บทที่ 2

1089 คำ
บทที่ 2 ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามวิกาล ซูเมิ่งนอนหงายอยู่บนเตียง ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้ทำให้นางหลับสนิท น้ำตาที่ยังไม่ทันแห้งดีทำให้ดวงตาแดงช้ำ ภายในห้องมืดมิดไร้ซึ่งแสงใดลอดเข้ามา เสียงลมหายใจของนางที่ดังขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ฟังชัดเจนในความเงียบสงัดนั้น ทว่า ความเจ็บปวดที่ลำคอกลับปลุกนางขึ้นมากลางดึก หัวใจเต้นรัวด้วยความตกใจ นางรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เหมือนมีบางสิ่งกดทับที่คอและร่างกายของตน ซูเมิ่งพยายามขยับตัว แต่เหมือนว่าร่างกายของนางถูกพันธนาการเอาไว้ นางพยายามเปิดตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทว่าความมืดมิดก็ทำให้นางเห็นเพียงเงาดำตะคุ่มที่ค่อมอยู่เหนือร่างของตน มือใหญ่และแข็งแรงกำลังบีบคอของนางอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ถึงแรงกดที่แน่นขึ้นเรื่อย ๆ “อึก...! “ซูเมิ่งพยายามหายใจ แต่ลมหายใจที่เคยเข้าปอดกลับตื้นเขิน ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้นทุกขณะจนเริ่มรู้สึกว่าชีวิตกำลังหลุดลอยไป ความตายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ นางพยายามจะดิ้นรน สองมือของนางพยายามดันมือที่บีบคอตนออก แต่แรงที่นางมีไม่อาจเทียบกับแรงของบุรุษในเงามืดได้ นางเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ความมืดเริ่มปกคลุมสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่อย่างเชื่องช้า ทว่าก่อนที่สติของนางจะหลุดลอยไป เสียงโหวกเหวกโวยวายจากด้านนอกก็ดังขึ้น ก่อให้เกิดการกระตุ้นที่ทำให้นางพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เห็นใบหน้าของบุรุษที่กำลังบีบคอนางอย่างชัดเจน ดวงตาของซูเมิ่งเบิกกว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังเอาชีวิตนาง เขาคือจางหมิ่ง ชายผู้ที่เคยช่วยชีวิตนางไว้ เขาคือผู้ที่นางเคยวางใจ กลับกลายมาเป็นผู้ที่กำลังปลิดชีวิตของนางเอง นางพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายไว้ แม้ตระหนักดีว่าร่างกายที่บอบบางนี้ไม่อาจทนทานต่อไปได้อีกแล้ว ซูเมิ่งจ้องมองจางหมิ่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาลัยและสับสน ความหวังเล็ก ๆ ที่นางมีต่อเขานั้นถูกทำลายสิ้นในชั่วพริบตา นางสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงต้องสังหารนาง นางมิได้ปรารถนาจะอยู่ร่วมกับเขา รุ่งสางเพียงอีกไม่กี่ชัวยาม นางก็จะจากไป ไปจากชีวิตของเขาแล้ว แต่เหตุใดเขาจึงเลือกที่จะลงมือกับนางก่อนที่นางจะได้ก้าวจากไปด้วยตัวเอง สองมือแกร่งกุมลำคอเล็ก ๆ เอาไว้ “สำหรับท่านพี่ ข้าคือความอัปยศจนมิอาจให้หายใจร่วมกันเช่นนั้นหรือ” ซูเมิ่งคิดในใจเพราะลำคอตีบตันจนมิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้อีก ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของนางอย่างช้า ๆ นางนึกถึงคำพูดของคุณหนูที่พูดกับนางในตอนกลางวัน ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับจางหมิ่งอาจจะกลายเป็นเรื่องอับอาย หากเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผย สิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องสังหารนางเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ซูเมิ่งรู้ดีว่าเหตุผลใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นางปล่อยวางจากความคิดเหล่านั้น ความเจ็บปวดที่เคยรู้สึกเริ่มเลือนหายไป ความหนาวเย็นเริ่มเข้าครอบงำร่างกายของนาง นางได้แต่เพียงหวังว่า ชีวิตนี้ที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ นางก็มอบคืนให้เขาแล้ว ชาตินี้และชาติหน้า ระหว่างเขาและนางจะไม่ติดค้างกันอีก... สติของซูเมิ่งค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับความมืดพร้อมกับแสงจันทร์ที่หายไปที่ นางปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมา ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับลงอย่างสมบูรณ์... ซูเมิ่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้พบว่าตนเองอยู่ในห้องนอนใหญ่ ความเจ็บปวดที่ลำคอยังคงอยู่ นางรีบจุดตะเกียงและวิ่งไปส่องกระจก พบว่าที่คอของตนมีรอยช้ำที่เกิดจากการถูกบีบ ความฝันที่ถูกจางหมิ่งบีบคอหาใช่ความฝันไม่ มันคือความจริง ความทรงจำทั้งหมดไหลบ่าเข้ามาในหัวของนางทันที นางจำได้แล้วว่าตนเองคือ ปิงเฉิงเหยา บุตรสาวเสนาบดีฝ่ายขวาปิงเจิ้นหนาน และตอนนี้นางนอนอยู่ที่ห้องนอนของคุณหนูใหญ่ นั่นหมายความว่านางได้ย้อนเวลากลับมาก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้น เฉิงเหยาถอนหายใจลึก รู้ดีว่าชะตาชีวิตของนางยังไม่จบเพียงเท่านี้ นางได้รับราชโองการให้แต่งเข้าจวนอ๋องที่เมืองจางเจียเจี้ย กับอู่อ๋อง บุรุษที่นางไม่เคยพบหน้า ในชาติก่อนเคยพยายามหนีงานแต่งนี้มาหลายครั้ง แต่ก็ถูกบิดาจับตัวกลับมาทุกครั้ง จึงคิดวางแผนหนีระหว่างทางด้วยความช่วยเหลือของน้องสาวต่างมารดา แต่สุดท้ายแผนการหนีนั้นกลับกลายเป็นแผนการเอาชีวิต นางถูกน้องสาวทรยศและถูกสาวใช้คนสนิทของเยว่ฉางสังหารไล่ล่าจนจมน้ำในลำธาร นางหมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ไร้ซึ่งความทรงจำ และได้จางหมิ่งช่วยชีวิตไว้ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้พรากชีวิตนางไป เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาในคราวนี้ เฉิงเหยาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด นางจะไม่หนีงานแต่งอีก นางจะยอมรับราชโองการแต่โดยดี หากเป็นถึงพระชายาของอู่อ๋อง แม้จะเป็นหมากทางการเมือง แต่ก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ อู่อ๋องมีข่าวเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับสตรี เช่นนั้นนางจะอยู่ในจวนอ๋องอย่างสงบเสงี่ยมเจี่ยมตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีใด ๆ ของเขา หึ เฉิงเหยาหัวเราะขืน ว่าที่สามีงั้นหรือ คุณหนูที่มาแสดงตนว่าเป็นคู่หมายของจางหมิ่นคือเยว่ฉาง น้องสาวต่างมารดาของนางเอง หากนางเป็นพระชายาแล้วปิงเยว่ฉางเป็นเพียงฮูหยินขุนนางสักคน ขุนนางคนนั้นก็คงจะหมายถึงจางหมิ่นสามีของนางในชีวิตที่แล้ว และน้องสาวของนางอย่างปิงเยว่ฉางก็คงทำอะไรนางไม่ได้แล้ว ขอเพียงให้การเดินทางไปเมืองจางเจียเจี้ยในชีวิตหนนี้ มิต้องได้พบจางหมิ่น สวรรค์เมตตาให้นางย้อนกลับมาอีกครา อย่าได้ใจร้ายให้นางพบเขาอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม