ตอนที่ 3
พาลิณีต้องอ้าปากค้างทันทีเมื่อรู้แผนการที่เขา วาง เอา ไว้ล่วงหน้า
“โฉดชั่วจริง คุณนี่มันเลว แบบ ไม่มีที่ติจริงๆ”
และพาลิณีก็พร้อมที่จะทำตาวับวาวใส่เขาด้วยคำพูดคมกริบ ตอบโต้ทั้งที่ เนื้อตัวยังสั่นอยู่
หากชายหนุ่มก็อึ้งเช่นกันที่เขาถูกหล่อนว่ากล่าวประณามอย่างรุนแรงและไม่นึกว่าปากของหล่อนจะร้ายไม่เบาทีเดียว
“ฮึ เลวยังงั้นหรือแต่มันก็เหมาะสม พอๆ กับ ความชั่วที่ญาติของเธอทำลงไปไม่ใช่หรือ จนมีผลที่ทำให้ ชีวิตหนึ่งจบสิ้นไป”
พาลิณีนั้นก็ยังรับฟัง และทั้งรู้สึกเกร็งเจ็บปวดหัวใจ
“ค่ะฉันพอจะเข้าใจความคิดของคุณแต่ความอาฆาตแค้นของคุณแบบนี้ มันไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย้อนกลับมาดังเดิมได้”
พาลิณีพยายามเตือนสติเขาหากว่ารัมธ์กำลังครุ่นคิดนั่นเพราะพี่เขยอกตัญญูและเงินทั้งหมดที่ตนุผลาญไป คือเงินที่พี่สาวของเขา นั้นให้ไปเพื่อลงทุนทำธุรกิจ หาก มันกลับทำธุรกิจเจ๊ง จนธุรกิจพังทลายแล้วก็ หนีไปจากพี่สาวของเขา โดยไม่รับผิดชอบ และมันแอบไปมีคนใหม่
เมื่อรัมธ์ทราบเรื่องนี้เขาแค้นแทบกระอักเลือด เลยทีเดียวเพราะพี่สาวของเขานั้นมาฟูมฟายด้วยน้ำตา ว่าพี่เขยของเขา ไปติดพันผู้หญิงทางกรุงเทพ และถึงขั้น หอบข้าวหอบของเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ด้วยกันเสวยสุขด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ จากนั้นชายหนุ่มก้าวเท้ามาอีก และหยุดตรงหน้าหล่อน พร้อมเขายกมือขึ้นเชยที่คางนวล ของหล่อน
“เงยหน้าแล้วก็มองดูให้เต็มตาจะได้ดูให้เต็มตาว่าฉันเป็นใคร”
“ผู้ชายสารเลวคนหนึ่ง” ปากหล่อนด่าพรวดทันที
สีหน้าของรัมธ์เปลี่ยนเป็นขึงขังและเหี้ยมเกรียมใส่
“ไหนพูดใหม่ซิ เมื่อกี้เธอพูดอะไรออกมา”
และพาลิณี นั้นกลับตวัดดวงตา ขึ้นมองพร้อมจ้อง เขาอย่างท้าทาย
“ฉันพูดถึงผู้ชายสารเลวคนหนึ่งต่างหากล่ะก็แค่ เท่านั้นเองค่ะ ”
“อ้อถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าหมาก็ได้เพราะคงไม่ต้องไปยกย่องถึงขนาดนั้น”
“นั่นคุณพูดเองนะคำนั้น เพราะฉันไม่ได้แตะต้อง เลยสักนิดเดียว”
มือที่ยังเชยคางกลับบีบกดจนเนื้อนุ่มรู้สึกเจ็บเพราะเขาไม่ปรานีสักนิด คนใจร้าย
“ผมเป็นโจรและมันมีความเถื่อนอยู่ในตัวก็เลยไม่คิดจะปรานีผู้หญิงใจชั่วและมีญาติเชื้อชั่วๆของคนที่ เป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่สาวต้องฆ่าตัวตาย”
“นี่ นายแค้นใคร ก็ไปทำใส่คนนั้นสิ แล้วทำไมต้องมาทำกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างฉัน”
พาลิณีแหวใส่ อย่างเหลืออด
“อ้าว ใครว่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่ล่ะ”
เขาทอดน้ำเสียงช้าๆ เอ่ยตอบ
“เพราะมันก็ก๊กเดียวกัน และนามสกุลก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ พูดแบบนี้ ฮึ หรือพวกคุณคิดจะปัดความรับผิดชอบกันล่ะ ไม่มีทาง”
พาลิณีอึ้งอีกครั้ง หล่อนคิดว่านี่คงจะพูดจาภาษาเดียวกับเขาไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะเขาไม่ต่างอะไรกับที่หล่อนต้องเป่าปี่ให้ควายฟัง
“นี่คุณช่วยปลดโซ่ที่ล่ามให้ฉันทีได้มั๊ยฉันรู้สึกอึดอัด” เขาไม่ทำตามและไม่ฟังจึงผลุน
