันยังไม่ถึงขั้นนั้นเพราะตอนนี้เขาก็มีคีติกาอยู่แล้ว ถึงยังไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรกับหญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตแบบไม่ได้ตั้งใจคนนี้มากนัก แต่เสียงเล็ก ๆ ในใจส่วนหนึ่งก็บอกตัวเองว่าไม่อยากทำให้เธอเสียใจในเวลานี้
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกอย่างเสียไม่ได้อีกครั้ง และเสียงลมหายใจนั้นเองที่ทำให้คีติการู้สึกตัวลืมตาขึ้น ครั้นเห็นดวงตาคู่คมกำลังจ้องเธออยู่ด้วยแววตาเข้มลึก ร่างบางก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็วราวกับหวาดกลัวอะไร
“เฮียเติ้ง มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ร่างสูงส่ายหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาไม่ตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามมาแต่สวนกลับไปว่า
“ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า...” ส่วนท้ายของประโยคว่า ‘ไม่ต้องรอ’ ยังไม่หลุดออกจากริมฝีปากหยัก คีติกาก็แทรกขึ้นอย่างลนลาน
“หลิวไม่ได้มานอนรอเฮียนะคะ หลิวออกมาเปิดทีวีดูแล้วเผลอหลับไปก่อนค่ะ”
ถึงแม้ความจริงจะเป็นไปอย่างที่เขาคิด แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธออกไปเพราะไม่อยากโดนดุหรือทำให้เขาขัดเคืองรำคาญใจว่าเธอพูดไม่รู้ฟัง คีติกาเข้านอนและพยายามระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านจนนับแกะไปได้หลายพันตัวก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ จึงตัดสินใจลุกออกมานั่งที่โซฟาในห้องรับแขกมองออกไปนอกผนังกระจกสูงจนกระทั่งความอ่อนเพลียที่สะสมมาทั้งวันทำให้เผลอหลับไปในที่สุด เธอสำเหนียกตัวเองดีว่าสถานะคู่หมั้นของเธอนั้นมันเป็นสถานะลอย ๆ เหมือนหมอกควันที่รู้ว่ามีแต่จับต้องไม่ได้และพร้อมจะสูญสลายหายไปได้ตลอดเวลาเธอไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาทั้งสิ้น
ร่างโปร่งบางลุกขึ้น “ขอโทษนะคะ หลิวขอไปนอนก่อน” เอ่ยขอโทษเสียงอ่อนเบา ก่อนจะเดินก้มหน้าเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ปกเกศยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้อารมณ์งุ่นง่านหงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากสาเหตุเพียงเล็กน้อยคลายลงเขาจึงเดินตรงไปที่ห้องของเขา เป็นอีกคืนที่เขาไม่ได้แวะเข้าไปในห้องของคีติกา ทั้งคู่แยกกันจนกระทั่งเช้าวันใหม่จึงออกมาเจอหน้ากันอีกครั้ง หญิงสาวตื่นก่อนและมาจัดเตรียมมื้อเช้าให้เขาก่อนไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาเดินมาถึงโต๊ะอาหารเธอก็แจงรายการอาหารมื้อเช้าให้เขาฟังเหมือนเคย ทุกทีแม้เขาจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ก็จะทำเสียงตอบรับอย่าง ‘อืม’ หรือพยักหน้ารับรู้ แต่เช้านี้...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก เขานั่งกินมื้อเช้าโดยไม่มีบทสนทนากับเธอ และเมื่อกินเสร็จเรียบร้อยก็ออกจากห้องไป คีติกาถอนหายใจบางเบา รู้สึกหดหู่หัวใจจนต้องปลุกปลอบตัวเองให้มีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป หลังจากปกเกศออกไปไม่นานเธอก็ออกไปที่ร้านเช่นกัน
