นายอำเภอหยางถูกท่านเจ้าเมืองเชิญตัวมายังจวนตระกูลเหอเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างลูกของพวกเขาโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นอีกทั้งกำลังวุ่นวายออกตามหาลูกชายที่จู่ๆ หนีหายจากบ้านไป
"ท่านนายอำเภอข้าต้องขออภัยที่ให้คนไปเชิญท่านมาถึงที่นี่แต่เรื่องนี้สำคัญนัก ข้าอยากหารือกับท่านก่อนที่เรื่องราวจะแพร่ออกไป"
"มิได้ขอรับท่านเจ้าเมือง ผู้น้อยไม่บังอาจท่านมีสิ่งใดกล่าวมาได้เลยขอรับ"
"คือ..เอ่อ...ฮึ่ย..." เจ้าเมืองเกิดอ้ำอึ้งด้วยไม่ทราบว่าจะเริ่มกล่าวอย่างใดดี จนสุดท้ายผู้ที่อาวุโสที่สุดในตระกูลเหอจึงต้องออกหน้า ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งมองกิริยาลูกชายมาสักพักเอ่ยโพล่งออกไปตรงๆ
"คืออย่างนี้นะท่านนายอำเภอ หลานชายข้าเกิดไปล่วงเกินบุตรชายคนโตของท่านเข้า เขาทั้งสองคนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งซึ่งกันและกันเมื่อสองเดือนที่แล้ว คือพูดง่ายๆ ก็คือลูกท่านถูกหลานชายของข้าเอ่อ..ย่ำยี จนตอนนี้เขาตั้งครรภ์"
"ห๊ะ..ฮูหยินผู้เฒ่าท่านล้อข้าเล่นแล้ว ลูกข้าเป็นบุรุษจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรขอรับ อีกอย่างเด็กสองคนเพิ่งรู้จักกันเมื่อไม่กี่วันนี้เองมิใช่หรือแล้วหลานท่านมาล่วงเกินลูกข้าตั้งแต่สองเดือนก่อนได้อย่างไรกัน"
หลังจากนั้นเหอจิ้นเค่อก็เล่าทุกอย่างให้นายอำเภอหยางฟังตั้งแต่ต้นอย่างไม่ปิดบัง เรื่องทุกอย่างถูกถ่ายทอดให้ฟังอย่างละเอียด นายอำเภอหยางได้ฟังก็รู้สึกชาวาบไปทั้งร่างเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ ลูกชายของเขาถูกคนอื่นย่ำยีแต่เขาผู้เป็นพ่อกลับมิรู้เรื่องอันใดแม้แต่น้อย จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้เกือบสองเดือนมาแล้ว ผู้เป็นบิดาได้แต่ฟังอย่างหูอื้อตามัวเพราะไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นไรได้
"ข้าต้องขอโทษท่านอย่างมากที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ หากท่านนายอำเภอต้องการทำโทษข้าหรือต้องการให้ข้าชดใช้อย่างไรขอได้โปรดบอกมาข้ายินดีทำทุกอย่าง เพียงแต่ขอให้ท่านโปรดอนุญาตให้ข้าได้แต่งงานกับลูกชายของท่านด้วยขอรับ"
"ลูกข้าเวลานี้อยู่ที่ใดขอรับ คุณชายเหอ"
"เขาอยู่ในห้องข้าขอรับ คือว่าเขาแพ้ท้องหนักมาก ทั้งยังอ่อนเพลียนัก ข้าจึงถือวิสาสะนำเขามาพักที่บ้านของข้าก่อนและเชิญท่านหมอมาตรวจอาการแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ปลอดภัยดี"
"คุณชาย ท่านโปรดนำข้าไปพบเขา ได้หรือไม่"
"ขอรับเชิญทางนี้ขอรับ"
เหอจิ้นเค่อเดินนำนายอำเภอหยางไปยังเรือนพักของตนเอง หยางจิวซือก้าวเท้าตามร่างสูงด้านหน้าด้วยความร้อนใจเป็นห่วงบุตรชายที่หายตัวไปใจจะขาด ที่แท้เขากลับอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เดินตามมาได้ไม่นานก็ถึงเรือนนอนของคุณชายใหญ่ ห้องนอนอันโอ่โถงหรูหรานั้นก็ช่างสมกับเป็นห้องของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหอยิ่งนัก
ร่างบางนอนหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียงพอเห็นบิดาเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็ตกใจรีบลนลานหยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
"ท่านพ่อ..." เสียงหวานเอ่ยอย่างเกรงๆ ด้วยความหวาดกลัวในหัวใจลึกๆ ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตาผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของหยางจิวซือหวดผ่านอากาศอย่างเร็วก่อนที่มันจะปะทะเข้ากับแก้มนวลของหนุ่มน้อยตรงหน้า หยางจิวเมิ่งใบหน้าสะบัดไปเบาๆ ตามแรงกระทำของบิดา แก้มนวลเกิดริ้วสีแดงเป็นรอยมือขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกตบ มือบางยกขึ้นมาทาบแก้มนวลช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงความแสบร้อนบนใบหน้าจากการกระทำของบิดา ดวงตาคู่สวยมองไปยังใบหน้าโกรธกริ้วของบิดาด้วยความรู้สึกผิดอย่างหนัก
"ท่านพ่อ ฮึก..."