ผลันออกไป พาลิณีมองตามด้วยความรู้สึกที่เคียดแค้น นั่นเพราะ รัมธ์คิดว่า หล่อนพยศเกินควร ที่นี่คืออาณาจักรกว้างขวางของเขาเพราะที่นี่มีคนของเขา หล่อนจะไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้ มันอันตรายอยู่รายรอบ และถึงยังไงมันก็ไม่มีคำตอบจากเขา เพราะว่ารัมธ์ก้าวออกไปแล้ว
หากเมื่อรัมธ์ก้าวสู่ตึกใหญ่อีกครั้งสีหน้ายังคร่ำเคร่ง เพราะรู้ว่า เขาจะให้หล่อนอยู่ที่นี่อีกนาน เพราะถ้าเขายังไม่พึงพอใจกับสิ่ง ที่คนในครอบครัวของหล่อนทำกับ พี่สาวของเขาคือ สิรวรรณ ที่จากโลกนี้ไปแล้ว เหลือแต่หลานชาย เด็กชาย ภัทร ยิ่งไม่มีแม่เขาก็ยิ่งรักหลานชายคนนี้อย่างมากกว่าเดิม
เพราะตอนนี้ รัมธ์ยังเป็นโสด และเขาไม่ได้แต่งงาน ถึงแม้ว่าชีวิตของเขาจะมีหญิงสาวเข้ามาพัวพันมากมาย ก็ตาม เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ และร่ำรวยมหาศาล หากแต่รัมธ์ ก็กลับไม่ได้คบและเลือกใครเป็นพิเศษ จากนั้นรัมธ์ก็ถอนใจ
และเมื่อเดินเข้ามาถึงกลางห้องโถง เห็นหลานชายนั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟาก็ยิ้มให้
ซึ่งหลานชายที่ใบหน้ายังซีดเหมือนคนเป็นไข้ตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้เขาเลยบอกให้หยุดพักไม่ต้องไปโรงเรียน
พร้อมกับให้คนรับใช้คอยดูแลให้ทานยาจนรัมธ์กลับมาอีกครั้งและเขายกมือขึ้นอังหน้าผากของหลานชาย รู้สึกว่าเริ่มเย็นลง
“น้องภัทรตอนนี้ ไข้เริ่มลดลงและเริ่มเย็นลงแล้วนี่ ”
“ครับน้ารัมธ์”
เด็กชายอุทานพร้อมโผตัวเข้าไปกอดเขา
“งั้นน้ารัมธ์ครับเดี๋ยวน้ารัมธ์ต้องกินข้าวกับภัทรนะครับ ภัทรอยากกินข้าวกับน้ารัมธ์” อ้อนน้าชาย
“ได้เลย เพราะน้าเองก็หิวเหมือนกัน”
เขาตอบแบบเอาใจหลาน เพราะใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงในการปะทะคารมกับเชลยสาวปากจัด ปากกล้า และอวดดีเสียจนกรามทั้งสองข้างของรัมธ์ต้องบดเบียดเข้าหากันแบบไม่รู้ตัวเพราะความแค้น
และนางสาวจำปีสาวใช้ในบ้านเมื่อรู้ว่าเขามาถึงแล้วก็เดินเข้าไปถาม
“คุณรัมธ์จะให้หนูจัดสำรับอาหารมื้อเที่ยงเลยหรือเปล่าคะ”
รัมธ์ขยับสายตาไปยังคนใช้พยักหน้า
“เอ้าก็แบบเดิม และที่เดิม จัดรอไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะลงมาอีก อ้อ อย่าลืมจัดเผื่อให้นายภัทรด้วย.. วันนี้หลานจะกินข้าวกับฉัน”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยตอบแล้วเดินจากไป และในเวลาต่อมา อาหารมื้อนี้ช่างแสนเอร็ดอร่อยเสียจริงสำหรับสองน้าหลาน ที่กินอาหารจนอิ่มแปล้พุงกางอย่างมาก
จากนั้นเด็กชายภัทรได้ขอตัวขึ้นไปข้างบนเพื่อทำธุระส่วนตัว ส่วนรัมธ์เขาก็ยังนั่งครุ่นคิดตามลำพังที่โซฟา ในห้องรับแขก
สิบห้านาทีต่อมา ก็มีร่างของสีดาพร และหล่อนเป็นญาติของอดีตสามีของพี่สาว และเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนุ บิดาของเด็กชายภัทร หากรัมธ์ ในฐานะเจ้าของบ้าน จึงต้อนรับหล่อนตามมารยาท
“สีดามาเยี่ยมตาภัทรค่ะคุณรัมธ์ทราบมาว่าตาภัทรไม่ได้ไปโรงเรียนเลย เอ ไม่รู้ป่วยไข้ไม่สบายหรือเปล่า สีดาเป็นห่วง เลยขับรถมาหาที่นี่”
เขาพยักหน้าตามที่หล่อนเอ่ย พร้อมกับเขาเอ่ย
“รู้สึกไข้จะขึ้นแต่เช้าครับ แต่ตอนนี้อาการเริ่มลดลงแล้ว พรุ่งนี้น้องภัทรก็คงไปโรงเรียนได้ตามปกติ”