7
เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ
“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ
“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”
ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก
“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”
ดัตถพงศ์พูดกับตัวเองพลางคิดหาวิธีแก้ปัญหา เขามีทางเลือกอยู่สองทางในใจ หนึ่งเปิดห้องในโรงแรมให้เธอนอน สองคือพาไปคอนโดส่วนตัวของตน
หากเขาเลือกวิธีที่หนึ่ง เธอก็ต้องนอนพักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว แล้วยิ่งหลับเป็นตายเช่นนี้ใครคิดมิดีมิร้ายขึ้นมา จะต่อสู้หรือขัดขืนอะไรได้ ถึงแม้ว่าจะพานิสารัตน์ไปพักในโรงแรมชื่อดัง ดัตถพงศ์ก็ไม่ไว้ใจ ครั้นจะเฝ้าดูแลเธออยู่ในห้องด้วยก็ดูไม่งาม นิสารัตน์จะเสียชื่อเสียงเพราะคนภายนอกจะต้องสังเกตว่า เขาพาหญิงสาวคนไหนมาพักด้วย
ทว่าหากเขาเลือดวิธีที่สอง พาเธอไปยังคอนโดของตน บุคคลที่อยู่ในคอนโดต่างก็ชินกับการที่เขาควงสาวไปหลับนอนบนห้องด้วยบ่อยๆ จนไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครใส่ใจว่าเขาจะพาใครขึ้นไปบนห้อง ดัตถพงศ์คิดว่าทางนี้น่าจะดีที่สุด อำพรางใบหน้าของเธอสักหน่อยด้วยการสวมใส่แว่นตาดำ สวมหมวกแก๊ปให้เธออีกสักใบแค่นี้ก็เรียบร้อย คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบจัดการทุกอย่างตามความตั้งใจของตน
สี่สิบนาทีต่อมาดัตถพงศ์เดินทางมาถึงคอนโดสุดหรูขอบเขา พอจอดรถสนิทเขาก็เริ่มอำพรางตัวให้นิสารัตน์ด้วยการสวมใส่แว่นตาดำและหยิบหมวกแก๊ปที่เขามักใช้ระหว่างออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้าและเพื่อนฝูง จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเขาก็อุ้มร่างของคนเมาไม่ได้สติขึ้นไปบนห้องพักของตนโดยใช้ลิฟต์ตรงส่วนลานจอดรถเป็นพาหนะนำเขาและเธอขึ้นไปบนชั้นที่ 32
เป็นดังที่ดัตถพงศ์คาดการณ์ ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะพาหญิงใดขึ้นไปบนห้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงประตูลานจอดรถเพียงแค่ยิ้มและทักทายตามปกติ เขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องที่นิสารัตน์ต้องเสียชื่อเสียงหากใครรู้ว่า คนที่หมดสภาพตอนนี้คือดารานักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย
“อ้วก อ้วก” คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเริ่มรู้สึกตัว แต่ทว่าการรู้สึกตัวของเธอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ นิสารัตน์มีอาการอยากจะอาเจียน ร้องโอกอ้ากตลอดทางที่อยู่ในลิฟต์
“เฮ้ยๆ ฟ้าๆ อย่าเพิ่งอ้วกนะ รอให้ถึงห้องก่อน” เขาบอกสาวเจ้าที่ตนอุ้ม
“อ้วก อ้วก” เธอทำท่าจะขย่อนอาหารที่อยู่ในท้องออกมา
“ทนหน่อยฟ้า ทนอีกนิดจะถึงแล้ว”
เขาภาวนาอย่าให้เธออาเจียนออกมาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่ชั้นก็จะถึงจุดหมายแล้ว และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้างเขาก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องชุดของตนเองทันที เขาวางร่างนุ่มนิ่มให้นั่งลงบนพื้นก่อนจะล้วงหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดประตูห้อง หลังจากจัดการประตูห้องให้เปิดออกแล้ว เขาก็ย่อตัวลงกำลังจะอุ้มร่างเล็ก
“อ้วก อ้วก อ้วก” นิสารัตน์อาเจียนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ย! บอกว่าอย่าเพิ่งอ้วกยังไงล่ะ รอให้เข้าไปในห้องก่อนไม่ได้หรือไง ดูสิเลอะเทอะ หมดเลย”
เขาบ่นอุบเมื่อนิสารัตน์สำรอกอาหารออกมาจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าทั้งของเขาและเธอ แล้วรีบช้อนอุ้มร่างงามเข้าไปในห้องของตน วางร่างสวยลงบนเตียงนอนของเขา
ดัตถพงศ์มองเห็นสภาพของนิสารัตน์ก็อดสงสารไม่ได้ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่เธอกลายเป็นเมรีขี้เมาก็เพราะความรักที่ขาดสะบั้นไม่ทันตั้งตัว แถมสาเหตุของการเลิกราคือ คนรักไปแต่งงานกับหญิงอื่น ความเสียใจจึงเพิ่มพูนหลายเท่า เธอจึงใช้แอลกอฮอล์เป็นที่ระบายความทุกข์ ถึงได้มีสภาพเช่นนี้
มองดูนิสารัตน์ก็นึกย้อนนึกถึงตัวเอง เขาก็เคยมีสภาพเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน วันที่กรกวินทร์บอกเขาว่า สนใจในตัวดาราสาวและจะเริ่มจีบอย่างไม่รีรอเวลา ตอนนั้นเขานึกว่าตัวเองยังมีความหวัง ใครดีใครได้ นิสารัตน์รับขนมจีบจากใครผู้นั้นก็ถือว่าได้ชัยชนะ แต่ทว่าความหวังที่ตนคิดว่ามีกลับมลายหายไปเมื่อเห็นสายตาของเธอที่มองไปยังกรกวินทร์ มันมีความหมายลึกซึ้ง เขารู้ได้ในตอนนั้นเลยว่าหมดหวัง สุราจึงเป็นที่พึ่งพิงสำหรับคนอกหักรักคุดเช่นเขา
“เลอะหมดเลย จะทำยังไงดีวะ ปล่อยให้นอนเลอะๆ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ” เขาพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นคราบอาเจียนที่เปรอะเปื้อนติดเสื้อผ้า รวมทั้งบริเวณปากและคางของเธอ “เอาไงดีวะเนี่ย”
ดัตถพงศ์ยืนมองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด หากจะให้เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่นอน ครั้นจะปล่อยให้เธอนอนอย่างนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน
“เช็ดคราบอาเจียนก็คงพอไหว”
เขาคิดว่าไม่มีวิธีใดดีเท่าวิธีนี้แล้ว ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เธอนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเอาเจียนก็ไม่ได้ ความคิดนี้จึงแวบเข้ามาในสมอง ดัตถพงศ์จึงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