วลิตากับแพรวพรรณรายมาทำธุระแถวราชพฤกษ์ ใกล้เที่ยงสองสาวก็ชวนกันหาร้านอาหารแถวนี้รับประทาน แพรวพรรณรายที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียลเป็นคนค้นหาร้านเด็ด ๆ เพื่อจะได้ถ่ายคลิปทำคอนเทนต์เรียกยอดไลก์ด้วย ก่อนจะเห็นรีวิวร้านครัวปิยะดา ที่มีลูกค้ารีวิวเยอะ คะแนนร้านก็ดี อีกทั้งเธอยังเห็นภาพของหญิงสาวที่คนรีวิวบอกว่าเป็นเจ้าของร้านซึ่งถ่ายภาพร่วมกับลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์สาวขมวดคิ้วที่เพิ่งฝังสีคิ้วคอมโบอยู่ครู่หนึ่งเพราะคุ้นหน้าหญิงสาวในภาพ ก่อนจะนึกออกว่าเคยเห็นเธอคนนี้ที่ไหน
“นี่ไง คนนี้ไงผู้หญิงที่ฉันเห็นควงกับคุณเติ้งเมื่อหลายเดือนก่อน”
วลิกาหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อนสาวทันควัน
“งั้นก็ไปร้านนั้น”
แพรวพรรณรายปักหมุดและบอกเส้นทางให้เพื่อนมุ่งหน้าไป พอไปถึงที่ร้านก็มีบริการที่จอดรถสำหรับลูกค้า ซึ่งแม้ลานจอดรถจะกว้างขวางแต่ก็มีรถจอดเกือบเต็มพื้นที่ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเที่ยงวันดี ทั้งสองเดินเข้ามาในร้าน คีติกาที่ออกจากครัวมาดูแลหน้าร้านเดินยิ้มเข้ามาต้อนรับ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ลูกค้ามากี่ท่านคะ”
“สอง”
แพรวพรรณรายเป็นคนตอบด้วยน้ำเสียงติดจะหยิ่งเล็กน้อย คีติการู้สึกเหมือนจะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้และค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ที่ร้าน แต่ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะในฐานะคนค้าขายลูกค้าคือบุคคลสำคัญ เธอส่งยิ้มต้อนรับและเชิญทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้พนักงานนำเมนูมาวางให้ลูกค้า ปล่อยเวลาให้ลูกค้าสาวทั้งสองได้เลือกรายการอาหาร ก่อนที่จะกลับมารับออร์เดอร์อีกครั้ง
ขณะที่แพรวพรรณรายเปิดเมนูอาหารดู วลิตาก็มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากบางยกยิ้ม คิดบางอย่างขึ้นได้ก็ยกมือถือเครื่องหรูขึ้นมาแนบหู พูดเสียงดังพอประมาณกับคนในสาย
“ค่ะเฮีย... วามาทำธุระกับเพื่อนน่ะค่ะ ตอนนี้แวะทานมื้อเที่ยงอยู่ค่ะ เฮียเติ้งล่ะคะ ทานอะไรรึยัง...อ๋อ จำได้ค่ะ ชั้น G ของตึกเกียรติเอนเตอร์ไพรส์”
ได้ผล ชื่อคนในสายและชื่ออาคารที่เอ่ยถึงสะดุดหูคีติกา ตึก ‘เกียรติเอนเตอร์ไพรส์’ คืออาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเกียรติยั่งยืน...ของปกเกศ
“เมื่อคืนวามีความสุขมากนะคะที่ได้ดินเนอร์กับเฮีย วันหลังเรานัดกันอีกน้า อ้อ ลืมไป เฮียลืมของไว้ที่ห้องด้วยนะคะ อ๊ะ ไม่บอกหรอกว่าอะไร อยากได้คืนต้องมาเอาคืนเองนะคะ แค่นี้น้า วาขอทานข้าวกับเพื่อนก่อน...คิดถึงเหมือนกันค่ะเฮีย”
ประโยคสุดท้ายที่มีคำว่า ‘คิดถึงเหมือนกัน’ หมายความว่าคนปลายสายต้องพูดว่าคิดถึงก่อนสินะ มือของคีติกากำแน่นก่อนจะคลาย ตอนแรกคีติกาก็คิดว่าเธออาจจะคิดมากไป เพราะคนชื่อเติ้งไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ชื่อบริษัทและเหตุการณ์ที่ได้ยินว่าไปดินเนอร์ด้วยกันเมื่อคืนมันช่างประจวบเหมาะ ทว่าหญิงสาวเก็บสีหน้าได้ดี ไม่ได้หันมามองให้เป็นพิรุธ แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปของคีติกาอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องอยู่ วลิตาจึงรู้ว่าแผนการนี้ของเธอสำเร็จแล้ว หญิงสาวยิ้มเยาะอย่างสมใจ