บทที่๓ หญิงงามพรั่งพร้อม(๒)

1220 คำ
พวกนางเป็นเพียงบ่าวที่มีหน้าที่อุ่นเตียง หากเป็นสกุลใหญ่ในเมืองหลวงนั้นกระทำการลบหลู่นายหญิงของเรือนเช่นนี้มิใช่ถูกโบยจนตายแล้วหรอกหรือ เพียงแต่เจียงซูเยว่ไม่อยากหาเรื่องให้ผู้อื่นขุ่นเคือง จึงพูดเป็นนัยๆ เท่านั้น “ว่าแต่พี่สาวน้องสาวทั้งหลายมาพบข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ” นางเลิกคิ้วถาม สีหน้าท่าทางที่เผยให้เห็นนั้นบ่งบอกได้ว่าไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดคนพวกนี้ต้องอยากพบตนด้วย แน่นอนว่าย่อมอยากมาดูหน้าเจ้า อยากรู้ว่าเจ้ามีรูปร่างหน้าตาเช่นไร งดงามหรือไม่ จะสามารถมัดใจคุณชายสามได้หรือไม่ มีนิสัยรูปลักษณ์เป็นเช่นไร วันข้างหน้าจะเป็นภัยต่อความรักความโปรดปรานที่คุณชายสามมีต่อตนหรือไม่ นี่คือสิ่งที่อ่านได้จากสีหน้าของสาวงามเหล่านี้ ครั้นแต่ละคนไม่ยอมพูดจา เอาแต่ยิ้มด้วยสีหน้าซื่อๆ จึงได้แต่โบกมือ “ถ้าไม่มีเรื่องอันใด พี่สาวน้องสาวทั้งหลายก็กลับไปเถิด ข้าล้าแล้ว” เพิ่งจะตื่นขึ้นมาแต่งหน้าหวีผมไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เจียงซูเยว่พลันปิดปากหาวทีหนึ่ง ในเมื่อเจ้าของเรือนเอ่ยปากพวกนางทั้งแปดย่อมต้องยอบกายถอยออกไปเงียบๆ เดิมทีไม่พอใจกับการถูกไล่ออกมาแต่พอได้ยินว่าฟู่จูไปรับคุณชายสามกลับมาแล้ว พวกนางแต่ละคนก็เริ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ประโคมเครื่องหอมเครื่องแต่งกายจนงดงามเฉิดฉันอีกครั้ง ผิดกับนายหญิงที่ได้รับรายงานกลับทำเพียงครางรับคำหนึ่ง เสี่ยวถิงเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะยอบกายถาม “นายหญิง รับมื้อเช้าเลยหรือไม่” คราวนี้สีหน้าของเจียงซูเยว่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะสำหรับนางแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาหารที่พรั่งพร้อมอุดมสมบูรณ์แม้แต่น้อย แต่พออาหารทุกอย่างวางตรงหน้ากลับเอาแต่หรี่ตามอง ลองคีบกับข้าวสองสามอย่างเข้าปากแล้วพลันวางตะเกียบลง แม้แต่น้ำแกงที่วางอยู่ก็ไม่ดื่มแม้แต่คำเดียว เห็นสะใภ้สามฝืนกินมื้อเช้าได้ไม่กี่คำ คนเฝ้ามองความเคลื่อนไหวจึงได้แต่ถอยออกไปเงียบๆ เส้นทางที่มุ่งหน้าไปย่อมเป็นบริเวณด้านหลังของเรือนย่ำแดนเซียน บนท้องฟ้าปรากฏนกสีขาวตัวหนึ่งบินตรงไปยังทิศทางที่ตั้งของเรือนวาสนามากล้น หรูลี่เร่งฝีเท้าเข้ามา ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้นายหญิงใหญ่ พออ่านแล้วสีหน้าของหลินซือหรูไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “อาหารชาวเหยียนโจวของเราอาจไม่ถูกปากเยว่เอ๋อนัก หรูหนานซื้อพ่อครัวจากเมืองหลวงมาสักสองสามคนเถิด” หรูหนานยอบกายลง ก่อนสะใภ้สามจะแต่งเข้ามาพวกนางที่ทำงานรับใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ก็รู้แล้วว่าฮูหยินใหญ่คงยอมรับลูกสะใภ้จากสกุลเจียงผู้นี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมอบความรักใคร่เอ็นดูให้ ครั้งนี้ฮูหยินใหญ่คงหวังพึ่งสะใภ้สามจริงๆ กระมัง แต่ไม่รู้ว่าพอคุณชายสามกลับมาแล้วจะยอมรับภรรยาเอกผู้นี้ง่ายๆ หรือไม่ หากไม่ ภายภาคหน้าคุณหนูจากสกุลเจียงย่อมนับว่าต้องพบความลำบากอย่างแท้จริงแล้ว