“ก็มันเรื่องจริงนี่หว่า เราสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เธอถูกนายหัวราเมศวร์ขอมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเติบโตมาพร้อมกับฉัน ฉันรักเธอเหมือนน้องสาว ฉันไม่คิดจะแต่งงานกับเธอหรอก”
ขณะเอ่ยบอกนั้นอธิศก็ยกมือลูบไล้ศีรษะของรินรดาด้วย ส่วนรินรดาก็ซบหน้าลงกับบ่ากว้างของคนที่เธอรักไม่ต่างจากพี่ชาย
“ฉันก็รักนายเหมือนพี่ชาย เพราะนายคอยปกป้องฉันเวลาถูกเด็กคนอื่นๆ บนแผ่นดินใหญ่รังแก นายเป็นพี่ชายคนเดียวที่ฉันมี...ถ้าจะแต่งงานกับใครสักคน ฉันอยากแต่งงานกับผู้ชายที่อบอุ่นแบบนายหัวราเมศวร์”
“รอชาติหน้าเถอะน้ำขิง ชาตินี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เป็นคนดีรักเดียวใจเดียวแบบนายหัวราเมศวร์และนายหัวรามินอีกแล้ว”
อธิศเอ่ยบอกให้เพื่อนรักทำใจ ชาตินี้คงหาผู้ชายดีๆ เหมือนนายหัวราเมศวร์ยากจริงๆ แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เป็นผู้ชายที่ดีและสมบูรณ์แบบได้ไม่ถึงครึ่งของนายหัวรา
เมศวร์ กุลธร
“นี่หมายความว่าฉันต้องค้างเติ่งอยู่บนคานทองว่างั้นเถอะ” รินรดาทำเสียงปลงๆ
และอธิศก็โอบแขนรอบบ่าเล็กของเพื่อนรัก พยักหน้าหงึกๆ เอ่ยตอบให้รินรดาต้องร้องกรี๊ดอีกหลายรอบ
“ใช่แล้วยายน้ำขิง ยกเว้นว่าเธอจะหลับหูหลับตายอมแต่งงานกับฉัน...ฮ่าๆๆๆ”
“ยี้!!! เลิกพูดได้แล้วนายนะโม” รินรดาหวีดร้อง ทำหน้าสยดสยองกับความคิดของเพื่อนรัก
และไม่ทันได้โต้เถียงปะทะคารมกับอธิศต่อ ทั้งเธอและอธิศก็มีอันต้องชะงักเสียงลง เมื่อเห็นร่างใหญ่ล่ำสันผิวสีแทนของใครคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านพักของนายหัวราเมศวร์ และชายคนดังกล่าวได้ทอดมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ ที่เธออ่านไม่ออก ก่อนจะหันไปจ้องมองอธิศเขม็ง จนอธิศต้องรีบลดมือลงจากบ่าเล็กของเธอ
ด้วยไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือใคร แต่คงเป็นเพื่อนหรือลูกค้าคนสำคัญของนายหัวราเมศวร์แน่ ถึงได้มาหานายหัวราเมศวร์ถึงบนเกาะ ทั้งรินรดาทั้งอธิศจงยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ ซึ่งอีกฝ่ายทำแค่เพียงพยักหน้ารับไหว้ และทิ้งสายตาอยู่ที่รินรดาเป็นเวลานาน ก่อนจะเดินตรงไปยังท่าเรือ
รินรดามองตามบุรุษร่างใหญ่จนลับสายตา แม้เขาจะเดินไปถึงท่าเรือแล้ว แต่สายตาคมกริบที่จ้องมองด้วยแววตาที่เธออ่านไม่ออก ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอให้ตัวสั่นสะท้าน
“นะโม ผู้ชายคนนั้นคือใคร นายรู้จักเขาไหม”
“ฉันคิดว่าฉันรู้จักเขานะ ขอคิดก่อนว่าเคยเห็นเขาที่ไหน”
อธิศทำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเบิกตาโตแล้วเอ่ยตอบออกมาหลังจากรู้แล้วว่าบุรุษร่างใหญ่น่าเกรงขามผู้นี้คือใคร
“นายหัวโมกข์! เขาคือนายหัวโมกข์ พิภัช เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายของนายหัวราเมศวร์ ฉันได้ยินกิตติศักดิ์ของนายหัวโมกข์มานานแล้ว เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ ก็วันนี้นี่เอง”
“นายหัวโมกข์...”
รินรดาพึมพำเรียกชื่อของนายหัวคนดัง ดวงตาสีนิลที่ทอดมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ ยังคงวิ่งวนอยู่ในหัว จนต้องถามอธิศว่า
“ทำไมนายหัวโมกข์มองฉันแปลกๆ นายรู้ไหมนะโม”
อธิศส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็วในทันที “ไม่รู้! ถ้าเธออยากได้คำตอบก็ตามไปถามนายหัวโมกข์สิ”
“ไอ้บ้า!” รินรดาอดเจริญพรเพื่อนรักไม่ได้พร้อมกับทุบอกด้วย “ใครจะกล้าถามเขาละ นายไม่เห็นหรือยังไงว่าสายตาของเขาน่ากลัวแค่ไหน”
“เออ...รู้แล้วว่าน่ากลัว เขาจ้องมองฉันจนฉันตัวสั่นเหมือนกัน”
อธิศสารภาพตรงๆ ยอมรับว่าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวตอนถูกนายหัวโมกข์จ้องมองเขม็ง และนั่นทำให้เขาต้องรีบลดมือจากการโอบกอดบ่าเล็กของเพื่อนรัก
“อย่าไปสนใจเลยน้ำขิง ขึ้นไปบนบ้านเถอะ จะได้บอกนายหญิงกับนายหัวรา
เมศวร์ว่าพวกเรากลับมาจากแผ่นดินใหญ่แล้ว”
รินรดาพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้เดินตามอธิศขึ้นไปบนบ้านในทันที หญิงสาวหันไปมองยังท่าเรือ ซึ่งไม่แน่ใจว่านายหัวโมกข์ได้ขับเรือออกไปหรือยัง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นแสงไฟจากก้นบุหรี่ไหววาบ และด้วยรู้สึกได้ว่ากำลังถูกนายหัวโมกข์จ้องมองเธออยู่ จึงรีบวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมกับบ่นอยู่ในใจว่า
‘น่ากลัวชะมัด แค่จ้องมองก็ทำให้เราใจสั่น อ่อนแรงไปหมด’
ภายในห้องทำงานบนบ้านพักของนายหัวราเมศวร์ กุลธร บนเกาะเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี สองบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการธุรกิจที่เกี่ยวกับท้องทะเลสีคราม กำลังนั่งจิบบรั่นดีเลิศรสและปรึกษาหารือกันด้วยเรื่องที่ติดเคร่งเครียด แต่หาใช่เรื่องงานไม่! แต่เป็นเรื่องหัวใจของนายหัวอีกคนที่เป็นเพื่อนรัก เพื่อนตายของนายหัวราเมศวร์
“นายเอาจริงหรือ เราคิดว่านายไม่ควรทำแบบนี้ เพราะมีสาวๆ มากมายรออยู่เป็นร้อยๆ ให้นายเลือกมาเป็นนายหญิงในชีวิตของนาย”
ขณะเอ่ยถามเสียงลึก นายหัวราเมศวร์ได้ยื่นแก้วบรั่นดีให้กับเพื่อนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบนโซฟาหนังแท้ และอีกฝ่ายได้รับบรั่นดีขึ้นจิบ ก่อนจะลดแก้วลง และเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว
“เอาจริงสิ! นายก็รู้ว่าเรารักคนของนายมาตั้งนานแล้ว”
คนที่เอ่ยตอบนายหัวราเมศวร์และเผยความจริงใจให้เห็นผ่านดวงตาคมกริบคือ ‘นายหัวโมกข์ พิภัช’ ผู้เป็นเพื่อนรักของนายหัวราเมศวร์นั่นเอง
นายหัวราเมศวร์พยักหน้ารับกับคำพูดในตอนท้ายของนายหัวโมกข์ แต่ก็อดถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้งไม่ได้ว่า
“เรารู้ว่านายรักเด็กของเรา แต่เราไม่คิดว่านายจะจริงจังถึงขั้นคิดแต่งงานยกให้เป็นนายหญิง เพราะเท่าที่ผ่านมา เราเห็นนายควงสาวๆ แทบไม่ซ้ำหน้าก็ว่าได้”