ร่างบางนั่งน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิดและหวาดกลัวต่อความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาพยายามกลั้นก้อนสะอื้นในอกสุดกำลัง สมควรแล้วที่เขาต้องถูกบิดาลงโทษเช่นนี้ เป็นเพราะเขาสกุลหยางจึงต้องแปดเปื้อน ภายหน้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป บิดาเขาและคนในตระกูลคงต้องถูกเย้ยหยันเป็นที่ดูถูกไปทั่วเพราะเขาเป็นแน่ โทษเพียงเท่านี้ยังนับว่าน้อยไป การกระทำของบิดานั้นทำให้สีหน้าร่างบางที่สลดอยู่แล้วยิ่งเศร้าลงมากกว่าเดิม
ผิดกับคุณชายเหอผู้ที่นำนายอำเภอเข้ามาพบร่างบาง กลับตกใจกับการกระทำของว่าที่พ่อตาอย่างมาก เขารีบเอาตัวเองเข้าป้องกันคนตัวเล็กทันที
"ท่านนายอำเภอ อย่าตีเขาเลยขอรับ หากท่านอยากตีท่านตีข้าแทนเถิด ข้าเป็นคนผิด ข้าเป็นผู้สร้างความลำบากให้เขา" เหอจิ้นเค่อประสานมือที่ด้านหน้าค้อมศีรษะขอรับผิดกับว่าที่พ่อตาด้วยความสุภาพอย่างไม่นึกหวั่นเกรง เขายินดีถูกกระทำทุกอย่างแทนร่างบางไม่ว่าท่านว่าที่พ่อตาต้องการจะลงโทษเช่นไร
"ข้าน้อยคงมิกล้าลงโทษคุณชายใหญ่หรอกขอรับ"
นายอำเภอกล่าวออกมาด้วยท่าทีสุภาพ เพียงแค่มองก็พอจะรู้แม้ว่าจะสุภาพอ่อนน้อมอย่างมากแต่ก็เจือไปด้วยความไม่พอใจอยู่ไม่น้อย แน่หล่ะจะมีพ่อที่ไหนพอใจคนที่ทำร้ายลูกชายเขาถึงเพียงนี้กัน เหอจิ้นเค่อเข้าใจทุกอย่างดีและพร้อมยอมรับทุกเรื่องอยู่แล้ว เขาจึงยังคงอ่อนข้อให้นายอำเภอทุกอย่างเช่นเดิมแม้จะถูกอีกฝ่ายกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน ทั้งยังส่งสายตาเป็นนัยว่าให้หลบไปให้พ้นทาง ท่านย่าที่ดูเหตุการณ์อยู่จึงดึงหลานชายออกมายืนข้างๆ ปล่อยให้สองพ่อลูกได้คุยกัน
"ส่วนเจ้า รู้ความผิดหรือไม่"
"ข้า...ข้าทำให้ท่านต้องอับอาย"
น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ หยางจิวเมิ่งยังไม่กล้าสบตาบิดาตนเองแม้แต่น้อยขณะที่ตอบออกไปเช่นนั้น
นายอำเภอตีลงไปที่แขนของจิวเมิ่งอีกทีอย่างไม่แรงนักแต่ก็พอทำให้พอรู้สึกเจ็บ แต่สิ่งที่เจ็บกว่าคือหัวใจดวงน้อยๆ ของร่างบางที่ตอนนี้กำลังรู้สึกเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ได้แต่กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้อย่างทรมาน แต่ร่างกายไม่รักดีก็ฟ้องความเสียใจออกมาทางขอบตาของเขาที่มันร้อนผ่าวจนขับน้ำอุ่นๆ ออกมาทั้งสองข้างไม่ยอมหยุด
"ที่ข้าตีเจ้าเพราะอะไรรู้หรือไม่ เพราะเจ้า เจ้ามันทำผิดแล้วยังไม่รู้ผิด เกิดเรื่องเช่นนี้ทำไมไม่บอกพ่อ ยังเห็นข้าเป็นพ่ออยู่หรือไม่ เจ้าหนีหายไปพ่อเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน ข้าออกตามหาเจ้ามาหลายวันแล้วรู้บ้างหรือไม่!!" นายอำเภอระเบิดอารมณ์ออกมา น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อท้นพรั่งพรูเป็นสาย เขาเป็นห่วงจิวเมิ่งอย่างมากมาตลอดหลายวันมานี้ แม้ว่าจะเลี้ยงดูลูกมาแบบที่ไม่ค่อยมีเวลาให้มากนักเพราะเขาต้องทำงานตลอด
แต่ก็ไม่เคยแม้สักวันที่เขาจะไม่รักลูกชายคนนี้ เพียงได้อ่านจดหมายก็ทราบทันทีว่าลูกต้องโกหกเป็นแน่ บ้านเกิดมารดานั้นลูกชายเขาไม่เคยไปสักครั้ง เพียงแต่ทราบจากคำบอกเล่าของเขาที่คอยเล่าให้ฟัง อีกทั้งญาติของมารดานั้นก็ไม่ได้สนิทกัน แล้วจิวเมิ่งจะไปที่นั่นด้วยเหตุใด หลังอ่านจดหมายที่ลูกชายทิ้งไว้ หยางจิวซือคิดได้เพียงแค่ลูกชายเขาต้องมีเรื่องหนักใจอะไรที่บอกใครไม่ได้เป็นแน่ เพียงแต่เขาเองก็ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรกับลูกของตนกัน
จนได้มาทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลูกชาย ก็ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อนั้นนึกเสียใจ ลูกเขาต้องแบกรับความเจ็บปวดทรมานมาผู้เดียวเป็นแรมเดือนมิได้ปริปากบอกแก่ใคร จิวเมิ่งก็เป็นเช่นนี้ เป็นเด็กดีมาตลอดไม่เคยสร้างปัญหาใดๆ รบกวนเขาเลยแม้แต่น้อย
"ท่านพ่อ...ฮึก...ลูกผิดไปแล้ว ฮือ.... ลูกขอโทษ..ลูกขอโทษ" หยางจิวเมิ่งรีบคุกเข่าลงกอดขาผู้เป็นบิดาร่ำไห้ใจแทบขาดด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ยามเห็นบิดาร้องไห้ใจเขากลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตีเป็นไหนๆ ใบหน้างดงามเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตานั่งกอดขาผู้เป็นบิดาสะอื้นไห้จนตัวโยน เหอจิ้นเค่อได้แต่มองอย่างเจ็บปวดแต่ก็มิอาจเข้าไปขวางไม่ให้พ่อลูกคุยกันได้ เป็นเพราะเขาหยางจิวเมิ่งจึงต้องได้รับความลำบากมากมายเช่นนี้
"ลุกขึ้นลูก เจ้าตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ" หยางจิวซือประคองลูกชายขึ้นนั่งบนเตียงอย่างอ่อนโยน สองมือยกขึ้นประคองดวงหน้าหวานลูบแก้มกลมอย่างถนอมปาดน้ำตาให้ลูกด้วยความรัก
"ฮึกท่านพ่อ"
"เจ็บหรือไม่" มือหนาลูบลงบนแก้มเนียนที่ขึ้นริ้วแดงเล็กน้อยเพราะฝีมือของตนเองอย่างถนอม เพราะเป็นห่วงมากไปเขาจึงได้ระงับอารมณ์ตนเองไม่อยู่จนเผลอตบตีลูกชาย แม้ว่าจะไม่แรงมากแต่ผิวเนียนบอบบางก็ขึ้นริ้วแดงๆ ให้ได้เห็น
"ไม่ ลูกไม่เป็นไร" หยางจิวเมิ่งยิ้มรับเล็กน้อยยกมือบางขึ้นกุมมือบิดาไว้ด้วยแววตาสำนึกผิดและน้ำตาที่ยังเอ่อคลอ
"มีอะไรทำไมเจ้าไม่บอกพ่อ แบกรับเรื่องหนักหนาเช่นนี้ไว้คนเดียวได้อย่างไร นี่เจ้าคิดพาหลานข้าหนีไปเช่นนี้ หากคุณชายเหอไม่ตามเจ้าไปชาตินี้ข้าคงมิมีวันได้เห็นหน้าเจ้าและหลานข้าอีกเลยใช่หรือไม่ ฮึ" หยางจิวซือกล่าวทั้งน้ำตาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือพลางกุมมือผู้เป็นลูกเอาไว้แน่น หากคุณชายเหอไม่ตามไปเขาคงไม่มีวันหาเจ้าเด็กคนนี้เจอเป็นแน่ เขาช่างเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
"ข้า.. ข้ากลัว.. กลัวท่านพ่อจะโกรธเกลียดข้า ข้าทำให้บ้านสกุลหยางของเราต้องมัวหมอง" ร่างบางกล่าวอย่างเกรงๆ ด้วยความสำนึกผิดจนไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อ
"เจ้าเป็นลูกข้า ข้าจะเกลียดเจ้าได้อย่างไร แต่ถ้าถามว่าพ่อโกรธหรือไม่ยอมรับว่าพ่อก็โกรธมาก แต่โกรธที่เจ้าไม่บอกพ่อ โกรธที่เจ้าเลือกจะหนีไปลำพัง พ่อเป็นห่วงเจ้ามากนะรู้หรือไม่ ฉะนั้นจงอย่าทำเช่นนี้อีก" น้ำเสียงที่ห่วงใยแกมดุเล็กน้อยของบิดาแต่กลับส่งความอบอุ่นเข้ามาถึงหัวใจของร่างบางที่กำลังนั่งรับฟังด้วยความตื้นตันใจจนอยากจะร้องไห้อีกครา
"แต่..ใครๆ จะนินทา ท่านจะเสื่อมเสีย" ร่างบางกล่าวเสียงอ่อยด้วยกลัวจะทำให้ผู้เป็นบิดาต้องแปดเปื้อนไปกับตน ท่านพ่อเขาเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนายอำเภอกลับต้องมาเสื่อมเสียเพราะมีลูกเช่นเขา
"ช่างปะไร ข้าจะสนผู้อื่นมากกว่าเลือดในอกหรือไร พ่อจะปกป้องเจ้าเองจากนี้ไปไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น" มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างถนอม ผู้เป็นบิดาพร้อมจะกางปีกปกป้องลูกชายจากทุกสิ่งโดยไม่กลัวเกรง
"ฮึก.. ท่านพ่อ" ร่างบางโผเข้าหาบิดาทั้งน้ำตา สองพ่อลูกโอบกอดกันและกันคนเป็นลูกยังคงร้องไห้สะอื้นด้วยความตื้นตันใจและสำนึกผิด หยางจิวซือปลอบประโลมและปรับความเข้าใจกับลูกชายอยู่นานจนเด็กน้อยสงบลง โดยที่ท่านย่าและคุณชายเหอยืนมองดูด้วยความยินดีที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่จะมีพ่อคนไหนยอมรับได้กับบุตรชายที่มีสัมพันธ์กับบุรุษด้วยกัน หลายบ้านถึงกับตีลูกจนตายคามือเลยก็มีเมื่อบิดาได้ทราบเรื่องความสัมพันธ์เช่นนี้ เพราะสังคมในยุคนี้ความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษด้วยกันไม่เป็นที่ยอมรับ โชคดีนักที่จิวเมิ่งมีบิดาที่รักและพร้อมจะเข้าใจเขาได้ทุกอย่างเช่นนี้
"ไปเรากลับบ้านกันเถิด" หลังจากปลอบลูกชายเสร็จนายอำเภอก็เตรียมจะพาบุตรชายตนกลับไปบ้านโดยไม่สนใจกับคำพูดก่อนหน้าของคุณชายเหอแม้แต่น้อย
"...." ร่างบางได้แต่มองเงียบๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เพราะทุกอย่างสำหรับเขาล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเขาเพียงเท่านั้น เขายินยอมทำตามทุกสิ่ง
"ท่านนายอำเภอ แล้วเรื่องแต่งงานระหว่างพวกเราหล่ะขอรับ"
"ไม่จำเป็น อย่างไรเสียท่านก็มิได้รักลูกข้า ทุกอย่างเป็นเพราะความผิดพลาดก็ช่างเถิด ถือเป็นเคราะห์กรรมของตระกูลข้าเอง คุณชายเหอท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ข้าน้อยขอลา" นายอำเภอกล่าวตัดบทอย่างสุภาพและกำลังจะพาลูกชายตนกลับไปโดยไม่สนใจคนตระกูลเหอแม้แต่น้อย
"...." เหอจิ้นเค่อถึงกับใบ้กินเมื่อเจอไม้นี้เข้าไป เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงว่าที่พ่อตาชายหนุ่มจึงไม่กล้าจะเสียมารยาทแม้แต่น้อย
"นายอำเภอหยาง ข้าขอคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่" หญิงชราผู้เป็นใหญ่สูงสุดในตระกูลออกหน้าขัดขวางเพื่อหลานชายและเหลนที่กำลังจะเกิดมา นางพอจะดูออกว่าหลานชายของนางดูเป็นห่วงเป็นใยหยางจิวเมิ่งเป็นพิเศษ ดังนั้นเรื่องที่หลานชายต้องการนางจะช่วยทำให้สำเร็จ
"ฮูหยินผู้เฒ่า เชิญกล่าว" นายอำเภอหยางค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมรอฟังผู้ใหญ่ของตระกูลเหอด้วยอาการสงบเสงี่ยม
"นายอำเภอหยาง ข้าเองก็แก่ชรามากแล้วอยากเห็นหลานชายเป็นฝั่งเป็นฝา อาเค่อของข้านั้นก็หาใช่จะอัปลักษณ์ขี้ริ้ว รูปสมบัติคุณสมบัติแห่งยอดบุรุษล้วนครบถ้วน ไม่ทราบว่าเพียงพอให้เป็นลูกเขยท่านได้หรือไม่ อย่างไรเสียเขาทั้งคู่ก็ต่างยังเป็นโสดเหตุใดท่านต้องขวางมิให้หลานข้ารับผิดชอบเรื่องนี้เล่า หากเหลนข้าเกิดมาแล้วเขาไม่มีพ่อจะมิน่าสงสารไปหน่อยหรือ หรือว่าท่านอยากเห็นหลานของท่านเติบโตมาถูกผู้คนค่อนแคะว่าไม่มีบิดาเช่นนั้นท่านจะสบายใจได้อย่างนั้นหรือนายอำเภอหยางโปรดตรองดูหน่อยเถิด"
"เรื่องนี้ข้าจะหาทางออกเองขอรับ คงไม่รบกวนพวกท่าน" นายอำเภอยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ด้วยกลัวว่าบุตรชายเขาจะได้รับความลำบากและเป็นที่ดูถูกจากคนในตระกูลเหอเปล่าๆ เพราะท่าทางของท่านเจ้าเมืองและฮูหยินนั้นดูแล้วจะไม่ยอมรับในตัวบุตรชายเขาเสียเท่าไหร่นัก
"ไม่ได้ อย่างไรเสียเด็กในครรภ์ก็เป็นทายาทตระกูลเหอ ข้าไม่มีวันให้เหลนข้าไปตกระกำลำบากถูกผู้คนเยาะเย้ยถากถางเช่นนั้น" หญิงชราพยายามหาข้อโต้แย้งอย่างเต็มที่ นางไม่มีวันยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยง่ายเป็นแน่
"แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรกัน อยู่ๆ ให้บุตรชายแต่งงานกับชายด้วยกันมีพ่อที่ไหนทำใจได้บ้าง ข้าน้อยพอเข้าใจความรู้สึกของท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้จึงขอก้มหน้ารับไว้แต่ผู้เดียวแล้ว" นายอำเภอหยางพยายามปฏิเสธเช่นเดิมอย่างมิมีทีท่าว่าจะใจอ่อนแม้แต่น้อย
"ถือว่ายายแก่อย่างข้าขอร้องท่านได้หรือไม่ ทั้งลูกท่านและหลานในท้องให้พวกเรามีส่วนช่วยรับผิดชอบเถิดนะให้ข้าคุกเข่าก็ยอม"
"ท่านย่า/ท่านย่า" หยางจิวเมิ่งและเหอจิ้นเค่อร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
"ฮูหยินผู้เฒ่า โปรดอย่าทำเช่นนี้เลยข้ารับไม่ไหวหรอก"
หญิงชราทำท่าจะคุกเข่าลงไปถูกนายอำเภอห้ามปรามเอาไว้ได้ทันท่วงที เล่นเอานายอำเภอหยางตกใจจนนึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเหอจะยอมลดตัวลงมาคุกเข่าขอร้องคนต่ำต้อยเช่นเขา
"ท่านพ่อตา โปรดเมตตาให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด ข้าสาบานว่าจะปกป้องลูกชายท่านและลูกข้าที่กำลังจะเกิดมาด้วยชีวิตชาตินี้ทั้งชาติข้าจะไม่ทอดทิ้งเขาเด็ดขาด ข้าจะดูแลเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดีไม่ให้ลำบากแม้แต่น้อย หากผิดคำพูดในวันนี้ขอให้ข้าต้องตายอย่างไร้ผืนดินกลบหน้า" เหอจิ้นเค่อคุกเข่าลงขอร้องนายอำเภออย่างสุดความสามารถกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นด้วยความจริงใจ
"เฮ้อ.. แล้วพวกท่านจะทำเช่นไร ชาวบ้านจะติฉินนินทา เรื่องนี้อย่างไรก็ปิดไม่มิด ตระกูลท่านใหญ่โตมีชื่อเสียงขนาดนี้หลานชายคนโตของตระกูลกลับแต่งชายมาเป็นภรรยา อย่างไรก็ต้องเป็นที่โจษจันกันทั่วเมือง" นายอำเภอกล่าวอย่างเหนื่อยใจกับความดื้อดึงของสองย่าหลานที่ดึงดันจะรับผิดชอบลูกชายเขาและเด็กในท้องให้ได้
"หึ ช่างปะไร ข้าไม่เห็นสนใจ อย่างไรเสียเมิ่งเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ได้ต่างอะไรกับแต่งหญิงเข้าตระกูลกัน เรื่องต่างๆ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงให้เป็นธุระข้าและตระกูลเหอออกหน้าเถิด เพียงแค่ท่านยอมให้เด็กสองคนแต่งงานกันก็พอ" หญิงชรากล่าวด้วยสีหน้าแววตามุ่งมั่น
"ได้โปรดเถิดท่านพ่อตา" เหอจิ้นเค่อเห็นเช่นนั้นจึงคุกเข่าลงขอร้องอีกคนเพื่อให้นายอำเภอหยางยอมใจอ่อน
"เอาล่ะๆ คุณชายลุกขึ้นเถิด ข้าตกลง แล้วทางด้านท่านเจ้าเมืองกับฮูหยินเล่า"
"ท่านพ่อท่านแม่ไม่ว่าอันใดขอรับ"
"จริงหรือ จากที่ข้าเห็นเมื่อครู่ดูท่านไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่นัก"
"เรื่องเจ้าสองคนนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป หากพวกเขากล้ามีปัญหายายแก่อย่างข้าจะจัดการพวกเขาสองคนเอง"
"ข้าจะลองเชื่อใจพวกท่านดูสักครั้ง แค่ครั้งนี้เท่านั้น หากวันใดท่านทำให้ลูกของข้าต้องเสียใจ ข้าจะเอาเขาและหลานกลับคืนไปเลี้ยงดูเอง ต่อให้ท่านมีอำนาจแค่ไหนข้าก็ไม่กลัว ท่านจะไม่มีวันได้พบพวกเขาอีกเลยตลอดชีวิตจงจำไว้ให้ดี"
"ขอรับๆ ขอบพระคุณท่านพ่อตาขอรับ ข้าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด" คุณชายเหอรีบขอบคุณด้วยความยินดีเมื่อนายอำเภอยอมใจอ่อนตกลงกับเขาในที่สุด
"เช่นนั้นก็ดี เอาหล่ะท่านลุกขึ้นเถิดคุณชาย" นายอำเภอหยางดึงร่างหนาที่คุกเข่าตรงหน้าขึ้น ยิ้มรับด้วยความพอใจหลังจากได้คำสัญญาที่หนักแน่นจากว่าที่ลูกเขย ทั้งยังมาทำเนียนเรียกเขาว่าพ่อตาเสียตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งกัน
"อีกสามวันข้าจะจัดงานแต่งให้ หากท่านต้องการนำตัวเมิ่งเอ๋อร์กลับไปในวันนี้ก็ได้ แต่อีกสามวันเกี้ยวเจ้าสาวจะไปรับเขากลับมาอย่างสมฐานะฮูหยินน้อยของตระกูลเหอ" ฮูหยินเฒ่ากล่าวอย่างมุ่งมั่นด้วยแววตายินดีปรีดายิ่งนัก
"สามวัน มันไม่เร็วไปหรือขอรับท่านฮูหยินผู้เฒ่า" นายอำเภอหยางตกใจเล็กๆ กับระยะเวลาที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว การจัดงานแต่งต่อให้งานเล็กๆ ก็ต้องใช้เวลาตระเตรียมการกันหลายวัน แต่นี่ภายในสามวันมิเร็วไปหน่อยหรือ
"ช้าไปเสียด้วยซ้ำ เมิ่งเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์เด็กโตขึ้นทุกวันใจข้าอยากแต่งให้เสียวันนี้เลย แต่ต้องตระเตรียมหลายอย่างให้สมฐานะหลานสะใภ้คนโตของข้า งานนี้ต้องยิ่งใหญ่สมฐานะตระกูลเหอ"
"ท่านย่า มิต้องจัดการอะไรใหญ่โตก็ได้ขอรับ ทำพิธีเงียบๆ เรียบง่ายเล็กๆ ก็พอข้า.." หยางจิวเมิ่งพยายามห้ามปรามแต่กลับถูกหญิงชราห้ามเสียเอง
"ไม่ได้หรอกลูก เจ้าเชื่อย่าเถิดหนา ไหนๆ คนจะลือ ข้าจะให้มันได้ลือกันให้สมใจ" หญิงชรายกยิ้มมุมปากสีหน้ามาดมั่น ทำเอาผู้เป็นหลานชายรู้สึกขนลุกพิกล ดูท่าท่านย่าเขาคงมีแผนการในใจแล้ว งานแต่งในครั้งนี้คงไม่ใช่ธรรมดาเป็นแน่
.
.
.
หยางจิวเมิ่งถูกนายอำเภอหยางพาตัวกลับบ้านในวันนั้น เพื่อรองานแต่งอีกสามวันข้างหน้า เมื่อมาถึงบ้านก็เจอกับแม่เลี้ยงและน้องชายคอยอยู่ นายอำเภอปิดปากเงียบเพราะลูกชายขอร้องไว้ว่ายังไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องที่เขาตั้งครรภ์ เขายังไม่พร้อมเพราะกลัวเรื่องนี้จะแพร่ออกไปก่อนงานแต่งหากมีใครมาได้ยินเข้า หยางจิวซือก็ตามใจลูกด้วยไม่อยากให้จิวเมิ่งคิดมากจึงมิได้ปริปากพูดสิ่งใดออกไปนอกจากเรื่องแต่งงานที่จำเป็นต้องบอกให้ทุกคนทราบเพื่อเตรียมตัว
"กลับมาแล้วหรือเจ้าคะท่านพี่ จิวเมิ่งหายไปไหนมาท่านพ่อเป็นห่วงเจ้ารู้หรือไม่" แม่เลี้ยงเจอหน้าร่างบางก็ดุขึ้นมาทันที หลายวันนี้ที่เจ้าเด็กนี่ก่อเรื่องหายจากบ้านไปทำให้ในบ้านวุ่นวายตามหากันอยู่นานจนนางนึกหงุดหงิด
"เอาเถอะฮูหยินข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดกับเจ้า"
"อีกสามวันจิวเมิ่งจะแต่งงาน เจ้าก็เตรียมตัวไว้ด้วย"
"ห๊ะ แต่งงานหรือเจ้าคะ"
นายอำเภอหยางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินฟังยกเว้นก็เพียงแต่เรื่องที่จิวเมิ่งตั้งครรภ์ยังคงเก็บเงียบไว้ก่อน ฮูหยินนายอำเภอได้ฟังก็ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ เรื่องประหลาดเช่นนี้เหตุใดท่านพี่ของนางจึงยอมให้เกิดโดยง่าย งานสมรสระหว่างบุรุษและบุรุษด้วยกันนี่มิเป็นข่าวใหญ่ของเมืองนี้เลยหรือ แต่พอนึกๆ ดูถึงฐานะอีกฝ่ายท่านพี่ของนางก็คงยากปฏิเสธทั้งเป็นผู้บังคับบัญชาและยังร่ำรวยมหาศาลจึงทำให้ยากจะเลี่ยงได้โดยง่าย
"ไปยั่วยวนคุณชายเหออีท่าไหนเข้าล่ะเจ้าน่ะ เขาจึงถึงขั้นมาตบแต่งให้ ข้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กเพิ่งจะรู้ว่าแท้จริงเจ้าเป็นพวกต้วนซิ่ว[1]บุรุษตัดแขนเสื้อ เหอะ แต่อย่างไรเสียได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมแม่เลี้ยงคนนี้เสียล่ะ ตอบแทนบุญคุณข้าบ้างที่เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งนาน" ฮูหยินหยางพูดจากระทบกระเทียบร่างบางด้วยความหมั่นไส้หลังจากสามีออกไปทำงานแล้ว ร่างบางที่กำลังให้อาหารสุนัขอยู่ใต้ต้นไม้ได้แต่เงียบเฉย ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าโต้ตอบใดๆ เช่นเคย
"..."
"พูดแล้วทำเป็นหูทวนลมไปเถอะ เป็นอะไรโกรธหรือทำหน้าตาเช่นนั้น" เพียงแค่เขาไม่ได้ตอบใดๆ กลับไป แม่เลี้ยงก็จ้องหาเรื่องด้วยความหมั่นไส้ในตัวเขา นางยังคงหาเรื่องด่าว่าไปเรื่อยเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิด สีหน้าเวลานี้เพียงเกิดขึ้นเพราะเขากำลังนิ่วหน้าหลังจากอาการเวียนหัวกำลังตีขึ้นมาจนเริ่มรู้สึกตาลาย
อาการแพ้ท้องของเขากำเริบขึ้นมาอีกแล้ว
"จะแต่งงานก็ยังให้มาเดือดร้อนข้า ไปเลยนู่นลานหน้าบ้านน่ะช่วยข้ากวาดบ้าง อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นลูกบ้านนี้อยู่ ข้าไม่มีปัญญาดูแลทำความสะอาดทั้งบ้านคนเดียวหรอกนะ ป้าสามก็ลากลับไปเยี่ยมญาติยังไม่กลับเช่นนี้ เจ้าจะอยู่เฉยๆ เป็นคุณชายเช่นนี้คงไม่ได้"
"แต่ท่านแม่ขอรับ ตอนนี้แดดแรงนัก เย็นๆ ข้าค่อยไปกวาดให้ท่านได้หรือไม่" ร่างบางพยายามต่อรองเพราะกลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวจนเป็นลมไป หากเกิดเรื่องขึ้นมาคงจะยุ่ง
"แดดร้อนแล้วจะทำไม แค่จะได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ก็ลืมกำพืดเสียแล้วหรือ แต่งเข้าไปน่ะท่านเจ้าเมืองกับฮูหยินจะรับเจ้าเป็นสะใภ้หรือไม่ยังไม่รู้เลยเหอะ อย่ามาทำเรื่องมากนักเลย เมื่อก่อนก็ทำได้ไม่เห็นเคยบ่น พอจะแต่งกับคนรวยเข้าหน่อยทำเรื่องมาก"
"แต่ข้า..."
"ไม่มีแต่ ไปเดี๋ยวนี้ไม่เช่นนั้นวันนี้ไม่ต้องกินข้าว"
"ขอรับ"จิวเมิ่งยอมทำตามแต่โดยดีเพราะดูเหมือนเถียงไปก็ไม่ชนะ เขาเพียงไม่อยากตากแดดเพราะกลัวว่าตัวเองจะหน้ามืดไปอีกแค่นั้น อาการแพ้ของเขามันยังไม่ทุเลาแม้แต่น้อยแต่จะให้แม่เลี้ยงรู้นางคงค่อนแคะไม่เลิกอีก เขาจึงขี้คร้านจะฟัง
ร่างบางยืนกวาดลานหน้าบ้านกลางแดดร้อนจัดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเขาก็เริ่มพร่าเลือนเพราะร่างกายที่อ่อนแอตอนนี้ตากแดดเพียงแค่นี้ก็พานจะเวียนหัว สองแก้มนวลแดงดุจลูกตำลึงด้วยความระอุของอากาศ เม็ดเหงื่อเริ่มซึมผุดขึ้นตามกรอบหน้าแต่ก็ยังพยายามฝืนอดทนกวาดลานนั้นไปอย่างช้าๆ เท่าที่พอจะทำไหว
ขณะที่เขากวาดลานไปได้เพียงครู่ไม้กวาดในมือก็โดนแย่งไปร่างหนาที่ยืนซ้อนด้านหลังดึงไม้กวาดออกจากมือเขามาถือเสียเอง
"ทำไมมาทำงานเช่นนี้"
"ข้าไม่อยากให้คนสงสัย เอามา"
"ข้าทำให้"
"ไม่ต้อง ท่านกลับไปเสีย" หยางจิวเมิ่งร้องห้าม คนสูงส่งเช่นคุณชายเหอนะหรือจะมาทำงานหยาบเช่นนี้ได้ หากใครมาเห็นเข้าคงไม่ดีเป็นแน่
"ไม่ได้ เจ้าไปนั่งพักในร่มเสียเถิด ยามนี้แดดช่างร้อนนัก หน้าตาเจ้าเวลานี้ช่างซีดเซียวเหลือเกิน หากเป็นลมเป็นแล้งไปจะแย่"
"แต่"
"ไปเถอะ อย่าดื้อเลย นึกเสียว่าเห็นแก่ลูก"
ร่างหนาโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายเดินเข้าร่มเงาไปนั่งพัก ส่วนเขาก็ลงมือจัดการทำงานต่างๆ แทนอย่างไม่ปริปากบ่น จิวเมิ่งมองคนตรงหน้าอย่างนึกไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเหอจะลงมือทำงานหยาบพวกนี้เพื่อเขาด้วยตนเอง แม้เขาจะยังโกรธอีกฝ่ายอยู่บ้างแต่ก็สัมผัสถึงความจริงใจที่คุณชายเหอทำให้ได้อย่างดี เขารู้ดีเต็มอกว่าอีกฝ่ายสำนึกผิดอย่างมากต่อสิ่งที่ทำลงไปและพยายามชดเชยในสิ่งที่ก่อ แต่คนที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาเช่นเขา แม้อยากให้อภัยได้โดยง่ายแค่ไหนแต่ในใจของเขาลึกๆ ยังคงรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์นั้นอยู่ คงมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาบาดแผลในหัวใจ
TBC.
#พรวิเศษ
เชิงอรรถ
^ ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (****)’ คือสำนวนจีนสำนวนหนึ่งที่แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’ ซึ่งมีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ ซึ่งเรื่องนี้มีที่มาจากคู่รักร่วมเพศในประวัติศาสตร์จีนคู่หนึ่ง ซึ่งไม่ได้แค่รักร่วมเพศธรรมดา แต่ฝ่ายหนึ่งกลับหลงอีกฝ่ายจนเกือบทำบ้านเมืองล่มจมมาแล้ว [ที่มา:เพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ บทความ ต่งเสียน-อายตี้ พิศวาสตัดแขนเสื้อ วันที่ 17 เมษายน 2016]