หวังว่าพ่อครัวที่รับมาจากเมืองหลวงนั้น จะทำอาหารได้ถูกปาก เมื่อกินอิ่มย่อมมีแรงสู้รบตบมือกับผู้อื่น โดยเฉพาะกับคุณชายสามผู้ได้ชื่อว่าเกเรดื้อรั้นไม่เชื่อฟังที่สุด แต่ถึงกระนั้น คุณชายสามฟางจิ้งห้าวผู้นี้กลับเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตของฟางฮูหยิน ขณะที่แม่สามีมีแผนการหนึ่งในใจ ภายในห้องข้างของเรือนหลักที่พำนักของเจียงซูเยว่กำลังมีเสียงหนึ่งเจื้อยแจ้ว “เรือนแห่งนี้ เจ็ดปีก่อนชื่อเรือน คุณธรรมมากล้น แต่พอคุณชายสามอายุสิบหกก็เปลี่ยนชื่อเรือนเป็นย่ำแดนเซียน” หงหลินเข้ามาในจวนสกุลฟางเพียงข้ามวันก็สืบเสาะเรื่องราวหลายอย่างได้แล้ว “พออายุยี่สิบคุณชายสามก็เริ่มรับสาวใช้ห้องข้าง มาถึงตอนนี้ก็มีแปดคนไม่ขาดไม่เกิน คนที่หนึ่งด้วยเห็นว่างดงามปานดอกกล้วยไม้จึงตั้งชื่อว่า ม่อหลัน คนที่สองงามดังดอกบัว นามว่า เหลียนฮวา คนที่สามคือฝูหรง คนที่สี่คือสุ่ยเซียน ส่วนคนที่ห้าพบกันช่วงฤดูร้อน ชื่อเสี่ยวหม่าน อีกคนต้นฤดูใบไม้ร่วง ลี่ชิว คนที่เจ็ดลี่ชุน ส่วนคนที่แปดนั้นได้ยินว่าคุณชายสามโปรดปรานที่สุด แม่นางซูเซียว ได้ยินว่าเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นเมื่อหนึ่งปีก่อนนี้เอง” หงหลินปิดบันทึกที่อยู่ในมือ “สาวงามทั้งหมดอยู่ในวัย สิบหกถึงยี่สิบสามปี” ได้เห็นความสามารถของหงหลินแล้ว เสี่ยวถิงนึกเสียใจจริงๆ ที่ปล่อยให้คุณหนูรั้งอีกฝ่ายอยู่ข้างกาย ดูเอาเถิดแม้แต่เรื่องนี้ก็ยังขุดมาทำร้ายจิตใจคุณหนูได้ “บางเรื่องเจ้าก็พูดให้น้อยลงสักหน่อยเถิด” จะมีภรรยาเอกคนใดอยากรู้เรื่องราวของสามีกับหญิงอื่นกันเล่า หงหลินรู้ว่าตนคิดน้อยไปจึงได้แต่มองนายหญิงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เจียงซูเยว่ยิ้มพลางกล่าวชม “หงหลินของข้าเก่งกาจที่สุด” “คุณหนู” เสี่ยวถิงส่งเสียงห้ามปราม เจียงซูเยว่เมินสายตาของเสี่ยวถิง หันไปถามหงหลินอีกเรื่องแทน “สืบรู้หรือยัง เหตุใดฮูหยินสี่กับฮูหยินห้าถึงตายไป” “รู้แล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับ ได้ยินว่ายามมีชีวิตอยู่นายท่านสกุลฟางรักใคร่ฮูหยินสี่กับฮูหยินห้าที่สุด และฮูหยินทั้งสองก็รักเทิดทูนนายท่านสกุลฟาง คงเป็นเพราะเบื้องหลังของพวกนางไร้บุตรชายบุตรสาว และไม่อาจทนต่อการพลัดพรากได้ พอนายท่านสกุลฟางสิ้นอายุขัย ทั้งสองจึงพากันฆ่าตัวตาย คืนนั้น ฮูหยินใหญ่เปลี่ยนโลงศพของนายท่านสกุลฟางให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ทั้งสามคนได้อยู่เคียงข้างกัน” แม้เรื่องนี้ฟังดูจะแปลกอยู่บ้าง แต่ในใจของเจียงซูเยว่จดจำไว้แล้ว วันไหนที่ฟางจิ้งห้าวตายไป หากบรรดาสตรีทั้งหลายทำใจอดทนต่อการจากไปของเขาไม่ได้ นางจะสั่งทำโลงศพขนาดใหญ่ เอาไว้ให้พวกเขานอนเคียงข้างกัน ถ้าจะให้ดีต้องทำขนาดโลงที่บรรจุศพได้สักยี่สิบสามสิบคน เพราะภายภาคหน้าไม่รู้ว่าสตรีในเรือนย่ำแดนเซียนนี้จะเพิ่มขึ้นมาอีกกี่เท่า พอมองเห็นอนาคตความวุ่นวายในเรือนแห่งนี้แล้ว เจียงซูเยว่อยากรู้เหลือเกินว่า เหล่าบรรดาพี่สาวน้องสาวที่แต่งออกจากจวนสกุลเจียงมาพร้อมกัน มีคุณชายสกุลใดจะมากภรรยาเทียบเท่ากับสามีผู้นี้ของตนบ้าง ดูท่าแล้วคำตอบคงมีเพียงคำเดียวเท่านั้น นั่นคือ ไม่มี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม