ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะแย่ลง ชีวิตน้อยๆ ของหยางจิวเมิ่งก็มีคนเข้ามาช่วยให้เขาได้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมารได้ทันท่วงที เมื่อพวกมันที่รุมล้อมเขาเวลานี้ถูกใครบางคนกระชากออกมาอย่างแรงจนต้องกระเด็นออกไปกันคนละทิศคนละทาง
คุณชายเหอบุรุษรูปงามร่างกำยำปรากฏกายขึ้นตรงหน้าหยางจิวเมิ่งและคนเหล่านั้น เขาช่วยจิวเมิ่งให้หลุดออกมาจากพันธนาการของคนชั่วได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอาตัวเองเข้ามาป้องกันเป็นโล่กำบังปกป้องร่างบางที่กำลังขวัญเสียอย่างหนักในยามนี้ เหอจิ้นเค่อพุ่งตัวเข้าต่อสู้กับพวกโจรอย่างดุเดือด
แม้ว่าพวกมันมีจำนวนมากกว่าแต่คุณชายเหอผู้เป็นว่าที่ผู้นำตระกูลนั้น ก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาเล่นงานเขาได้ง่ายๆ ชายหนุ่มมีวรยุทธร้ายกาจไม่เป็นสองรองใครเขาสามารถก็จัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย จนมันต่างต้องเผ่นหนีกันอย่างกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง แม้ว่าเขาอยากตามไปจัดการพวกมันเสียให้หมดให้สาสมกับความแค้นที่บังอาจทำร้ายว่าที่ภรรยาของเขา
แต่ด้วยความเป็นห่วงร่างบางที่กำลังนั่งตัวสั่นดุจลูกนกต้องฝนตรงนี้ จึงจำเป็นต้องหันเหความสนใจมาให้หยางจิวเมิ่งแทน เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กและบุตรในครรภ์จะเป็นอะไรไป
"เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี่แล้ว" ร่างหนาดึงร่างบางที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างแทบไม่มีสติเข้ามาโอบกอดไว้จนแน่น ถ่ายทอดความห่วงใยผ่านอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั้นตระกองกอดร่างบางด้วยความทะนุถนอมอย่างที่สุด ลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างใจเย็นเพื่อปลอบใจคนที่กำลังหวาดกลัวอย่างหนักในเวลานี้
"ฮือ........" คนในอ้อมกอดได้แต่ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน สั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกกลัวมากจริงๆ เหตุการณ์เมื่อครู่มันน่ากลัวเกินไปสำหรับเขาที่เพิ่งเคยผ่านเรื่องร้ายๆ เช่นนั้นมา หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขาคงยากจะรักษาลูกในท้องเอาไว้ได้เป็นแน่ และคงไม่อาจทนอยู่บนความอัปยศได้อีกครา ดูท่าหนนี้เขาคงต้องตายลงเสียจริงๆ แล้ว หรืออาจต้องตายภายใต้น้ำมือของพวกมันทั้งเขาและลูกก็ไม่อาจทราบได้ ท่าทางของชายชั่วเหล่านั้นมันช่างน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเสียเหลือเกิน
"กลับไปกับข้าเถิด เจ้าก็เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่ามันไม่ปลอดภัย การอยู่คนเดียวเช่นนี้อันตรายเพียงไหน" คุณชายเหอกล่าวด้วยความห่วงใย นับตั้งแต่ที่เขาทราบเรื่องที่หยางจิวเมิ่งตั้งครรภ์ก็เป็นห่วงคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี้มาตลอด ตั้งแต่ร่างบางกลับออกจากจวนตระกูลเหอในตอนนั้นร่างหนาก็แอบติดตามกลับมาที่สกุลหยางและคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ตลอดคืน เพราะตนเองนั้นก็นอนไม่หลับเช่นกันและยังคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรดี เมื่อถูกคนตัวเล็กปฏิเสธความรับผิดชอบจากเขาทุกทางเช่นนั้น
เหอจิ้นเค่อจึงได้แต่แอบตามอีกฝ่ายมาเงียบๆ นั่งเฝ้าอยู่แถวหน้าบ้านตระกูลหยางเพราะรู้สึกสังหรใจบางอย่างกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับร่างบาง จนเมื่อเขาได้เห็นร่างบางหนีออกจากบ้านของตัวเองในกลางดึกคืนนั้นเขาจึงแอบติดตามมาห่างๆ ตลอดทางด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
แต่เพราะรู้ว่าคนในอ้อมแขนเวลานี้เกลียดเขามาก เขาจึงไม่กล้าปรากฏกายให้ได้เห็นแม้แต่น้อย ทำได้เพียงแค่ตามดูห่างๆ มาตลอดทาง ด้วยกลัวว่าหากอีกฝ่ายรู้ตัวเข้าจะหนีหายไปจนเขาไม่สามารถติดตามได้อีก อย่างน้อยหากเขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนเขาจะได้ไม่เป็นห่วงมากนักและยังสามารถแอบดูแลร่างบางอยู่ห่างๆ ได้ แต่เมื่อได้เจอกับสถานการณ์เลวร้ายเมื่อครู่ เขาที่ตามมาพบเห็นเหตุการณ์เข้าและดูท่าว่าร่างบางคงไม่สามารถเอาตัวรอดได้และกำลังเสียที จึงได้ตัดสินใจรีบปรากฏตัวออกมาปกป้องภรรยาและลูกของเขาเอาไว้
"ฮึก... แต่..ข้ากลัว ฮือ..... ท่านพ่อ...อึก...ท่านพ่อต้องโกรธข้ามาก..."หยางจิวเมิ่งยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแววตาที่ฉายแววสับสน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หากบิดาทราบเรื่องคงผิดหวังและเสียใจมากที่ลูกชายคนโตเช่นเขาเละเทะเหลวแหลกถึงเพียงนี้ ถูกบุรุษด้วยกันย่ำยีไม่พอยังตั้งท้องมาประจานตัวเอง ทำให้บิดาและครอบครัวต้องได้รับความอับอาย
"ข้าจะปกป้องเจ้าเอง จากนี้ไปให้ข้าดูแลปกป้องเจ้ากับลูกได้หรือไม่ แม้ว่าเรื่องของเราจะเริ่มต้นไม่ดีนัก แต่โปรดให้โอกาสข้าสักครั้ง เราค่อยๆ มาทำความรู้จักและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ข้าสัญญาจะดูแลเจ้ากับลูกอย่างดี จะไม่ทำให้เจ้าเสียใจและไม่บังคับอะไรเจ้าเด็ดขาดหากเจ้าไม่ยินดี เจ้ากับลูกจะได้อยู่ด้วยกันไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่มีวันพรากพวกเจ้าจากกันเด็ดขาด ขออย่าได้กังวล" ประโยคที่ยาวเหยียดที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันถูกถ่ายทอดออกจากปากของเหอจิ้นเค่อดั่งสายน้ำหลาก เพื่อหวังเกลี้ยกล่อมคนในอ้อมกอดนี้ให้ยอมใจอ่อนให้เขาได้ดูแล
น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานทั้งแววตาที่แสนอ่อนโยนและจริงใจของคนตรงหน้า ทำให้จิวเมิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาด้วยคำพูดที่แสนอบอุ่นนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกซ้ายของเขาเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
