“ขอบใจนายมากเพื่อนรัก”
นายหัวโมกข์คลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นแก้วบรั่นดีชนกับเพื่อนรักเพื่อนตาย หลังจากดื่มบรั่นดีหมดแก้วแล้ว ก็เอ่ยถามถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอีกฝ่าย นั่นก็คือ ‘รามิน กุลธร’
“ว่าแต่หลานชายของเราหายไปไหน เรามาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นนายหัวรามินเลย”
นายหัวรามิน กุลธร เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายหัวราเมศวร์กับพิมพ์นารา กุลธร ทุกคนบนเกาะเกาะโกลด์ ออฟ เดอะ ซี ต่างก็เชื่อว่านายหัวรามิน เป็นคุณรามิล กลับชาติมาเกิด!
ยี่สิบปีกว่าที่ผ่านมา รามิล กุลธร น้องชายเพียงคนเดียวของนายหัวราเมศวร์ ได้ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังกับความรัก
รามิลถูกดาราสาวจากเมืองกรุงแดนศิวิไลซ์หลอกจนเกือบหมดตัว ก่อนจะสะบั้นรักอย่างไม่แยแส ทำให้รามิลเสียใจและโกรธแค้นมาก และก่อนจะฆ่าตัวตาย รามิลได้สาบานว่า...หากได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง เขาจะเกลียดผู้หญิงทุกคน จะไม่เป็นฝ่ายรักผู้หญิงก่อน และจะทำให้ทายาทของผู้หญิงสารเลวที่ทำให้เขาเจ็บปวดเสียใจ ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดและสูญเสียบ้าง
เมื่อพิมพ์นาราคลอดลูกออกมา ทุกคนบนเกาะ รวมทั้งนายหัวราเมศวร์ ต่างก็ตกตะลึง เพราะลูกชายถอดเค้ามาจากน้องชายที่ตายไปแล้วทุกอย่าง จึงตั้งชื่อลูกชายด้วยชื่อเดียวกันกับน้องชาย คำอ่านเหมือนกันทุกอย่าง นั่นก็คือรามิน แต่จะต่างกันแค่ตัวสะกดเท่านั้น ซึ่งน้องชายของนายหัวราเมศวร์ ชื่อสะกดด้วยตัว ล.ลิง รามิล แต่ลูกชายที่เพิ่งเกิดมาใหม่ จะเขียนด้วยตัวสะกด น.หนู คือ รามิน!
พอโตขึ้น นายหัวรามินเกลียดผู้หญิงทุกคน ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นายหัวรามินได้ ยกเว้นรินรดาและคนบนเกาะเท่านั้น!
เมื่อนายหัวโมกข์ถามถึงลูกชายเพียงคนเดียว นายหัวราเมศวร์ก็ถอนหายใจลึก พลางเอ่ยตอบเสียงเครียดว่า
“รามินไปบนแผ่นดินใหญ่ กำลังจะเข้ากรุงเทพฯ นายคงรู้ว่าเขาไปกรุงเทพฯ ทำไม”
คราวนี้นายหัวโมกข์พยักหน้ารับในทันที เขารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนายหัวรามิน เพราะนายหัวราเมศวร์บอกเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับครอบครัวให้ฟังเสมอ และแน่นอนว่านายหัวรามินเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อทำการแก้แค้น!
นายหัวรามินสาบานว่าเมื่อถึงเวลา เขาจะแก้แค้นกลับคืน ทำให้คนที่เคยทำร้ายเขาได้รู้จักกับคำว่าสูญเสียนั้นเป็นเช่นไร
และตอนนี้นายหัวรามินก็ทำตามคำสาบานของเขาแล้ว ด้วยการเดินทางไปกรุงเทพฯ เป้าหมายอยู่ที่ ‘อิงฟ้า’ ลูกสาวคนสวยของ ‘ลลิน’ อดีตดาราชื่อดังของประเทศไทย
“นายห้ามรามินไม่ได้หรอก นายต้องปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว”
นายหัวราเมศวร์พยักหน้ารับกับคำบอกของเพื่อน เขาถอนหายใจลึกอีกชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยบอกอย่างจำใจต้องปลงในเรื่องของลูกชาย
“คงต้องเป็นเช่นนั้น พิมพ์ก็บอกให้เราปล่อยวางในเรื่องของรามิน เราไม่สามารถห้ามเขาได้ เรากำลังจะให้นะโมตามไปดูแลรามินด้วย รามินกับนะโมโตมาด้วยกัน นะโมจะช่วยดูแลรามินได้ในทุกเรื่อง”
“รามินจะไม่เป็นอะไร แต่ที่น่าห่วงคือคนที่กำลังจะตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นของรามิน” นายหัวโมกข์คิดว่าเป็นเช่นนั้น
“เราก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้เกิดความรุนแรงมาก กระทั่งต้องสูญเสียเหมือนอดีตที่ผ่านมา”
“เราจะช่วยภาวนาอีกคน” นายหัวโมกข์ให้กำลังเพื่อนรัก พร้อมกับตบหนักๆ บนบ่ากว้างของอีกฝ่ายด้วย
นายหัวทั้งสองไม่ทันได้เอ่ยพูดถึงรามินต่อ ก็ได้ยินเสียงทะเลาะงัดข้อของหนุ่มสาวสองคนอยู่ด้านนอกตัวบ้าน ซึ่งแน่นอนว่านายหัวโมกข์จำน้ำเสียงได้ขึ้นใจว่าเป็นน้ำเสียงของคนที่เขาเฝ้าคะนึงหา นั่นก็คือรินรดานั่นเอง
“น้ำขิงคงกลับมาแล้ว”
นายหัวราเมศวร์หลุบสายตาลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ และก็เอ่ยพูดออกมาด้วยความสงสัย
“เพิ่งสองทุ่มเอง ทำไมน้ำขิงกับนะโมกลับมาจากงานเลี้ยงแต่งงานเร็วกว่ากำหนด”
นายหัวโมกข์ไม่มีคำตอบให้กับข้อสงสัยของเพื่อนรัก นอกจากผุดลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยบอกด้วยความมาดหวังว่า
“เห็นทีว่าเราต้องกลับก่อน แล้วเราจะรอน้ำขิงอยู่ที่แผ่นดินใหญ่”
“ได้ พรุ่งนี้เราจะให้น้ำขิงไปหานาย...นายรออยู่ที่ท่าเรือก็แล้วกัน”
“ตามนั้น...ขอบใจนายมาก เพื่อนรัก”
นายหัวโมกข์ยื่นมือจับสัมผัส ก่อนจะสวมกอดเพื่อนรักไว้แน่น และนายหัวราเมศวร์ก็ตบหนักๆ บนแผ่นหลังของเพื่อนรักไม่แพ้กัน มิตรภาพระหว่างสองนายหัวยังคงแน่นแฟ้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีแล้วก็ตาม
“ขอให้นายโชคดีและสมหวังกับการปราบพยศน้ำขิง”
นายหัวโมกข์กระตุกยิ้มกับคำอวยพรจากนายหัวราเมศวร์ ก่อนจะยกนิ้วโป้งชูให้ แล้วเดินออกจากห้องทำงานของอีกฝ่าย และเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน เห็นภาพที่ไม่ค่อยระรื่นตาสักเท่าไร ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าจางหายในฉับพลัน แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมา และจ้องมองคนที่ยกมือโอบกอดบนบ่าเล็กของรินรดาเขม็ง
เขารู้ว่าคนที่โอบบ่ารินรดาอยู่คืออธิศ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของรินรดามาตั้งแต่เด็ก แต่กระนั้นความหึงหวงก็แล่นเข้ามาเล่นงานในทันที เมื่อเห็นชายอื่นโอบกอดรินรดาหญิงสาวที่เขาเฝ้ารอมาช้านาน ดวงตาคมกริบจึงจ้องมองเขม็งแสดงความไม่พอใจให้เห็น กระทั่งอธิศลดมือจากบ่าของรินรดาแล้ว จึงผละเดินไปยังท่าเรือ แต่ไม่ได้ขับเรือเร็วออกไปจากเกาะในทันที ยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับการจุดบุหรี่สูบ ทอดสายตาฝความมืดมายังตัวรินรดา
แน่นอนว่ารินรดามองไม่เห็นเขา เพราะเขายืนสูบบุหรี่อยู่ในความมืด แต่เขาเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน และก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อเห็นร่างบางวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านพักอย่างรวดเร็ว ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่เขาจับจ้องอยู่ที่ตัวเธอในทุกวินาที
“น้ำขิง! คุณหนีผมได้แค่คืนนี้เท่านั้น แต่...นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณจะหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของผม ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเป็นนายหญิงของนายหัวโมกข์!”