คนตรงหน้าเขาในยามนี้ช่างดูแสนจะใจดีทั้งยังอบอุ่นและจริงใจเสียเหลือเกิน ดูท่าคุณชายเหอผู้นี้อาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก หรือเขาจะลองเชื่อใจและให้โอกาสคนคนนี้ดูสักครั้ง ในเมื่อเขาเองยามนี้ก็ไม่เหลือทางให้เลือกมากนัก คงต้องยอมเชื่อฟังและลองเชื่อใจคุณชายเหอไปก่อน อย่างน้อยลูกของเขาจะได้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยไม่ต้องตกระกำลำบากไปกับเขาเช่นตอนนี้
"อือ" ร่างบางพยักหน้ารับเป็นคำตอบ หลังจากใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ นิ้วเรียวของเหอจิ้นเค่อยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้คนในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา
"จากนี้ไปเจ้าคือภรรยาของข้า และนับแต่นี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะปกป้องพวกเจ้าด้วยชีวิต" น้ำเสียงนุ่มละมุนที่เอ่ยพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตามุ่งมั่นเป็นประกายให้สัญญาอย่างหนักแน่นจริงจัง ทำเอาคนที่ได้ฟังรู้สึกประหลาดขึ้นมาอีกครั้ง ในหัวน้อยๆ ของเด็กหนุ่ม ได้ยินคำว่าภรรยาก็เกิดความคิดฟุ้งซ่านสับสนจนมันตีกันยุ่งไปหมด ทำไมกันนะคำคำนี้พอได้ยินได้ฟัง มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ดีๆ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ จนทำให้เผลอหลงลืมเรื่องราวต่างๆ ไปชั่วขณะ
"ไม่สบายหรือ เหตุใดหน้าเจ้ายามนี้จึงแดงนัก ไหวหรือไม่" มือหนายกขึ้นทาบลงบนหน้าผากมนของคนในอ้อมกอด วัดความร้อนในกายให้ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวคนตัวเล็กจะป่วยไข้ไป เหอจิ้นเค่อคนที่ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรัก ชายหนุ่มดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่าคนตัวเล็กนั้นกำลังเขินอาย เพราะเขามันเป็นคนความรู้สึกช้าจึงได้อ่อนด้อยนักในเรื่องของความรัก
แต่กลับกันกับผู้ที่ถูกสัมผัสเช่นหยางจิวเมิ่งนั้น เมื่อโดนอีกฝ่ายห่วงใยเช่นนั้นมันยิ่งทำให้เขาที่ถูกสัมผัสรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดด้วยความเขินอาย จนได้แต่นั่งตัวชาดิกอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าที่กำลังจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย สำรวจคนตัวบางอย่างกังวล สุดท้ายเมื่อคนตัวบางรู้สึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ก็รีบดิ้นหนีจนหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา วิ่งไปโก่งคออาเจียนลงที่ข้างทางอีกครา เพราะเพิ่งเริ่มรู้สึกได้ว่าเหม็นคนตรงหน้าจนอยากอาเจียนมากแค่ไหน
"อุ๊ก..อ๊วก..."
"แค่กๆ "
"เป็นอย่างไรไหวมั้ย"
"ท่าน..อุ๊...อย่าเพิ่ง..เข้ามาใกล้ข้าอุ๊บ.."ร่างบางพยายามโบกมือขึ้นห้ามปรามคนตัวโตที่รีบเข้ามาดูแลเขาในยามนี้อย่างพัลวัน
"ทำไมกันเล่าเดี๋ยวเจ้าเป็นลม"ร่างหนาตอบออกไปด้วยความเป็นห่วงต่ออาการคนตรงหน้ายิ่งนัก หากล้มไปคงไม่ดีแน่และคงเป็นอันตรายมาก เพราะหยางจิวเมิ่งเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ เท่านั้น
"ข้ายังไม่เป็นไร.. ทะ..ท่านอย่าเพิ่งเข้ามาอุ๊.."
แม้จะพยายามร้องห้ามแต่มันก็กลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อร่างหนาหยุดลงอยู่ที่ด้านหลังของเขาและกำลังโอบไหล่ประคองกลัวว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะล้มลงไป
"ปล่อยก่อน เร็ว อ๊วก....." ร่างบางพยายามดิ้นหนีแต่ร่างหนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาเลยแม้แต่น้อย
"เป็นอย่างไรบ้าง" เหอจิ้นเค่อลูบหลังให้อย่างห่วงใย แต่ร่างบางกลับยิ่งอาเจียนหนักขึ้นทุกที
'ฮรือ...รู้แล้วว่าห่วงแต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเข้ามาได้มั้ยเล่า ไม่เข้าใจหรือไง เจ้าสมองหมูนี่ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุข้าจะเป็นลมเพราะเจ้านี่แหละที่เป็นต้นเหตุ' ร่างบางนึกก่นด่าในใจอย่างหงุดหงิดขณะที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อการผลักไสคนตรงหน้าให้ออกห่างไม่เป็นผล
จนสุดท้ายหยางจิวเมิ่งก็อาเจียนหนักจนไม่เหลืออะไรให้ออกมา ร่างบางอาเจียนจนหมดแรงและเป็นลมล้มลงไปในอ้อมกอดของร่างหนาที่ได้แต่ทำหน้างุนงงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเขาจึงแพ้ท้องหนักเช่นนี้ ร่างหนาสลัดความงุนงงทิ้งไปก่อนอุ้มร่างบางเข้าเมืองและหารถม้ากลับจวนทันที
.
.
.
การเดินทางกลับนั้นใช้เวลาเพียงครึ่งวัน รถม้าก็แล่นมาถึงหน้าจวนตระกูลเหอ คุณชายเหออุ้มร่างบางที่ยังหลับไม่ได้สติเข้าไปยังห้องนอนของตนเอง ก่อนสั่งให้คนไปเชิญหมอประจำตระกูลมาตรวจดูอาการ เขาดูแลร่างบางที่ยังหลับไม่ได้สติอย่างดีและใส่ใจเป็นอย่างมาก เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นในใจเขาก็เกิดความรู้สึกว้าวุ่นมาตลอด เหมือนรู้สึกผิดกับคนตัวเล็กนี้อย่างมาก
แต่อีกส่วนในหัวใจก็รู้สึกประหลาดบางอย่างกับคนตัวเล็กนี้เช่นกัน ความห่วงใยนี้กลายเป็นความผูกพันในใจเขาเข้าไปทุกวันจนรู้สึกว่ามันยากจะถอนตัวเข้าไปทุกที การออกห่างจากคนตรงหน้าสำหรับเขาแล้วมันช่างทำได้ยากลำบากนัก เหมือนยิ่งถูกห้ามก็ยิ่งอยากเข้าใกล้ หรือเขากำลังเป็นบ้าไปแล้วกระมัง คุณชายเหอได้แต่ครุ่นคิดอยู่ผู้เดียวในใจ
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะถูกหยางจิวเมิ่งสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่มย่ามในชีวิต แต่นับจากเกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น เขาก็ยังแอบส่งคนคอยไปสืบข่าวคราวของอีกฝ่ายอยู่เสมอโดยที่ไม่ให้หยางจิวเมิ่งรู้ตัว เพราะยังคงเป็นห่วงและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป
บางครั้งเขาก็จะคอยไปแอบดูคนตัวเล็กใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ อยู่ห่างๆ ทุกเวลาเมื่อเขาว่างเว้นจากงานของตัวเอง แม้ว่าจะรักษาสัญญาไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายในชีวิตของร่างบาง แต่เขายังอดไม่ได้ที่จะแอบคอยตามดูคนตัวเล็กอยู่เสมอ
นึกย้อนถึงการกระทำของตนเองตลอดเกือบสองเดือนมานี้ คุณชายเหอยังแอบรู้สึกว่าตนเองกำลังทำตัวราวกับโจรย่องเบาก็ไม่ปาน ที่คอยแอบย่องเข้าย่องออกอาณาเขตบ้านตระกูลหยางเป็นว่าเล่น เพราะเป็นห่วงในความเป็นอยู่ของอีกฝ่าย และอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดกระมัง ที่ทำให้เขาไม่สามารถวางเฉยกับเรื่องของหยางจิวเมิ่งได้อีกเลยเช่นนี้
เขาเริ่มรู้สึกสงสัยและเป็นห่วงในอาการป่วยของร่างบางระยะหลังนี้มาได้สักพักหนึ่งแล้ว จากการที่เขาคอยตามดูหยางจิวเมิ่งเสมอจึงได้เห็นอาการที่ผิดแปลกไป วันนั้นในงานเลี้ยงเขาจึงได้ตามมาดูเพราะเห็นท่าทีที่แปลกไปของร่างบางที่จู่ๆ ออกจากงานเลี้ยงกลางคัน และเป็นโชคดีของเขายิ่งนักที่ตัดสินใจตามมา หาไม่แล้วหากหยางจิวเมิ่งและลูกเป็นอะไรไป เขาคงอภัยให้ตนเองไม่ได้เป็นแน่
ยิ่งพอมารู้ว่าอีกฝ่ายตั้งครรภ์ทายาทของเขาความกังวลยิ่งมีมากขึ้นไปอีก แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดีและเขาเองก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง แต่คนตัวเล็กตรงหน้ากลับไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากเขาแม้แต่น้อย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากังวลหนัก สำหรับเขาแล้วหากต้องรับผิดชอบหยางจิวเมิ่งด้วยการแต่งงาน เขาก็ไม่เคยคิดรังเกียจแม้แต่น้อย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเขาเองที่เป็นผู้ผิดมาตั้งแต่ต้น เหอจิ้นเค่อจึงพร้อมจะยอมทำทุกอย่างให้คนตัวเล็กอย่างเต็มใจ
.
.
.
ร่างบางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในห้องๆ เดิมที่เขาเคยคุ้น เขามานอนที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบคุณชายเหอนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ร่างบางรีบร้องห้ามไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ตนในทันที เมื่อเห็นท่าทางคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าจะเข้ามาช่วยประคอง
"ท่านอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ข้า ข้าเหม็นท่านมาก ใกล้ท่านแล้วทำให้ข้าเวียนหัว" มือบางยกขึ้นห้ามปรามพร้อมกับปิดจมูกของตนเองด้วยมืออีกข้างที่เหลือ ร่างเล็กถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เกิดอาการอยากอาเจียนอีกครา
"จริงหรือ" เหอจิ้นเค่อมองคนตรงหน้าอย่างงุนงงสงสัยเพราะเขาค่อนข้างเป็นคนสำอางรักสะอาด ทุกครั้งอาบน้ำเขาจะใช้เครื่องหอมกำยานอย่างดีที่สุดตลอด จึงทำให้แปลกใจยิ่งนักเหตุใดจึงโดนอีกฝ่ายหาว่าเหม็นได้
"จะโกหกทำไมเล่า! เพราะท่านข้าถึงเป็นลมมาสองหนแล้ว อยู่ห่างๆ ข้าไว้ก่อนอย่างน้อยสองก้าว ข้าอยู่ใกล้ท่านแล้วอยากอาเจียน" ร่างบางบ่นอุบอิบงุ้งงิ้งอย่างรำคาญนึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเจ้าคนตัวโตตรงหน้าทำเขาอาเจียนจนเป็นลมถึงสองหน ด้วยความดื้อดึงที่เข้ามาใกล้ไม่ยอมฟังคำพูดของเขา
"เพราะเหตุใดกัน"
"จะไปรู้ได้กันไงเล่า นอกจากเหม็นอาหารก็เหม็นหน้าท่านนี่แหละ ข้าก็ไม่เคยแพ้ท้องมาก่อนนี่"
"ได้ๆ ข้าจะรักษาระยะ แต่จะให้ห่างเจ้าเลยก็ไม่วางใจหากเจ้าเป็นลมไปจะแย่ ข้าจะหาเด็กรับใช้สักคนอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเวลาข้าไม่อยู่"
"ไม่เป็นไรอย่าลำบากเลย" หยางจิวเมิ่งรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนให้คุณชายเหอต้องวุ่นวายสิ้นเปลืองเพราะเขา
"ไม่ลำบากสักนิด เจ้าอย่ากังวล ส่วนเรื่องแต่งงานนั้นข้าจะจัดการให้เร็วที่สุด ข้าจะให้ท่านพ่อไปสู่ขอเจ้ากับนายอำเภอหยางรับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอนเจ้าวางใจ"
แม้คนตรงหน้าจะกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจและแววตาที่มุ่งมั่น แต่ร่างบางได้ฟังเช่นนั้นก็นึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กๆ เขากลัวเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมาก หากบิดารู้ว่าเขาตั้งท้องจะเป็นเช่นไรกัน แต่ยามนี้ร่างกายเขาก็รู้สึกอ่อนเพลียเกินกว่าจะคิดเรื่องอะไรอีก จึงได้แต่ทำตามที่คุณชายเหอบอกอย่างเชื่อฟัง พักเรื่องต่างๆ เอาไว้ก่อนและนอนพักผ่อนเอาแรง
.
.
.
ทางด้านตระกูลเหอเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายก่อไว้ ผู้เป็นบิดามารดาแทบจะกัดลิ้นตายเลยทีเดียว ขืนใจบุรุษด้วยกันซ้ำยังทำให้เขาตั้งครรภ์อีกบิดามารดาเขาโกรธจัดจนหน้าขึ้นสี โชคดีที่เหอจิ้นเค่อมีท่านย่าคอยหนุนหลังเป็นทัพเสริม ช่วยออกรับแทนและช่วยออกโรงช่วยเจรจากับบิดามารดาให้ แม้ว่าจะต้องเจรจาต่อรองกันอยู่นานไม่น้อยก็ตาม
"เจ้านี่มันน่านักหญิงสาวตระกูลผู้ดีมีเยอะแยะไม่ไปข้องแวะ กลับไปย่ำยีขืนใจบุรุษทั้งยังเป็นลูกนายอำเภอใหม่ที่เป็นลูกน้องข้า จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน"
"..." คุณชายเหอไม่กล้าจะโต้เถียงใดๆ ทำได้เพียงแต่ก้มหน้ายอมรับผิดและคำตำหนิจากบิดามารดาแต่โดยดี
"อาเค่อเจ้าช่างทำให้แม่ผิดหวังนัก เหตุใดทำอะไรไร้สติเช่นนี้ลูก แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดี"
"ก็จัดงานแต่งเสียสิจะยากอะไร เมียก็มีแล้วลูกก็มีแล้วไม่เห็นติดปัญหาที่ตรงไหน แม้แต่งกับชายแต่ชายคนนี้สามารถมีทายาทให้กับตระกูลเราได้ พวกเจ้าก็ยอมๆ ไปเถอะน่า เรื่องเล็กน้อย"เสียงท่านย่าแทรกขึ้นมา หญิงชราผู้ที่รักเหอจิ้นเค่อหลานคนโตอย่างกับอะไร กำลังออกรับหน้าแทนหลานชายคนโปรดจัดการทุกอย่างให้ทันทีเมื่อได้ทราบเรื่องจากหลานรักก่อนหน้าบุตรชายและลูกสะใภ้ของตนผู้เป็นบิดามารดาของเหอจิ้นเค่อได้ไม่นาน
"เรื่องนี้ลูกผิดเอง แม้ไม่ได้ตั้งใจก็พูดไม่เต็มปาก หากลูกรู้จักยับยั้งชั่งใจคงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ลูกต้องการรับผิดชอบเขา หยางจิวเมิ่งเขาน่าสงสารมากนะขอรับท่านพ่อท่านแม่ ลูกตามดูเขามาสักระยะแล้วเด็กคนนี้เป็นคนดีคนหนึ่งเป็นเพราะข้าชีวิตเขาจึงต้องเจอปัญหามากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งทายาทในครรภ์อย่างไรเสียก็เป็นลูกหลานตระกูลเหอ ข้าไม่มีวันปล่อยให้เขาแม่ลูกต้องไปตกระกำลำบากเป็นแน่ ท่านพ่อท่านแม่โปรดอภัยให้แก่ลูกด้วยเถิด พวกท่านโปรดสนับสนุนลูกด้วย" เหอจิ้นเค่อคุกเข่าขอร้องบิดามารดาด้วยสีหน้าแน่วแน่ไม่เปลี่ยนใจ ทำเอาท่านเจ้าเมืองโกรธจนควันแทบออกหู
"ฮึ่ย!! "
"หากพวกเจ้าไม่ไปสู่ขอให้ลูก หญิงแก่เช่นข้าจะเป็นผู้จัดการเอง" ท่านย่าเห็นท่าทีลูกชายที่ไม่ยอมรับปากหลานชายคนโปรดของนางเสียที หญิงชราจึงกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน
"ท่านแม่/ท่านแม่"
"ว่าไง หรือจะให้ข้าไปกับพวกเจ้าก็ได้"
"ก็ได้ขอรับ" ท่านเจ้าเมืองหรือนายท่านเหอต้องยอมอย่างเสียไม่ได้เมื่อมารดาออกหน้าแทนลูกชายตัวดี อย่างไรเสีย เมื่อลูกชายเขาเป็นฝ่ายผิดย่อมต้องชดใช้ เพียงแต่การแต่งสะใภ้ชายเข้าบ้านมันช่างน่าขายหน้าเสียจริง จากนี้ไปไม่รู้ว่าชาวเมืองจะมองคนในตระกูลเขาเช่นไรกัน บุตรชายคนโตผู้เป็นว่าที่ประมุขของบ้านเช่นนี้กลับกลายเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อที่สังคมสมัยนี้ไม่มีใครยอมรับ ทั้งยังต้องแต่งงานกับคนประหลาดเช่นหยางจิวเมิ่งที่เป็นชายแท้ๆ กลับตั้งครรภ์ได้ จากนี้คงได้เป็นเรื่องพูดจากันสนุกปากของชาวเมืองอย่างเกลื่อนถนน
"ขอบคุณท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ที่เมตตา" เหอจิ้นเค่อรีบโขกศีรษะลงพื้นกราบขอบคุณบิดามารดาและท่านย่าอย่างยินดี ในที่สุดเขาได้ทำทุกอย่างสมประสงค์
"แล้วตอนนี้หลานสะใภ้ของย่าอยู่ที่ไหนกันอาเค่อ"
"หลับอยู่ในห้องหลานขอรับ เขาพยายามหนีออกจากบ้านเพราะกลัวท่านนายอำเภอรู้จะโกรธ แต่เพราะระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้นโชคดีที่หลานไปช่วยได้ทันจึงพากลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่เขาแพ้ท้องหนักมากจึงเป็นลมไปหลานจึงให้พักอยู่ในห้องหลานในตอนนี้"
"น่าสงสารจริง ไปๆ พาย่าไปดูเร็วเข้า" หญิงชรากวักมือเรียกหลานชายให้พานางไปพบว่าที่หลานสะใภ้ในทันที
"ขอรับท่านย่า" เหอจิ้นเค่อรีบรับคำพร้อมตรงเข้าไปพยุงท่านย่าด้วยความยินดีอย่างที่สุด
เมื่อหญิงชราก้าวเท้าเข้ามายังห้องของหลานชาย ร่างบางที่กำลังหลับอยู่เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาเขาก็รู้สึกตัวและตื่นขึ้นทันที หยางจิวเมิ่งเห็นเหอจิ้นเค่อพาหญิงชราเข้ามาในห้องแห่งนี้ นางแต่งตัวดีมีฐานะด้วยเครื่องแต่งกายที่สวมใส่อยู่นั้นพร้อมกับท่าทางของเหอจิ้นเค่อที่แสดงต่อนางบ่งบอกว่าคงเป็นคนสำคัญของที่นี่ หยางจิวเมิ่งรีบลุกขึ้นเพราะความเกรงใจและคิดจะลุกขึ้นทำความเคารพตามมารยาทในทันที
"ไม่ต้องขยับนอนลงๆ ตามสบายเถอะนะหลานสะใภ้" หญิงชราเห็นท่าทีเด็กน้อยตรงหน้าก็รีบร้องห้ามด้วยความเอ็นดูและเป็นห่วงเพราะสีหน้าเจ้าตัวยังดูไม่ค่อยดีนัก
"ข้าเป็นท่านย่าของอาเค่อ เป็นอย่างไรเด็กน้อยเจ้าแพ้ท้องมากหรือ เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังลูก" หญิงชราลูบหัวร่างบางอย่างอ่อนโยนด้วยความเอ็นดู นึกสงสารเจ้าตัวน้อย ดูจากสีหน้าที่ซีดเซียวและร่างกายที่ผอมบางดูท่าว่าเด็กคนนี้คงลำบากมาไม่น้อย
"ดีขึ้นมากแล้วขอรับฮูหยินผู้เฒ่า"
"ฮูหยินผู้เฒ่าอะไรกันเรียกข้าท่านย่าเหมือนอาเค่อสินะเด็กดี"หญิงชราลูบแก้มกลมอย่างเอ็นดู ส่งรอยยิ้มอบอุ่นเป็นกันเองไปให้ ทำให้ร่างบางรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาเอ่อคลอ เขาคิดถึงโหยหาสัมผัสอบอุ่นเช่นนี้มากๆ นานมาแล้วที่เขาไม่ได้รับมัน เพราะท่านย่าที่รักและเอ็นดูเขาอย่างมากจากไปหลายปีแล้ว จึงเหลือเพียงความทรงจำที่ทำให้เขารู้สึกคิดถึงนางเสมอมา และความใจดีของหญิงชราตรงหน้านี้ก็ทำให้เขาคิดถึงท่านย่าของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง
"ฮึก..ท่านย่า" ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างเสียไม่ได้ด้วยความตื้นตันใจเมื่อได้รับความรักความอบอุ่นจากคนตรงหน้า
"โอ๋เด็กดี ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง ต่อไปหากอาเค่อรังแกเจ้าให้บอกย่า ย่าจะจัดการให้เจ้าเองดีหรือไม่" หญิงชราโอบกอดร่างบางปลอบประโลมเหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่งก็ไม่ปาน ขณะที่ร่างบางเองก็กอดตอบด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่เต็มตื้นในหัวใจ
"ขอรับ" เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ท่านย่าช่างใจดียิ่งนักจนทำให้เขารู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นมามากจริงๆ
"ย่าจะไปพูดกับพ่อเจ้าเรื่องแต่งงานให้เองอย่าได้เป็นกังวลไป ย่าจะออกหน้าให้พวกเจ้าเอง อย่างไรเหลนข้าต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลเหออย่างถูกต้อง เจ้าก็อย่าได้กังวล"
หญิงชรากล่าวอย่างมุ่งหมายแววตามาดมั่น นางเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยอยู่มาจนอายุจะเจ็ดสิบปีแล้ว เพียงแค่แต่งหลานสะใภ้คนเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกทั้งดูหลานสะใภ้คนนี้ท่าทางก็เป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดูใช้ได้ นับว่าหลานชายของนางนั้น สายตาแหลมคมไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรนางต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยจนได้เพื่อเหลนตัวน้อยๆ ของนางที่กำลังจะเกิดขึ้นมา
TBC.
#พรวิเศษ